ยอดผลิตรถกุมภา 68 ยังน่าห่วง ร่วง 13.62% ลุ้น “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” ช่วยกระตุ้น
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2568 ว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่ากับ 13.62% เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 21.26% โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลง 42.10% ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.48% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึง 47.01% ตามยอดส่งออกที่ลดลง สำหรับการผลิตเพื่อส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 78,535 คัน เท่ากับ 68% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 เท่ากับ 21.10% ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 9.48%
ส่วนเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 153,579 คัน เท่ากับ 69% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกัน 15.56% ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 36,952 คัน เท่ากับ 32% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 21.26% และเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 69,011 คัน เท่ากับ 31% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 26.5%
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,313 คันลดลงจากเดือนมกราคม 2568 1.20% และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 6.68% จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลง 14.9% คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่งออกได้ 81,323 คัน เพิ่มขึ้น 30.49% แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ 8.34% เพราะจะมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ยังคงต้องติดตามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2 เมษายน 2568 ว่าจะมีประเทศไหนบ้าง และบางประเทศคู่ค้าลดคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา บางประเทศคู่ค้ามีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเข้ามามีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น บางประเทศคู่ค้ามีกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากประเทศขึ้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวม เดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 78,095.61 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 12.42% และ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 146,164.79 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 16.44%
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถกระบะ ในโครงการ “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยมีการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าร่วมค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ภายใต้วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 จนถึง 31 ธันวาคม 2568
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพสร้างรายได้ของกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี (SMEs) ตนคาดว่าจะเห็นผลภายในสองเดือนหลังจากเปิดให้บริการ แต่การลงทะเบียนจะคึกคักและช่วยได้จริงหรือไม่ ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องดูภาพรวมว่ามีผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วงต้นปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากตัวเลขยอดผลิตและยอดขายในช่วงสองเดือนแรกของปียังไม่ดีขึ้น ก็ต้องรอดูว่ามาตรการรัฐจะช่วยได้ขนาดไหน แต่ก็ตนก็ขอบคุณในความพยายามของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการคลังที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารและสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ ให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพื่อเสริมสร้างยอดขายรถกระบะให้เพิ่มขึ้นในอนาคต...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/economy/news_5108049
ยอดผลิตรถกุมภา 68 ยังน่าห่วง ร่วง 13.62% ลุ้น“รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” ช่วยกระตุ้น
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2568 ว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่ากับ 13.62% เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 21.26% โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลง 42.10% ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.48% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึง 47.01% ตามยอดส่งออกที่ลดลง สำหรับการผลิตเพื่อส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 78,535 คัน เท่ากับ 68% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 เท่ากับ 21.10% ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 9.48%
ส่วนเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 153,579 คัน เท่ากับ 69% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกัน 15.56% ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 36,952 คัน เท่ากับ 32% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 21.26% และเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 69,011 คัน เท่ากับ 31% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 26.5%
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,313 คันลดลงจากเดือนมกราคม 2568 1.20% และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 6.68% จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลง 14.9% คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่งออกได้ 81,323 คัน เพิ่มขึ้น 30.49% แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ 8.34% เพราะจะมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ยังคงต้องติดตามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2 เมษายน 2568 ว่าจะมีประเทศไหนบ้าง และบางประเทศคู่ค้าลดคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา บางประเทศคู่ค้ามีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเข้ามามีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น บางประเทศคู่ค้ามีกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากประเทศขึ้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวม เดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 78,095.61 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 12.42% และ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 146,164.79 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 16.44%
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถกระบะ ในโครงการ “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยมีการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าร่วมค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ภายใต้วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 จนถึง 31 ธันวาคม 2568
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพสร้างรายได้ของกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี (SMEs) ตนคาดว่าจะเห็นผลภายในสองเดือนหลังจากเปิดให้บริการ แต่การลงทะเบียนจะคึกคักและช่วยได้จริงหรือไม่ ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องดูภาพรวมว่ามีผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วงต้นปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากตัวเลขยอดผลิตและยอดขายในช่วงสองเดือนแรกของปียังไม่ดีขึ้น ก็ต้องรอดูว่ามาตรการรัฐจะช่วยได้ขนาดไหน แต่ก็ตนก็ขอบคุณในความพยายามของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการคลังที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารและสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ ให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพื่อเสริมสร้างยอดขายรถกระบะให้เพิ่มขึ้นในอนาคต...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_5108049