เครื่องดื่มที่เราบริโภคในปัจจุบัน รู้หรือไม่ว่า เครื่องดื่มบางชนิด มีความเสี่ยงให้กระดูกพรุน โดยทางกองส่งเสริมความรอบรู้
และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงาน 5 เครื่องดื่มมีความเสี่ยงให้กระดูกพรุน
.
โดยผลกระทบของเครื่องดื่มเหล่านี้ต่อสุขภาพกระดูก อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศพันธุกรรม
และการบริโภคอาหารโดยรวม การบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะและควบคู่กับการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี
อย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
.
1.ชา
ชาก็เป็นอีกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ในหลายด้านเลย แต่ถ้าเราดื่มมากเกินไปก็อาจมีผลเสียต่อกระดูกได้ โดยเฉพาะชาเข้มข้น
หรือชานมที่มีน้ำตาลสูง เพราะว่าในชามีสารแทนนิน (Tannins) ซึ่งสามารถจับตัวกับแคลเซียมในลำไส้ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม
ได้น้อยลง หากเราดื่มชามากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ และชาก็เป็นพืชที่ดูดซับฟลูออไรด์จากดินสูง
หากได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะ “Skeletal Fluorosis” หรือการสะสมของฟลูออไรด์ในกระดูก ส่งผลให้กระดูกเปราะ
และเกิดอาการปวดข้อได้ แนะนำว่า ดื่มชาในปริมาณที่พอดี (วันละ 1-2 แก้ว) และเลี่ยงการดื่มชาอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม
เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
.
2.กาแฟ
กาแฟก็เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนขาดไม่ได้ เรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ก็ได้ บางคนไม่ได้กินกาแฟ ก็คือไม่มีแรงทำงาน แต่ถ้าดื่มมากเกินไป
อาจส่งผลกระทบต่อมวลกระดูกโดยตรง ซึ่งในกาแฟมีคาเฟอีน และมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งมันอาจจะเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางไตได้
ถ้าเราดื่มกาแฟมากเกินไปและไม่ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ กระดูกของเราจะสูญเสียแร่ธาตุสำคัญและไม่แข็งแรง
และนอกจากจะเร่งการขับแคลเซียมออกแล้ว คาเฟอีนยังรบกวนการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยลง
ส่งผลให้กระดูกบางลงเรื่อย ๆแนะนำว่า ไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 2-3 แก้วต่อวัน และเสริมแคลเซียมจากแหล่งอาหาร เช่น นม ปลาตัวเล็ก
หรือผักใบเขียว เพื่อลดผลกระทบต่อกระดูก
.
3.เครื่องดื่มชูกำลัง
อันนี้ก็เป็นเครื่องดื่มโปรดของหลายคน เครื่องดื่มชูกำลังอาจช่วยให้รู้สึกสดชื่นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับทำลายกระดูกได้
เพราะเครื่องดื่มชูกำลังส่วนใหญ่มีคาเฟอีนในปริมาณสูงกว่ากาแฟปกติ และน้ำตาลสูงมากคาเฟอีนสูงทำให้แคลเซียมถูกขับออกจาก
ร่างกายเร็วยิ่งขึ้น ส่วนน้ำตาลสูงก็กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูกใหม่ รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังมีค่า
ความเป็นกรดสูง (pH ต่ำ) เมื่อดื่มมาก ๆ ร่างกายต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้เพื่อปรับสมดุลของกรด-ด่างในเลือด ซึ่งอาจทำให้
กระดูกบางลงในระยะยาว แนะนำว่า หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง และหันมาใช้วิธีเพิ่มพลังงานด้วยการออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหาร
ที่ให้พลังงานอย่างเหมาะสมดีกว่า
.
4. น้ำอัดลม
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่หลายคนติด ไม่ดื่มก็รู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีแรง แต่จริงๆแล้วการกินน้ำอัดลด ก็เหมือนเรากำลังทำลายกระดูกอยู่
เพราะน้ำอัดลมส่วนใหญ่มีกรดฟอสฟอริก ซึ่งทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมากขึ้น งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
มีมวลกระดูกต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่ม และในน้ำอัดลมมีน้ำตาล ซึ่งจะไปรบกวนสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ลดลง
รวมถึงสารให้ความหวานบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อการเผาผลาญของกระดูก เพราะฉะนั้นทั้งน้ำอัดลมปกติหรือสูตรน้ำตาล 0%
ก็ส่งผลต่อกระดูก แนะนำว่าหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม หรือเลือกน้ำเปล่าแทนดีที่สุด
.
