อรุณกาล (2024) ..แด่ความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมา....



ยงค์ ชายชราในจังหวัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อดีตเขาเคยเป็นทหารผ่านศึก
บาดแผลแห่งสงครามยังหลงเหลือให้เห็นซึ่งก็คือนิ้วชี้ข้างขวาที่ถูกตัดออกไป...



ยงค์มีความฝันที่จะสร้างบ้านต้นไม้ด้วยตัวของเขาในช่วงเวลาที่ยังมีเรี่ยวแรงทำไหว
ชีวิตประจำวันของชายชรานอกจากจะดูแลสวนดอกกุหลาบที่เขาปลูกแล้ว
ก็คือการเลี้ยงดูเซียง หลานสาวที่พ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก .. เซียงเป็นเด็กที่เรียนรู้ไว โดยเฉพาะด้านภาษาต่างประเทศ
ความโดดเด่นนี้ถึงขั้นทำให้มีนักข่าวมาสัมภาษณ์หนูน้อยเลยทีเดียว



เวลายิ่งผ่านไปชายชรารู้ตัวว่าเขานั้นคงอยู่ได้อีกไม่นานเนื่องจากโรคที่รุมเร้า
ขณะเดียวกันอนาคตของหลานสาวก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้เสมอ เธอจะต้องไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้...
ยงค์เฝ้ามองทุกสิ่งที่ผ่านมาอย่างเข้าใจในชีวิต การจากลา..กำลังใกล้มาถึงตัวเขาแล้ว....



อรุณกาล (Regretfully at Dawn) ผลงานภาพยนตร์เรื่องยาวล่าสุดของผู้กำกับกานต์ ศิวโรจน์ คงสกุล
หนังสายประกวดที่ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ San Sebastian Film Festival 2024 ในประเทศสเปน
ในหมวด New Directors  ซึ่ง "อรุณกาล" ถือเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ได้เข้าร่วมบนเวทีแห่งนี้..
และจนถึงตอนนี้ผมว่าก็น่าจะได้ไปฉายในหลายๆประเทศทั่วโลกแล้วล่ะ



หลังจากสร้างชื่อกับโรแมนติกดราม่าอย่าง Eternity ที่รัก
และตอกย้ำความสำเร็จกับผลงานที่ทำให้คนรู้จักเขาในวงกว้างกับซีรี่ย์สืบสันดาน..
มาถึงงานถ่ายทอดความทรงจำในอดีตอีกครั้งกับอรุณกาล หนังที่ทำให้ผู้ชมได้ซึมซับถึงความรู้สึกแห่งความเปลี่ยวเหงาของชีวิตที่ผ่านมา
ความทรงจำที่สวยงามในกาลก่อน รวมไปถึงความจริงแท้ที่ใครก็หลีกหนีไม่ได้อย่างความตาย



สุรชัย จันทิมาธร หรืออาหงา คาราวาน รับบทเป็นยงค์ คุณปู่ผู้ดูแลหลานสาว
เขาก็เหมือนชายชราทั่วไปที่แม้จะดูแข็งแรง แต่ก็มีโรคภัยต่างๆตามวัย แต่เนื่องจากยังมีสิ่งที่ต้องคอยดูแล
ทำให้เขายังเป็นอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ทุกวันเขาเฝ้ามองการเติบโตของหลานสาวอย่างมีความสุข
โดยมีแรมโบ้หมาแก่สีดำเป็นเพื่อนข้างกาย



บทของเซียง หลานสาวนั้น รับบทโดยน้องมากิ มาชิดา สุทธิกุลพานิช นักแสดงสาวน้อยที่น่ารักมาก
เล่นละครเรื่องไหนก็เป็นธรรมชาติสุดๆ เซียงในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เธอเป็นเหมือนแสงสว่าง
เป็นอรุณรุ่งให้กับตัวของคุณปู่เสมอในทุกๆวัน เป็นความหวัง เป็นอนาคตให้กับชีวิตที่โรยราของยงค์ให้มีความหวังสู้ต่อไป
เคมีปู่หลานคู่นี้ทำให้ผู้ชมน้ำตาซึมได้ในหลายๆซีน แม้จะเป็นแค่ฉากธรรมดาๆ ไม่มีอะไร ..
แต่ความธรรมดาที่เห็นนั่นล่ะ มันทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาได้เลยทีเดียว



