นี่เพิ่งตกหลุมรัก The Residenceไปจ้าา ดูจบแล้วแบบบเห้ยยจบแล้วเหรอ อยากดูอีกกกก
คือ...ตอนแรกเปิดดูเพราะเห็นคำว่า “นักสืบหญิง” แล้วก็อยู่ในทำเนียบขาวด้วยนะ แบบ โอ้ย มันต้องมีอะไรปัง ๆ สิ แล้วคือ...มันก็ปังจริงอะ!
อย่างแรกเลย งานอดิเรกของนักสืบคัพท์คือแบบ...บอกตรง ๆ ว่า มันน่ารักเวอร์ ใครจะไปคิดว่านักสืบสุดเท่ที่แกะเบาะแสเก่งระดับ FBI จะเป็นคนคลั่งนก? แล้วไม่ใช่แค่ชอบดูนกเฉย ๆ นะ แต่เอาความเป็น “นก” มาใช้เปรียบเทียบกับผู้คนตอนสืบสวนอีก คือแบบ...ใครมันจะคิดได้นอกจากเธออะ? มันแปลก แต่มันใช่ และมันทำให้เรารู้เลยว่าเธอไม่ได้แค่ใช้สมองอย่างเดียว แต่เธอใช้ “หัวใจ” และ “สายตาที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์” มองคนด้วย
แล้วนี่แบบ...อินตรงนี้อะ คือคิดว่าคนเราถ้ามองอีกคนด้วยวิธีที่ “ไม่ธรรมดา” แบบนี้ได้ แสดงว่าเขาเข้าใจชีวิตลึกมาก ๆ อะ เธอไม่ได้แค่ไขคดี แต่เธอเข้าใจคนจริงๆ
แล้วประเด็นที่แบบจี๊ดเลยคือ ตอนที่เราเริ่มรู้ว่า...ไม่มีใครในบ้านนั้น “ชอบ” เอบี วินเทอร์เลย...
โอ้โห มันโหดมาก คือเรื่องนี้ไม่ใช่แค่สืบว่าใครฆ่า แต่มันค่อย ๆ เปิดให้เห็นว่าคนตายก็ไม่ได้ขาวสะอาด และความสัมพันธ์ของมนุษย์มันซับซ้อนจนบางทีคนที่ดูเหมือนอยู่สูงสุด กลับโดดเดี่ยวที่สุดแบบไม่รู้ตัว มันทำให้เราคิดเลยว่า...ถ้าเราตายไป จะมีใครพูดถึงเราด้านดีบ้างมั้ย หรือแอบดีใจลึก ๆ เหมือนคนในบ้านนี้ที่เราตายๆไปซักที
อีกอย่างที่ต้องชมสุด ๆ คือ “ภาพ”
คือมันสวยมากกกก แบบมันไม่ใช่แค่ซีรีส์สืบสวนมืด ๆ ทึม ๆ นะ แต่มุมกล้อง สีแสง และการเซ็ตฉากคือดีอะ เหมือนงานศิลป์ที่ขยับได้ มันทำให้เรื่องดูมีมิติขึ้นมาก มุมกล้องเวลาสัมภาษณ์ผู้ต้องสงสัยก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั้นด้วยจริง ๆ มันไม่ใช่แค่ดู แต่มันเหมือนเรา “ถูกจับจ้อง” พร้อมกับเธอเลย
สรุปฟีลลิ่งหลังดู
ไม่คิดว่าจะตกหลุมรักนักสืบ ได้ขนาดนี้ ฮ่า ๆ มันเป็นซีรีส์ที่ทำให้เราไม่ได้แค่เดาว่า “ใครฆ่า” แต่ทำให้เราค่อย ๆ เห็นว่า “ทำไม” ทุกคนถึงเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็ทำให้เราสะท้อนกลับมาหาตัวเองด้วยว่า...
