แก้วแบบนี้หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไปหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคามีตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อย แต่คุณภาพก็แตกต่างกันไป
"กระบอกน้ำ" หรือ "แก้วเก็บความร้อน" เป็นของใช้ที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แต่หากเลือกใช้แก้วเก็บความร้อนราคาถูกและไม่มีคุณภาพ อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักจากชั้นเคลือบภายใน ซึ่งเกินมาตรฐานและเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ค่อย ๆ บั่นทอนสุขภาพ โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
อันตรายต่อสุขภาพจากการใช้แก้วเก็บความร้อนคุณภาพต่ำ
สแตนเลส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Inox เป็นโลหะผสมของเหล็กที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิม แต่สแตนเลสบางประเภท เช่น เกรด 201 และ 202 มีปริมาณแมงกานีสสูง แต่ความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนต่ำ จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุเคลือบภายในแก้วเก็บความร้อนที่ต้องสัมผัสกับน้ำร้อนหรือน้ำที่มีความเป็นกรด หากใช้งานเป็นประจำ อาจปล่อยสารอันตรายออกมา ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว
หากแก้วเก็บความร้อนมีปริมาณนิกเกิลสูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง แมงกานีสในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อระบบประสาท
ในบางกรณี ผู้บริโภคที่ใช้กระติกน้ำร้อนคุณภาพต่ำเป็นเวลานาน เริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ตรวจสุขภาพพบว่าปริมาณโลหะหนักในร่างกายเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงอันตรายของสารเคลือบภายในที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
เลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ควรเลือกแก้วหรือกระติกเก็บความร้อนจาก แบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน ได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หลีกเลี่ยงสินค้าที่ไม่มีฉลาก หรือฉลากไม่ชัดเจน เพราะอาจผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนโลหะหนัก
เลือกวัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ควรเลือกแก้วเก็บความร้อนที่ใช้ สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เป็นวัสดุเคลือบภายใน
- SUS304 เป็นวัสดุที่นิยมใช้ทั่วไป ทนต่อการกัดกร่อน มีความเสถียรสูง ปลอดภัยต่อการใช้กับน้ำดื่ม
- SUS316 มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ทำให้ทนต่อกรดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูงหรือการใช้งานระยะยาว
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
ตรวจสอบน้ำหนักและกลิ่น
แก้วเก็บความร้อนคุณภาพดี จะมีน้ำหนักพอดีมือ สัมผัสเรียบเนียน ไม่มีรอยขรุขระ หรือข้อบกพร่องบนพื้นผิว เมื่อเปิดออก ควร มีกลิ่นโลหะอ่อนๆ แต่ ไม่มีกลิ่นฉุนหรือเหม็นสารเคมี แก้วคุณภาพต่ำมักจะเบา สัมผัสหยาบ มีกลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นเหม็นฉุนของฟอร์มาลดีไฮด์หรือเบนซีน ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อสุขภาพ
ข้อควรระวังในการใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
อย่าเติมน้ำจนเต็มเกินไป
ควรเติมน้ำร้อนเพียง 80%-90% ของความจุ เพื่อป้องกันน้ำล้นออกมาและลวกมือขณะปิดฝา หลังเติมน้ำร้อน ควรรอให้อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ก่อนปิดฝาให้แน่น เพื่อลดความเสี่ยงจากแรงดันไอน้ำสูงที่อาจทำให้เปิดฝายากหรือเกิดไอน้ำลวกมือได้
ปิดฝาหลังใช้ทุกครั้ง
เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคปนเปื้อน ควรปิดฝาทุกครั้งหลังดื่ม
ของเหลวที่ไม่ควรใส่ในแก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
การเก็บของเหลวบางประเภทในกระบอกเก็บความร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้เปลี่ยนรสชาติ ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับวัสดุด้านใน และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้แก่
ชาเข้มข้น – อุณหภูมิสูงอาจทำให้สารแทนนินและคาเฟอีนแตกตัว ส่งผลต่อสุขภาพ
ยาสมุนไพรจีน – อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารออกฤทธิ์ และลดประสิทธิภาพของยา
น้ำเกลือหรือน้ำแร่ – อาจทำปฏิกิริยากับโลหะด้านใน ส่งผลให้เกิดการปล่อยสารโลหะหนัก
เครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม – กรดอาจกัดกร่อนวัสดุด้านใน ทำให้ปล่อยโลหะหนักออกมา
การเลือกใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อนให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพของเครื่องดื่ม แต่ยังช่วยปกป้องสุขภาพในระยะยาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อมูลจาก : https://www.sanook.com/news/9767806/