อีกคน เอ๊ยอีกตัวที่ต้องเอ่ยถึงก็คือน้องหมาในเรื่องที่ชื่อว่าเจ้าแรมโบ้ หรือโบ้ (ชื่อยอดนิยมของหมาทั่วประเทศ)
น้องมีชื่อจริงๆว่าโอเลี้ยงครับ เป็นหมาพันธ์ทางน่ะล่ะ (ใช่มะ) แต่ฉลาดล้ำเลิศ ผ่านงานละครมามากมาย
ที่จดจำได้ชัดๆก็บทของโอลีฟในมาตาลดาทางช่อง 3 .. แรมโบ้เป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์ปู่หลานในบ้านแห่งนี้
นับถือคนฝึกจริงๆครับ เพราะดูจากหนังแล้ว คนฝึกสอนต้องอยู่ไกลจากน้องมากๆเลยทีเดียว



รวมไปถึงนักแสดงสมทบระดับพระกาฬมากมาย อาทิ ปราโมทย์ แสงศร มาสั้นๆ แต่ก็เป็นฉากระเบิดอารมณ์ที่เหนือชั้นเช่นเคย..
วัลลภ รุ่งกำจัด สุดยอดนักแสดงหนังสายประกวด.. ภูมิภัทร ถาวรศิริ มาแป๊บเดียวแต่ก็เป็นฉากระทึกพอสมควร
และศิขรินทร์ ลางคุลเสน ในบทของครูแมรี่ ผู้ที่มองเห็นอนาคตในตัวของเซียง 
ทุกคนคือส่วนเติมเต็มที่ทำให้อรุณกาลสมบูรณ์อย่างยิ่ง



นี่คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดความทรงจำและความหลังที่ผมรู้สึกว่ามันอบอุ่น
มันทำให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านมาในวัยเยาว์ของเราทุกคน คนที่เคยอุ้มชู ดูแล
มือหยาบกร้านคู่นั้นที่เคยจับมือเราไว้ ชี้ชวนให้ดูสิ่งต่างๆไปด้วยกัน ความสุขนั้นมันไม่เคยจางหายไปไหน
เพียงแค่ด้วยวัยที่เติบโต การพบเจอสิ่งใหม่ต่างๆมากมาย
ทำให้ความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้น อาจจะไปอยู่ด้านในของลิ้นชักความทรงจำที่เราไม่ค่อยจะได้เหลียวมองหามันเท่าไรนัก...
จนมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งทำให้เราได้หวนนึกถึงวันเวลาเหล่านั้นอีกครั้ง



ผมชอบซีนท้ายๆที่ปู่ยงค์เขียนบันทึกของตัวเอง มันเป็นประโยคๆนึงที่ไม่ได้ยาวมาก
แต่กลายเป็นว่ามันสื่อได้ถึงทุกบทบาทในชีวิตของเราทุกคนทั้งที่เป็นอยู่ ที่ผ่านมา ได้ดีมาก
จนถึงคำสุดท้ายที่ว่า.. ทำดีที่สุดแล้ว.. เรียบง่าย แค่นั้นเลยจริงๆ ผมนี่ร้องไห้ มันจุกในใจพูดไม่ออก ..
ประกอบกับงานภาพที่ถ่ายเพียงแค่มุมต่างๆในบ้าน เท่านั้นล่ะ องค์ประกอบเหล่านี้ยิ่งเสริมให้ความคิดถึง”บ้าน”ที่เราจากมา มากขึ้นเป็นทวี



อรุณกาลทำให้ผมได้ย้อนกลับไปคิดถึงช่วงชีวิตที่เคยจากมา วันนั้นสำหรับผมก็เหมือนเป็นอรุณรุ่งของตัวเองเช่นกัน
ผมมีความหวังความฝันมากมาย.. แต่อีกไม่นานเตะวันที่เคยสาดแสงก็ต้องลาลับขอบฟ้า
และเมื่อถึงเวลานั้น..ความทรงจำทั้งหมด กับคนที่เรารัก ก็คงได้พบกัน...อีกครั้ง


เครดิตภาพบางส่วนจาก
https://www.threads.net/@sivarojkarnkongsakul
บันทึกโดยคุณ Kong Pahurak


เพราะหนังมันฝังใจ


=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่