สวัสดีค่า ทุกคน~~ 🙋♀️ วันนี้เราขอมาแชร์เรื่องราวของเราที่เคยผ่านการผ่าตัด "กระดูกสันหลังคด" มา เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังเจอปัญหาหลังค่อมแบบเรา หรือคนที่กำลังลังเลว่าผ่าดีไหม ตัดสินใจไม่ถูก
*เราเพิ่งเขียนบทความยาวๆ แบบนี้ครั้งแรก ถ้าข้อมูลตรงไหนเพื่อนๆ สงสัยคอมเม้นท์มาคุย/ถามเพิ่มกันได้นะคะ*
จุดเริ่มต้นความทรมานของเรา 🥲
เรื่องมันเริ่มตอนเราอายุ 12 ตอนนั้นพ่อกับแม่สังเกตเห็นว่าหลังด้านขวาของเรามันมีนูนๆ ขึ้นมา แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ตัวเราเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ พอดูก็ไม่ได้ชัดมากในตอนนั้น แต่แม่ก็พาไปหาหมอ หมอบอกว่าเรามีปัญหากระดูกสันหลังคด แต่ยังไม่เป็นอะไรมาก เลยให้ติดตามดูอาการไปก่อน
ช่วงนั้นชีวิตวัยรุ่นเราก็เริ่มมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ล่ะค่ะ เวลาเดินหรือนั่ง จะเห็นว่าหลังเราไม่ปกติ มีข้างหนึ่งนูนกว่าอีกข้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ไม่มั่นใจนะ เพราะหลังมันไม่เหมือนคนอื่นเขาคือมันดูค่อมมากๆ จนเราเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลย 😭
จะแย่สุดๆ คือตอนต้องแต่งตัวทำกิจกรรมที่โรงเรียน ตอนใส่ส้นสูงแล้วเดินไหล่มันจะไม่เท่ากัน ไหล่ข้างนึงตก เดินดูแปลกๆ พอใส่ชุดรัดรูปแล้วยิ่งแย่ เห็นชัดขึ้นไปอีกว่าหลังเราค่อม แล้วมีอะไรนูนออกมา มันไม่สวยเหมือนคนอื่นเขา ตอนนั้นเราอยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วย ยิ่งรู้สึกแย่มากจนเคยนั่งร้องไห้กับแม่ว่า "ทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะแม่"
ตอนนั้นทั้งพ่อกับแม่พาเราไปเอกซเรย์ที่โรงบาลแห่งหนึ่ง หมอบอกว่าตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรเยอะหรอก ยังไม่ต้องผ่าตัด แค่ติดตามอาการไปก่อน พอได้ยินคำว่า "ผ่าตัด" แรกๆ เราก็กลัวนะ แต่ลึกๆ ก็หวังว่าถ้าผ่าตัดให้จบๆไปแล้วหลังเราจะหายเป็นปกติได้ เราก็โอเค เราก็เริ่มจากการไปกายภาพบำบัดตามคลินิกทั่วไปก่อน ฝึกปรับบุคลิกด้วย ซึ่งจริงๆ มันช่วยได้ไม่มากหรอก แค่ทำให้ดูนูนน้อยลงนิดนึง แต่หลังก็ยังไม่หายอยู่ดี เพราะมันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุจริงๆ อ่ะเราไปตามนัดหมอเป็นประจำ แต่ก็สังเกตว่าหลังเรามันยิ่งแย่ลงทุกปีจนเราเข้ามหาลัย ยิ่งค่อม ยิ่งนูน เพราะตัวเราโตขึ้น ร่างกายเปลี่ยนไปด้วย เราเริ่มกังวลหนักเลยนะว่าอนาคตมันจะยิ่งแย่ไหม
จุดเปลี่ยนของชีวิต!
