‘หมอเจด’ เปิด 5 โรคร้ายถึงตุย! อันตรายจาก ‘ดื้ออินซูลิน’

"หมอเจด" เผยภาวะ "ดื้ออินซูลิน" ตัวการทำเสี่ยง 5 โรคถึงตุยแบบไม่รู้ตัว พร้อมแนะวิธีป้องกัน
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ดื้ออินซูลิน” แล้วนึกว่าเป็นแค่เรื่องของเบาหวาน หรือแค่คนอ้วนเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ภาวะนี้มันส่งผลต่อร่างกายมากนะ มันเป็นตัวการที่ทำให้เราเสี่ยงโรคถึงตุย หลายโรคแบบไม่รู้ตัวเลยนะ มาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้างที่มากับ “ดื้ออินซูลิน” และป้องกันยังไงนะครับ

1.ถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

อันนี้เจอบ่อยมากในผู้หญิง ในช่วงหลังๆอินฟลูก็ออกมาพูดเยอะขึ้นนะ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักขึ้นง่าย สิวขึ้นเยอะ หรือขนขึ้นผิดที่ อาจกำลังเจอโรคที่ชื่อว่า “ถุงน้ำรังไข่หลายใบ” หรือ PCOS ซึ่งส่วนใหญ่มากับภาวะดื้ออินซูลิน
เวลาร่างกายดื้ออินซูลิน มันจะกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนเพศชายเยอะเกิน ทำให้ไข่ไม่ตก ประจำเดือนรวน แล้วก็มีปัญหามีบุตรตามมา ซึ่งผู้หญิงที่เป็น PCOS มากกว่า 70% มักมีดื้ออินซูลินร่วมด้วย แต่ถ้าเราคุมอาหาร ออกกำลังกาย และลดอินซูลินลงได้ ประจำเดือนก็ดีขึ้น ฮอร์โมนก็บาลานซ์มากขึ้น

2.ไขมันพอกตับ

อย่างที่พูดบ่อยๆ นะครับ โรคนี้เป็นโรคที่แอบอยู่ในร่างกาย ไม่มีอาการเลยในช่วงแรกๆ แต่จริงๆ แล้วมันทำให้ตับพังแบบช้าๆ เรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้าเกิดจาก “ดื้ออินซูลิน” เวลาร่างกายดื้ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดจะสูง แล้วตับต้องเอาน้ำตาลพวกนี้ไปเปลี่ยนเป็นไขมัน ผลก็คือไขมันไปสะสมในตับแบบไม่รู้ตัว สุดท้ายอาจกลายเป็นตับอักเสบ พังผืดในตับ และอาจกลายเป็นตับแข็งได้เลยนะ ถ้าปล่อยไว้กลายเป็นมะเร็งตับได้เลยนะ โดยเรื่องที่สำคัญที่อยากย้ำคือ ไขมันพอกตับแบบไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (NAFLD) เป็นเรื่องที่เจอบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เต่ถ้าลดน้ำหนัก 5-10% ตับก็ดีขึ้นเยอะมากเลย

3.อัลไซเมอร์

อันนี้หลายคนไม่รู้เลยว่าอินซูลินก็มีหน้าที่ในสมองด้วยนะ ไม่ใช่แค่ควบคุมน้ำตาลในเลือดเท่านั้น พอสมอง “ดื้ออินซูลิน” ขึ้นมา สมองจะประมวลผลช้าลง ความจำเริ่มหลุดๆ ลืมของ ลืมคน เริ่มต้นเหมือนเรื่องเล็กๆ แต่สุดท้ายอาจพัฒนาไปเป็นอัลไซเมอร์ได้ บางงานวิจัยถึงขั้นเรียกอัลไซเมอร์ว่า “เบาหวานชนิดที่ 3” เลย เพราะมีความเกี่ยวข้องกันขนาดนั้นเลยนะ ฟังดูไกลตัว แต่ไม่ไกลเลยนะครับ ซึ่งแค่เราลดน้ำตาล ลดของมัน เลี่ยงแป้งขัดขาว ก็ช่วยสมองได้เยอะมากแล้ว

4.เส้นเลือดสมองแตกหรือตีบ (Stroke)