ถ้าเราเข้าใจคนให้ได้เท่าครึ่งของนักสืบคัพท์ โลกนี้คงดีขึ้นเยอะเลยล่ะ
คะแนนจากใจ เราที่ชอบคนฉลาดและมีนกเป็นเพื่อน
10/10
ดูแล้วอยากนั่งสืบคดีพร้อมนักสืบไปตลอดชีวิตเลยจริง ๆ
รีวิวหนังอเมริกาจากNetlfix
นี่เพิ่งตกหลุมรัก The Residenceไปจ้าา ดูจบแล้วแบบบเห้ยยจบแล้วเหรอ อยากดูอีกกกก
คือ...ตอนแรกเปิดดูเพราะเห็นคำว่า “นักสืบหญิง” แล้วก็อยู่ในทำเนียบขาวด้วยนะ แบบ โอ้ย มันต้องมีอะไรปัง ๆ สิ แล้วคือ...มันก็ปังจริงอะ!
อย่างแรกเลย งานอดิเรกของนักสืบคัพท์คือแบบ...บอกตรง ๆ ว่า มันน่ารักเวอร์ ใครจะไปคิดว่านักสืบสุดเท่ที่แกะเบาะแสเก่งระดับ FBI จะเป็นคนคลั่งนก? แล้วไม่ใช่แค่ชอบดูนกเฉย ๆ นะ แต่เอาความเป็น “นก” มาใช้เปรียบเทียบกับผู้คนตอนสืบสวนอีก คือแบบ...ใครมันจะคิดได้นอกจากเธออะ? มันแปลก แต่มันใช่ และมันทำให้เรารู้เลยว่าเธอไม่ได้แค่ใช้สมองอย่างเดียว แต่เธอใช้ “หัวใจ” และ “สายตาที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์” มองคนด้วย
แล้วนี่แบบ...อินตรงนี้อะ คือคิดว่าคนเราถ้ามองอีกคนด้วยวิธีที่ “ไม่ธรรมดา” แบบนี้ได้ แสดงว่าเขาเข้าใจชีวิตลึกมาก ๆ อะ เธอไม่ได้แค่ไขคดี แต่เธอเข้าใจคนจริงๆ
แล้วประเด็นที่แบบจี๊ดเลยคือ ตอนที่เราเริ่มรู้ว่า...ไม่มีใครในบ้านนั้น “ชอบ” เอบี วินเทอร์เลย...
โอ้โห มันโหดมาก คือเรื่องนี้ไม่ใช่แค่สืบว่าใครฆ่า แต่มันค่อย ๆ เปิดให้เห็นว่าคนตายก็ไม่ได้ขาวสะอาด และความสัมพันธ์ของมนุษย์มันซับซ้อนจนบางทีคนที่ดูเหมือนอยู่สูงสุด กลับโดดเดี่ยวที่สุดแบบไม่รู้ตัว มันทำให้เราคิดเลยว่า...ถ้าเราตายไป จะมีใครพูดถึงเราด้านดีบ้างมั้ย หรือแอบดีใจลึก ๆ เหมือนคนในบ้านนี้ที่เราตายๆไปซักที
อีกอย่างที่ต้องชมสุด ๆ คือ “ภาพ”
คือมันสวยมากกกก แบบมันไม่ใช่แค่ซีรีส์สืบสวนมืด ๆ ทึม ๆ นะ แต่มุมกล้อง สีแสง และการเซ็ตฉากคือดีอะ เหมือนงานศิลป์ที่ขยับได้ มันทำให้เรื่องดูมีมิติขึ้นมาก มุมกล้องเวลาสัมภาษณ์ผู้ต้องสงสัยก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั้นด้วยจริง ๆ มันไม่ใช่แค่ดู แต่มันเหมือนเรา “ถูกจับจ้อง” พร้อมกับเธอเลย
สรุปฟีลลิ่งหลังดู
ไม่คิดว่าจะตกหลุมรักนักสืบ ได้ขนาดนี้ ฮ่า ๆ มันเป็นซีรีส์ที่ทำให้เราไม่ได้แค่เดาว่า “ใครฆ่า” แต่ทำให้เราค่อย ๆ เห็นว่า “ทำไม” ทุกคนถึงเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็ทำให้เราสะท้อนกลับมาหาตัวเองด้วยว่า...
ถ้าเราเข้าใจคนให้ได้เท่าครึ่งของนักสืบคัพท์ โลกนี้คงดีขึ้นเยอะเลยล่ะ
คะแนนจากใจ เราที่ชอบคนฉลาดและมีนกเป็นเพื่อน
10/10
ดูแล้วอยากนั่งสืบคดีพร้อมนักสืบไปตลอดชีวิตเลยจริง ๆ