ที่บ้านเห็นว่ามันไม่ดีขึ้นเลย แม่เราก็เลยไปเสิร์ชหาข้อมูลใน Google แล้วไปเจอโปรแกรมรักษากระดูกสันหลังคดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว 111 แม่ก็เลยพาเราไปปรึกษาที่นั่น ครั้งแรกที่ปรึกษา หมอแนะนำให้ผ่าตัดเลย ซึ่งต่างจากที่อื่น โดยบอกเหตุผลว่าถ้าปล่อยไว้อาการจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีหมอแนะนำให้ผ่า ในขณะที่หมอที่เคยไปมาก่อนหน้านี้ไม่กล้าฟันธงให้ผ่า ตอนแรกเราก็กลัวแบบสุดๆ เลยนะ ว่าการผ่ามันจะเป็นยังไง อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปจะอยู่กับร่างกายเรายังไง จะปลอดภัยรึเปล่า เราคิดไปต่างๆ นานา
หมอก็เลยอธิบายให้ฟังว่า ไททาเทียมที่ใช้นี่เป็นอุปกรณ์พิเศษที่สร้างมาให้อยู่กับร่างกายคนเราเลย มันอยู่ได้ตลอดชีวิตเลยนะ ไม่ต้องกังวล และที่โรงพยาบาลนี้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือระบบเนวิเกเตอร์ในการผ่า มันแม่นยำมากกก ความเสี่ยงก็น้อยลงไปด้วย สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจผ่าคือ หมอบอกว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ อนาคตเราจะมีปัญหากระดูกเสื่อมเร็วกว่าคนปกติเยอะมาก เพราะกระดูกมันเอียงทับกัน ถ้าปล่อยไปอาจมีปัญหาเคลื่อนไหว หรือปวดหลังรุนแรงในอนาคตได้เราก็เลยตัดสินใจกับครอบครัวว่าจะผ่าตัด ถึงจะกลัวมากแค่ไหน แต่คิดว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดล่ะ เพราะเราต้องอยู่กับร่างกายนี้ไปอีกนาน (เราเริ่มผ่าในช่วงม.5 เข้าม.6)
วันที่ต้องเผชิญหน้ากับห้องผ่าตัด 😨
พอถึงวันผ่าตัดจริงๆ เราก็กลัวขึ้นมาเรื่อยๆ เลยแหละ แต่ก็คิดว่า เราผ่านจุดนี้ไปได้ หลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนเตรียมตัวก่อนผ่า หมอดูแลดีมากเลย อธิบายขั้นตอนทุกอย่างให้ฟังจนเรารู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ตอนผ่าเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เพราะดมยาสลบไปหมดแล้ว 😴 พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ห้องพักฟื้นแล้ว ช่วงแรกๆ หลังผ่ามีอาการเมื่อย ปวดแผลบ้าง แต่ไม่ได้เจ็บจนร้องไห้ แค่รู้สึกอึดอัด ทรมานนิดหน่อย หมอก็ให้ยาแก้ปวดมาช่วย
ช่วงพักฟื้น 2-3 วันแรกค่อนข้างลำบากอยู่ ต้องมีคนช่วยเหลือแทบทุกอย่างเลย ทั้งลุก นั่ง เดิน ไปห้องน้ำก็ต้องมีคนช่วย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้ว เริ่มเดินได้ดีขึ้น แม้จะยังเจ็บๆ ปวดๆ อยู่บ้าง
ผลลัพธ์สุดคุ้ม! 👍
หลังผ่าไป 2 เดือน ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ หลังไม่นูนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลังกลับมาตรงปกติ เราพอใจกับผลลัพธ์มากๆ เลย มันทำให้เรากลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง กล้าที่จะแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าต่างๆ หลังไม่ค่อมแล้ว ใครจะมาว่าอะไรเราได้ล่ะ! 😎
หลังตรงไม่ค่อมแล้ววววว 😍
ตอนนี้เราก็กลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติแล้วนะ แค่ต้องระวังเรื่องยกของหนักๆ หรือการออกแรงมากๆ หมอบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน - 1 ปี ร่างกายถึงจะแข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งเราก็รอได้ค่ะ มีคนถามเราบ่อยมากว่า หลังผ่าแล้วจะเคลื่อนไหวได้ปกติไหม จากประสบการณ์ของเรา ก็เคลื่อนไหวได้ปกตินะ แค่บางท่าอาจจะไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนก่อน 100% แต่มันไม่ได้กระทบการใช้ชีวิตประจำวันเลย จนถึงตอนนี้เราก็เรียนจบมหาลัยแล้ว และก็มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เราดีใจมากที่วันนั้นเลือกผ่าตัด รักษาจนหาย วันนี้เราได้ทำตามความฝันในอาชีพที่เราอยากเป็นได้แล้วนะคะ