5.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้มีผลเสียแค่ต่อตับและสมองเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อกระดูกด้วย แอลกอฮอล์ขัดขวางกระบวนการสร้างกระดูก
เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblasts) ทำให้ร่างกายสร้างมวลกระดูกใหม่ได้น้อยลง หากดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานาน
จะทำให้กระดูกบางและเสี่ยงต่อการแตกหักง่ายขึ้น และจริงๆแล้ว ร่างกายต้องใช้วิตามินดีในการดูดซึมแคลเซียม แต่แอลกอฮอล์ทำให้ระบบนี้
ทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้กระดูกขาดแคลเซียมได้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเลิกได้จะดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ลดปริมาณลงเพื่อให้ร่างกายได้รับ
แคลเซียมเพียงพอเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
.
ถ้าอยากให้กระดูกแข็งแรงไปนาน ๆ พยายามลดเครื่องดื่มเหล่านี้ลง หรือดื่มให้น้อยที่สุด แล้วหันไปกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงแทนดีกว่า
เช่น นม ปลาตัวเล็กตัวน้อย รวมถึงรับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งถ้าใครไม่สะดวกกินเป็นอาหารจากธรรมชาติ หรือใครที่รับแคลเซียมจาก
อาหารธรรมชาติไม่เพียงพอ สามารถกินแบบอาหารเสริมก็ได้ครับ ซึ่งก็ควรกินแคลเซียมร่วมกับวิตามิน D3 เพราะช่วยให้ร่างกายดูดซึม
แคลเซียมได้ดีขึ้น และลดการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกและวิตามิน K2 ช่วยนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูกแทนที่จะสะสมในหลอดเลือด
ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ รวมถึงแมกนีเซียม (Mg)มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและช่วยให้วิตามิน D3 ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
แหล่งที่มา : News.CH7
https://news.ch7.com/detail/791033
แหล่งที่มา : เมดิ แอนด์ เวลเนส
http://www.medi.co.th/news_detail71.php?q_id=1079
5 เครื่องดื่มมีความเสี่ยงทำให้กระดูกพรุนไม่รู้ตัว !
และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงาน 5 เครื่องดื่มมีความเสี่ยงให้กระดูกพรุน
.
โดยผลกระทบของเครื่องดื่มเหล่านี้ต่อสุขภาพกระดูก อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศพันธุกรรม
และการบริโภคอาหารโดยรวม การบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะและควบคู่กับการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี
อย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
.
1.ชา
ชาก็เป็นอีกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ในหลายด้านเลย แต่ถ้าเราดื่มมากเกินไปก็อาจมีผลเสียต่อกระดูกได้ โดยเฉพาะชาเข้มข้น
หรือชานมที่มีน้ำตาลสูง เพราะว่าในชามีสารแทนนิน (Tannins) ซึ่งสามารถจับตัวกับแคลเซียมในลำไส้ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม
ได้น้อยลง หากเราดื่มชามากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ และชาก็เป็นพืชที่ดูดซับฟลูออไรด์จากดินสูง
หากได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะ “Skeletal Fluorosis” หรือการสะสมของฟลูออไรด์ในกระดูก ส่งผลให้กระดูกเปราะ
และเกิดอาการปวดข้อได้ แนะนำว่า ดื่มชาในปริมาณที่พอดี (วันละ 1-2 แก้ว) และเลี่ยงการดื่มชาอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม
เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
.
2.กาแฟ
กาแฟก็เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนขาดไม่ได้ เรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ก็ได้ บางคนไม่ได้กินกาแฟ ก็คือไม่มีแรงทำงาน แต่ถ้าดื่มมากเกินไป
อาจส่งผลกระทบต่อมวลกระดูกโดยตรง ซึ่งในกาแฟมีคาเฟอีน และมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งมันอาจจะเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางไตได้
ถ้าเราดื่มกาแฟมากเกินไปและไม่ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ กระดูกของเราจะสูญเสียแร่ธาตุสำคัญและไม่แข็งแรง
และนอกจากจะเร่งการขับแคลเซียมออกแล้ว คาเฟอีนยังรบกวนการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยลง
ส่งผลให้กระดูกบางลงเรื่อย ๆแนะนำว่า ไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 2-3 แก้วต่อวัน และเสริมแคลเซียมจากแหล่งอาหาร เช่น นม ปลาตัวเล็ก
หรือผักใบเขียว เพื่อลดผลกระทบต่อกระดูก
.