เรื่องนี้น่ากลัวมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร่างกายเริ่มมีปัญหาจากการดื้ออินซูลินแล้ว จนวันนึงเส้นเลือดในสมองมันตีบหรือตันขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว บางคนตื่นมาก็พูดไม่ได้ หน้าเบี้ยว มือชา เดินไม่ได้ คืออัมพาตไปเลย ที่เป็นแบบนี้เพราะเวลาร่างกายดื้ออินซูลิน จะมีการอักเสบสะสมในหลอดเลือด ไขมันในเลือดก็แย่ลง เกิดคราบพลัคไปอุดหลอดเลือด พอเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ก็เจอโรคนี้ได้ ซึ่งเสี่ยงทั้งอัมพาต เสี่ยงทั้งติดเตียง เสี่ยงเสียชีวิตเลยนะครับ

5.โรคหัวใจ

หลอดเลือดหัวใจตัน ไม่ใช่แค่เรื่องของคนแก่นะครับ การที่ดื้ออินซูลินมันไม่แค่ทำให้ร่างกายจัดการน้ำตาลไม่ได้ แต่มันไปพังระบบเผาผลาญทั้งหมด ทำให้ความดันขึ้น ไขมันในเลือดเสียสมดุล แล้วก็ไปสะสมที่หลอดเลือดหัวใจ พอสะสมมากๆ ก็อุดตัน ทำให้หัวใจขาดเลือด บางคนเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่ายมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเดินได้ปกติ หรือหนักกว่านั้นคือหัวใจวายเฉียบพลัน รวมไปถึงคนที่มีดื้ออินซูลิน ส่วนมากมักมีภาวะไขมันสูง+ความดันสูงร่วมด้วย อันนี้อันตรายนะครับ ต้องรีบลดความเสี่ยงนะ

ภาวะดื้ออินซูลินเนี่ย มันไม่ใช่แค่มีหรือไม่มีนะครับ แต่จริงๆ แล้วมันเป็น ภาวะต่อเนื่อง (spectrum) คือมันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ แสดงออก ร่างกายอาจเริ่มดื้อนิดๆ แล้วมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเรารู้ทันตั้งแต่แรก และเริ่มดูแลตัวเองไว ก็สามารถจัดการได้ง่าย ไม่ต้องรอให้พัฒนาไปถึงขั้นเป็นเบาหวานหรือโรคอื่นๆ ก่อน ถึงจะลงมือ

ใครที่สงสัยว่าตัวเองมีภาวะนี้มั้ย ลองสังเกตอาการง่ายๆ เช่น น้ำหนักขึ้นง่าย เหนื่อยง่าย ง่วงบ่อย หิวเร็ว หน้าท้องใหญ่ขึ้น หรือมีปัญหาเรื่องประจำเดือน (ในผู้หญิง)
ถ้ามีหลายข้อ ลองปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารไว้ก่อนเลยครับ ดีกว่ารอให้ร่างพังแล้วค่อยมาซ่อม

เพราะฉะนั้นสรุปแบบนี้นะครับว่า ดื้ออินซูลินไม่ใช่แค่ปัญหาของคนอ้วน หรือคนเป็นเบาหวาน แต่มันคือสาเหตุของหลายโรคที่น่ากลัวจริงๆ ทั้งหัวใจ สมอง ฮอร์โมน ตับ ทุกระบบในร่างกายโดนหมด ซึ่งมันเป็น ภาวะต่อเนื่อง (spectrum) คือมันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ แสดงออก ร่างกายอาจเริ่มดื้อนิดๆ แล้วมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รู้ตัว แต่ถ้าเรารู้ทันตั้งแต่แรก และเริ่มดูแลตัวเองไว ก็สามารถจัดการได้ง่าย ไม่ต้องรอให้พัฒนาไปถึงขั้นเป็นเบาหวานหรือโรคอื่นๆ ก่อน ถึงจะสนใจตัวเอง ซึ่งเราสามารถความเสี่ยงได้โดย

เลิกกินหวานจัด
เคลื่อนไหวให้มากขึ้น
เพิ่มการกินผักผลไม้เยอะขึ้น
พักผ่อนให้พอ
แค่นี้ก็ช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน และลดความเสี่ยงโรคร้ายพวกนี้ได้แล้ว

ใครที่สงสัยว่าตัวเองมีภาวะนี้มั้ย ลองสังเกตอาการง่ายๆ เช่น น้ำหนักขึ้นง่าย เหนื่อยง่าย ง่วงบ่อย หิวเร็ว หน้าท้องใหญ่ขึ้น หรือมีปัญหาเรื่องประจำเดือน (ในผู้หญิง) ถ้ามีหลายข้อ ลองปรึกษาหมอดูนะครับ

ดูแลตัวเองวันนี้ ดีกว่าต้องรักษาโรคหนักๆ ในวันหน้าแน่นอนครับ.

... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4555921/