ตอนนี้มั่นใจขึ้นมาก อยากแต่งตัวสไตล์ไหนก็ไม่ต้องกลัวคนว่าหลังค่อม
ข้อคิดฝากถึงคนที่เจอปัญหาแบบเรา 🙏
สำหรับใครที่มีอาการเหมือนเรา มีปัญหาหลังค่อม หรือกระดูกสันหลังคด เราอยากให้รีบไปปรึกษาหมอนะ อย่าปล่อยไว้นานเหมือนเรา เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน อาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้ากลัวการผ่าตัด เราเข้าใจค่ะ เราก็กลัวมากเหมือนกัน แต่คิดดูแล้วมันคุ้มที่จะรักษาอย่างจริงจัง ลองมาคิดๆดู เราไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เลย มันเปลี่ยนชีวิตเราไปเยอะมาก ทำให้เรากลับมามั่นใจอีกครั้ง สุดท้ายอยากจะบอกว่า เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่ารอให้อาการหนักเกินไป ถ้ารู้สึกว่ามีปัญหา ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลย ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าไปเยอะแล้ว ปัญหากระดูกสันหลังคดแก้ไขได้จริงๆ นะคะหวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆ คนนะคะ สุดท้ายเราขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องมาเจอแบบเรา หรือถ้าเป็นอะไรก็ขอให้เจอหมอเก่งๆรักษาจนหายแบบเรานะคะ 😘💪
เปิดประสบการณ์... ผ่าตัดกระดูกสันหลังคด แก้หลังค่อม
จุดเริ่มต้นความทรมานของเรา 🥲
เรื่องมันเริ่มตอนเราอายุ 12 ตอนนั้นพ่อกับแม่สังเกตเห็นว่าหลังด้านขวาของเรามันมีนูนๆ ขึ้นมา แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ตัวเราเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ พอดูก็ไม่ได้ชัดมากในตอนนั้น แต่แม่ก็พาไปหาหมอ หมอบอกว่าเรามีปัญหากระดูกสันหลังคด แต่ยังไม่เป็นอะไรมาก เลยให้ติดตามดูอาการไปก่อน
ช่วงนั้นชีวิตวัยรุ่นเราก็เริ่มมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ล่ะค่ะ เวลาเดินหรือนั่ง จะเห็นว่าหลังเราไม่ปกติ มีข้างหนึ่งนูนกว่าอีกข้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ไม่มั่นใจนะ เพราะหลังมันไม่เหมือนคนอื่นเขาคือมันดูค่อมมากๆ จนเราเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลย 😭
จะแย่สุดๆ คือตอนต้องแต่งตัวทำกิจกรรมที่โรงเรียน ตอนใส่ส้นสูงแล้วเดินไหล่มันจะไม่เท่ากัน ไหล่ข้างนึงตก เดินดูแปลกๆ พอใส่ชุดรัดรูปแล้วยิ่งแย่ เห็นชัดขึ้นไปอีกว่าหลังเราค่อม แล้วมีอะไรนูนออกมา มันไม่สวยเหมือนคนอื่นเขา ตอนนั้นเราอยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วย ยิ่งรู้สึกแย่มากจนเคยนั่งร้องไห้กับแม่ว่า "ทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะแม่"
ตอนนั้นทั้งพ่อกับแม่พาเราไปเอกซเรย์ที่โรงบาลแห่งหนึ่ง หมอบอกว่าตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรเยอะหรอก ยังไม่ต้องผ่าตัด แค่ติดตามอาการไปก่อน พอได้ยินคำว่า "ผ่าตัด" แรกๆ เราก็กลัวนะ แต่ลึกๆ ก็หวังว่าถ้าผ่าตัดให้จบๆไปแล้วหลังเราจะหายเป็นปกติได้ เราก็โอเค เราก็เริ่มจากการไปกายภาพบำบัดตามคลินิกทั่วไปก่อน ฝึกปรับบุคลิกด้วย ซึ่งจริงๆ มันช่วยได้ไม่มากหรอก แค่ทำให้ดูนูนน้อยลงนิดนึง แต่หลังก็ยังไม่หายอยู่ดี เพราะมันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุจริงๆ อ่ะเราไปตามนัดหมอเป็นประจำ แต่ก็สังเกตว่าหลังเรามันยิ่งแย่ลงทุกปีจนเราเข้ามหาลัย ยิ่งค่อม ยิ่งนูน เพราะตัวเราโตขึ้น ร่างกายเปลี่ยนไปด้วย เราเริ่มกังวลหนักเลยนะว่าอนาคตมันจะยิ่งแย่ไหม
จุดเปลี่ยนของชีวิต!