3.เครื่องดื่มชูกำลัง
อันนี้ก็เป็นเครื่องดื่มโปรดของหลายคน เครื่องดื่มชูกำลังอาจช่วยให้รู้สึกสดชื่นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับทำลายกระดูกได้
เพราะเครื่องดื่มชูกำลังส่วนใหญ่มีคาเฟอีนในปริมาณสูงกว่ากาแฟปกติ และน้ำตาลสูงมากคาเฟอีนสูงทำให้แคลเซียมถูกขับออกจาก
ร่างกายเร็วยิ่งขึ้น ส่วนน้ำตาลสูงก็กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูกใหม่ รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังมีค่า
ความเป็นกรดสูง (pH ต่ำ) เมื่อดื่มมาก ๆ ร่างกายต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้เพื่อปรับสมดุลของกรด-ด่างในเลือด ซึ่งอาจทำให้
กระดูกบางลงในระยะยาว แนะนำว่า หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง และหันมาใช้วิธีเพิ่มพลังงานด้วยการออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหาร
ที่ให้พลังงานอย่างเหมาะสมดีกว่า
.
4. น้ำอัดลม
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่หลายคนติด ไม่ดื่มก็รู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีแรง แต่จริงๆแล้วการกินน้ำอัดลด ก็เหมือนเรากำลังทำลายกระดูกอยู่
เพราะน้ำอัดลมส่วนใหญ่มีกรดฟอสฟอริก ซึ่งทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมากขึ้น งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
มีมวลกระดูกต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่ม และในน้ำอัดลมมีน้ำตาล ซึ่งจะไปรบกวนสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ลดลง
รวมถึงสารให้ความหวานบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อการเผาผลาญของกระดูก เพราะฉะนั้นทั้งน้ำอัดลมปกติหรือสูตรน้ำตาล 0%
ก็ส่งผลต่อกระดูก แนะนำว่าหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม หรือเลือกน้ำเปล่าแทนดีที่สุด
.
5.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้มีผลเสียแค่ต่อตับและสมองเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อกระดูกด้วย แอลกอฮอล์ขัดขวางกระบวนการสร้างกระดูก
เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblasts) ทำให้ร่างกายสร้างมวลกระดูกใหม่ได้น้อยลง หากดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานาน
จะทำให้กระดูกบางและเสี่ยงต่อการแตกหักง่ายขึ้น และจริงๆแล้ว ร่างกายต้องใช้วิตามินดีในการดูดซึมแคลเซียม แต่แอลกอฮอล์ทำให้ระบบนี้
ทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้กระดูกขาดแคลเซียมได้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเลิกได้จะดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ลดปริมาณลงเพื่อให้ร่างกายได้รับ
แคลเซียมเพียงพอเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
.
ถ้าอยากให้กระดูกแข็งแรงไปนาน ๆ พยายามลดเครื่องดื่มเหล่านี้ลง หรือดื่มให้น้อยที่สุด แล้วหันไปกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงแทนดีกว่า
เช่น นม ปลาตัวเล็กตัวน้อย รวมถึงรับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งถ้าใครไม่สะดวกกินเป็นอาหารจากธรรมชาติ หรือใครที่รับแคลเซียมจาก
อาหารธรรมชาติไม่เพียงพอ สามารถกินแบบอาหารเสริมก็ได้ครับ ซึ่งก็ควรกินแคลเซียมร่วมกับวิตามิน D3 เพราะช่วยให้ร่างกายดูดซึม
แคลเซียมได้ดีขึ้น และลดการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกและวิตามิน K2 ช่วยนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูกแทนที่จะสะสมในหลอดเลือด
ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ รวมถึงแมกนีเซียม (Mg)มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและช่วยให้วิตามิน D3 ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
แหล่งที่มา : News.CH7 https://news.ch7.com/detail/791033
แหล่งที่มา : เมดิ แอนด์ เวลเนส http://www.medi.co.th/news_detail71.php?q_id=1079