คิดยังไงกับอาชีพที่จะถูกแทนที่ด้วย AI



AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในหลายอุตสาหกรรม บางอาชีพมีแนวโน้มที่จะถูกแทนที่มากกว่าคนอื่น ๆ โดยเฉพาะงานที่เป็น งานซ้ำ ๆ ใช้ตรรกะและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน หรือ ไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ร่วม

อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่โดย AI  มี 6 ประเภท ได้แก่

1. งานด้านธุรการและเอกสาร งานเหล่านี้เป็น งานซ้ำ ๆ (Routine Tasks) ที่มีโครงสร้างชัดเจน AI และระบบ RPA (Robotic Process Automation) สามารถประมวลผลเอกสาร คีย์ข้อมูล และจัดทำรายงานได้รวดเร็วกว่าคนทำงาน คนที่จะได้รับผลกระทบ คือ
- เจ้าหน้าที่ป้อนข้อมูล (Data Entry)
- พนักงานบัญชีและตรวจสอบบัญชี
- เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูล
- เจ้าหน้าที่จัดการเอกสาร


2. งานด้านการเงินและธนาคาร AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเงินและเครดิตได้แม่นยำกว่า ลดความผิดพลาดจากมนุษย์
อีกทั้งมีระบบ Mobile Banking และ Chatbots ทำให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพนักงาน และระบบ AI ยังสามารถให้คำแนะนำการลงทุนที่แม่นยำกว่ามนุษย์มาก ตัวอย่างที่เห็นการนำ AI มาใช้ในงานด้านนี้ เช่น AI Robo-Advisors อย่าง Wealthfront หรือ Betterment สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำการลงทุนได้โดยอัตโนมัติ  หรือ Chatbots ของธนาคาร ซึ่งตอนนี้ก็มีธนาคารหลายแห่งเริ่มนำมาใช้แล้ว อย่าง K PLUS ของกสิกรไทย หรือ SCB Connect ของธนาคารไทยพาณิชย์ ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบ คือ
- เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ธนาคาร (AI Chatbots และ Mobile Banking แทนที่)
- นักวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินพื้นฐาน
- เจ้าหน้าที่สินเชื่อ

3. งานในอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์  ในระบบนี้เราจะได้เห็นหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ กว่ามนุษย์ และมันไม่มีความเหนื่อย
การขนส่งจะมีระบบ AI วิเคราะห์เส้นทางขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการใช้รถยนต์ไร้คนขับและโดรนกำลังมาแทนที่คนขับรถส่งของ  ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบ คือ
- พนักงานสายการผลิต (หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติแทนที่)
- พนักงานคลังสินค้า (เช่น หุ่นยนต์ Amazon ใช้แทนคนเก็บของ)
- พนักงานขับรถส่งของ (รถยนต์ไร้คนขับเริ่มถูกพัฒนา)

4. งานขายและบริการลูกค้า คนจะถูก AI แทนที่ด้วยเหตุว่า ลูกค้าเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ระบบ Self-Checkout หรือ E-commerce ที่ไม่ต้องมีพนักงานขาย และAI ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำสินค้าได้ตรงใจมากกว่าพนักงานขายที่เป็นมนุษย์ รวมไปถึงระบบ Chatbots ที่สามารถตอบคำถามและให้บริการลูกค้าได้ 24ชั่วโมง  โดยไม่ต้องหยุดพักเหมือนกับคน  ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบ คือ
- พนักงาน Call Center (Chatbot แทนที่)
- พนักงานขายในร้านค้า (ระบบ Self-Checkout และ AI แนะนำสินค้าแทนที่)


5. งานด้านกฎหมายและการวิเคราะห์เอกสาร  AI สามารถอ่านและวิเคราะห์เอกสารทางกฎหมายได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์
การพิจารณาคดีเบื้องต้นสามารถใช้ AI วิเคราะห์แนวโน้มคำตัดสินจากข้อมูลคดีที่ผ่านมา และยังช่วยลดภาระงานของทนายความได้เป็นอย่างดี โดยให้ AI จัดทำเอกสารหรือสัญญามาตรฐาน ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบจาก AI คือ
- นักกฎหมายระดับต้น (AI วิเคราะห์สัญญาและทำเอกสารทางกฎหมายได้เร็วกว่า)
- พนักงานพิจารณาคดีเบื้องต้น (AI วิเคราะห์คดีได้รวดเร็วกว่า)


6. งานด้านสื่อและคอนเทนต์ที่เป็นโครงสร้างเดิม  ซึ่งงานด้านนี้ได้รับผลกระทบจาก  AI ค่อนข้างรุนแรง เพราะ AI สามารถแปลภาษาได้แม่นยำขึ้นจนลดความจำเป็นของนักแปลภาษาโดยมนุษย์ โดยเฉพาะ AI อย่าง ChatGPT หรือ Jasper สามารถเขียนบทความและข่าวพื้นฐานได้
อีกทั้งยังมีโปรแกรมที่ช่วยออกแบบอัตโนมัติสร้างโลโก้ โปสเตอร์ และภาพประกอบได้โดยไม่ต้องใช้กราฟิกดีไซเนอร์เลยแม้แต่น้อย ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบจาก AI คือ
- นักแปล (AI แปลภาษาแม่นยำขึ้น และได้หลายภาษา)
- นักข่าวที่เขียนข่าวพื้นฐาน (AI สามารถสรุปข่าวและเขียนบทความได้ค่อนข้างดีกว่ามนุษย์ เพราะมีข้อมูลพื้นฐานมากกว่า)
- กราฟิกดีไซเนอร์พื้นฐาน (AI สามารถออกแบบโลโก้และรูปภาพได้ โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เมื่อเทียบกับความสามารถของคนที่อาจจะต้องใช้เวลาการสร้างภาพ 1 ภาพ ถึง 1 วัน)


ฉะนั้น คนทำงานอาจจะต้องหาแนวทางปรับตัว  4 ข้อสำคัญเพื่อเอาตัวรอดในยุค AI
1. ต้องพัฒนาทักษะ คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาซับซ้อน
2. ต้องเรียนรู้การใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยงานแทนการต่อต้าน
3. ต้อง ฝึกฝน ทักษะด้านมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ร่วม และการทำงานเป็นทีม
4. ต้อง ติดตามเทรนด์เทคโนโลยีและพัฒนาทักษะดิจิทัล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่