แก้วเก็บความร้อน/อันตรายจากแก้วคุณภาพต่ำ/วิธีเลือก/ข้อควรระวังในการใช้
"กระบอกน้ำ" หรือ "แก้วเก็บความร้อน" เป็นของใช้ที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แต่หากเลือกใช้แก้วเก็บความร้อนราคาถูกและไม่มีคุณภาพ อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักจากชั้นเคลือบภายใน ซึ่งเกินมาตรฐานและเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ค่อย ๆ บั่นทอนสุขภาพ โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
อันตรายต่อสุขภาพจากการใช้แก้วเก็บความร้อนคุณภาพต่ำ
สแตนเลส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Inox เป็นโลหะผสมของเหล็กที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิม แต่สแตนเลสบางประเภท เช่น เกรด 201 และ 202 มีปริมาณแมงกานีสสูง แต่ความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนต่ำ จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุเคลือบภายในแก้วเก็บความร้อนที่ต้องสัมผัสกับน้ำร้อนหรือน้ำที่มีความเป็นกรด หากใช้งานเป็นประจำ อาจปล่อยสารอันตรายออกมา ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว
หากแก้วเก็บความร้อนมีปริมาณนิกเกิลสูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง แมงกานีสในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อระบบประสาท
ในบางกรณี ผู้บริโภคที่ใช้กระติกน้ำร้อนคุณภาพต่ำเป็นเวลานาน เริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ตรวจสุขภาพพบว่าปริมาณโลหะหนักในร่างกายเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงอันตรายของสารเคลือบภายในที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
เลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ควรเลือกแก้วหรือกระติกเก็บความร้อนจาก แบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน ได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หลีกเลี่ยงสินค้าที่ไม่มีฉลาก หรือฉลากไม่ชัดเจน เพราะอาจผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนโลหะหนัก
เลือกวัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ควรเลือกแก้วเก็บความร้อนที่ใช้ สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เป็นวัสดุเคลือบภายใน
- SUS304 เป็นวัสดุที่นิยมใช้ทั่วไป ทนต่อการกัดกร่อน มีความเสถียรสูง ปลอดภัยต่อการใช้กับน้ำดื่ม
- SUS316 มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ทำให้ทนต่อกรดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูงหรือการใช้งานระยะยาว
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
ตรวจสอบน้ำหนักและกลิ่น
แก้วเก็บความร้อนคุณภาพดี จะมีน้ำหนักพอดีมือ สัมผัสเรียบเนียน ไม่มีรอยขรุขระ หรือข้อบกพร่องบนพื้นผิว เมื่อเปิดออก ควร มีกลิ่นโลหะอ่อนๆ แต่ ไม่มีกลิ่นฉุนหรือเหม็นสารเคมี แก้วคุณภาพต่ำมักจะเบา สัมผัสหยาบ มีกลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นเหม็นฉุนของฟอร์มาลดีไฮด์หรือเบนซีน ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อสุขภาพ
ข้อควรระวังในการใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
อย่าเติมน้ำจนเต็มเกินไป
ควรเติมน้ำร้อนเพียง 80%-90% ของความจุ เพื่อป้องกันน้ำล้นออกมาและลวกมือขณะปิดฝา หลังเติมน้ำร้อน ควรรอให้อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ก่อนปิดฝาให้แน่น เพื่อลดความเสี่ยงจากแรงดันไอน้ำสูงที่อาจทำให้เปิดฝายากหรือเกิดไอน้ำลวกมือได้
ปิดฝาหลังใช้ทุกครั้ง
เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคปนเปื้อน ควรปิดฝาทุกครั้งหลังดื่ม
ของเหลวที่ไม่ควรใส่ในแก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
การเก็บของเหลวบางประเภทในกระบอกเก็บความร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้เปลี่ยนรสชาติ ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับวัสดุด้านใน และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้แก่
ชาเข้มข้น – อุณหภูมิสูงอาจทำให้สารแทนนินและคาเฟอีนแตกตัว ส่งผลต่อสุขภาพ
ยาสมุนไพรจีน – อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารออกฤทธิ์ และลดประสิทธิภาพของยา
น้ำเกลือหรือน้ำแร่ – อาจทำปฏิกิริยากับโลหะด้านใน ส่งผลให้เกิดการปล่อยสารโลหะหนัก
เครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม – กรดอาจกัดกร่อนวัสดุด้านใน ทำให้ปล่อยโลหะหนักออกมา
การเลือกใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อนให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพของเครื่องดื่ม แต่ยังช่วยปกป้องสุขภาพในระยะยาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้