ที่บ้านเห็นว่ามันไม่ดีขึ้นเลย แม่เราก็เลยไปเสิร์ชหาข้อมูลใน Google แล้วไปเจอโปรแกรมรักษากระดูกสันหลังคดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว 111 แม่ก็เลยพาเราไปปรึกษาที่นั่น ครั้งแรกที่ปรึกษา หมอแนะนำให้ผ่าตัดเลย ซึ่งต่างจากที่อื่น โดยบอกเหตุผลว่าถ้าปล่อยไว้อาการจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีหมอแนะนำให้ผ่า ในขณะที่หมอที่เคยไปมาก่อนหน้านี้ไม่กล้าฟันธงให้ผ่า ตอนแรกเราก็กลัวแบบสุดๆ เลยนะ ว่าการผ่ามันจะเป็นยังไง อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปจะอยู่กับร่างกายเรายังไง จะปลอดภัยรึเปล่า เราคิดไปต่างๆ นานา
หมอก็เลยอธิบายให้ฟังว่า ไททาเทียมที่ใช้นี่เป็นอุปกรณ์พิเศษที่สร้างมาให้อยู่กับร่างกายคนเราเลย มันอยู่ได้ตลอดชีวิตเลยนะ ไม่ต้องกังวล และที่โรงพยาบาลนี้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือระบบเนวิเกเตอร์ในการผ่า มันแม่นยำมากกก ความเสี่ยงก็น้อยลงไปด้วย สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจผ่าคือ หมอบอกว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ อนาคตเราจะมีปัญหากระดูกเสื่อมเร็วกว่าคนปกติเยอะมาก เพราะกระดูกมันเอียงทับกัน ถ้าปล่อยไปอาจมีปัญหาเคลื่อนไหว หรือปวดหลังรุนแรงในอนาคตได้เราก็เลยตัดสินใจกับครอบครัวว่าจะผ่าตัด ถึงจะกลัวมากแค่ไหน แต่คิดว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดล่ะ เพราะเราต้องอยู่กับร่างกายนี้ไปอีกนาน (เราเริ่มผ่าในช่วงม.5 เข้าม.6)
วันที่ต้องเผชิญหน้ากับห้องผ่าตัด 😨
พอถึงวันผ่าตัดจริงๆ เราก็กลัวขึ้นมาเรื่อยๆ เลยแหละ แต่ก็คิดว่า เราผ่านจุดนี้ไปได้ หลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนเตรียมตัวก่อนผ่า หมอดูแลดีมากเลย อธิบายขั้นตอนทุกอย่างให้ฟังจนเรารู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ตอนผ่าเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เพราะดมยาสลบไปหมดแล้ว 😴 พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ห้องพักฟื้นแล้ว ช่วงแรกๆ หลังผ่ามีอาการเมื่อย ปวดแผลบ้าง แต่ไม่ได้เจ็บจนร้องไห้ แค่รู้สึกอึดอัด ทรมานนิดหน่อย หมอก็ให้ยาแก้ปวดมาช่วย
ช่วงพักฟื้น 2-3 วันแรกค่อนข้างลำบากอยู่ ต้องมีคนช่วยเหลือแทบทุกอย่างเลย ทั้งลุก นั่ง เดิน ไปห้องน้ำก็ต้องมีคนช่วย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้ว เริ่มเดินได้ดีขึ้น แม้จะยังเจ็บๆ ปวดๆ อยู่บ้าง
ผลลัพธ์สุดคุ้ม! 👍
หลังผ่าไป 2 เดือน ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ หลังไม่นูนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลังกลับมาตรงปกติ เราพอใจกับผลลัพธ์มากๆ เลย มันทำให้เรากลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง กล้าที่จะแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าต่างๆ หลังไม่ค่อมแล้ว ใครจะมาว่าอะไรเราได้ล่ะ! 😎
ตอนนี้เราก็กลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติแล้วนะ แค่ต้องระวังเรื่องยกของหนักๆ หรือการออกแรงมากๆ หมอบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน - 1 ปี ร่างกายถึงจะแข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งเราก็รอได้ค่ะ มีคนถามเราบ่อยมากว่า หลังผ่าแล้วจะเคลื่อนไหวได้ปกติไหม จากประสบการณ์ของเรา ก็เคลื่อนไหวได้ปกตินะ แค่บางท่าอาจจะไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนก่อน 100% แต่มันไม่ได้กระทบการใช้ชีวิตประจำวันเลย จนถึงตอนนี้เราก็เรียนจบมหาลัยแล้ว และก็มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เราดีใจมากที่วันนั้นเลือกผ่าตัด รักษาจนหาย วันนี้เราได้ทำตามความฝันในอาชีพที่เราอยากเป็นได้แล้วนะคะ
ข้อคิดฝากถึงคนที่เจอปัญหาแบบเรา 🙏
สำหรับใครที่มีอาการเหมือนเรา มีปัญหาหลังค่อม หรือกระดูกสันหลังคด เราอยากให้รีบไปปรึกษาหมอนะ อย่าปล่อยไว้นานเหมือนเรา เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน อาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้ากลัวการผ่าตัด เราเข้าใจค่ะ เราก็กลัวมากเหมือนกัน แต่คิดดูแล้วมันคุ้มที่จะรักษาอย่างจริงจัง ลองมาคิดๆดู เราไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เลย มันเปลี่ยนชีวิตเราไปเยอะมาก ทำให้เรากลับมามั่นใจอีกครั้ง สุดท้ายอยากจะบอกว่า เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่ารอให้อาการหนักเกินไป ถ้ารู้สึกว่ามีปัญหา ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลย ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าไปเยอะแล้ว ปัญหากระดูกสันหลังคดแก้ไขได้จริงๆ นะคะหวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆ คนนะคะ สุดท้ายเราขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องมาเจอแบบเรา หรือถ้าเป็นอะไรก็ขอให้เจอหมอเก่งๆรักษาจนหายแบบเรานะคะ 😘💪