แรงไม่หยุด! ส่งออก ก.พ.พุ่ง 14% แนวโน้มดี มีลุ้นทั้งปีโตทะลุเป้า 3%

กระทู้สนทนา
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนก.พ.68 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 26,707 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และขยายตัวในระดับ 2 digit ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากม.ค.68 ที่ขยายตัวได้ 13.6% ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 24,718 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4% ส่งผลให้เดือนนี้ไทยกลับมาเกินดุลการค้า อยู่ที่ 1,988 ล้านดอลลาร์
"เราพอใจมาก ที่การส่งออกโตได้ 14% หลังจากเดือนม.ค. โตได้ 13.6% เราเชื่อว่าการส่งออกจะยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ได้ คาดว่าเดือนมี.ค.ก็จะยังเติบโตได้อีก ทิศทางยังดี" นายพิชัย ระบุ
สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.68) การส่งออกมีมูลค่ารวม 51,984 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.8% การนำเข้า มีมูลค่ารวม 51,876 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 6% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของปีนี้ ไทยเกินดุลการค้า 108 ล้านดอลลาร์
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายมูลค่าการส่งออกสำหรับปี 2568 ว่าจะขยายตัวได้ 2-3% อย่างไรก็ดี จากมูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ที่ขยายตัวได้ถึง 13.8% นั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งปีนี้ การส่งออกของไทย จะขยายตัวได้เกินเป้าหมาย 3% ที่ตั้งไว้
https://www.infoquest.co.th/news/2025-IR2K0IQ3INXZVWDO49MTWX39F7JDAW9E





นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกไทยเดือน ก.พ.68 มีมูลค่า 26,707 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และขยายตัว ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากม.ค.68 ที่ขยายตัวได้ 13.6% ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 24,718 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4% ส่งผลให้เดือนนี้ไทยกลับมาเกินดุลการค้า อยู่ที่ 1,988 ล้านดอลลาร์ คาดว่าในเดือน มี.ค.การส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจาการการลงทุนที่มากขึ้น  และดูจาการการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเป็นการนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบนำมาผลิตเพื่อการส่งออก  ส่วนภาพรวมการส่งออก 2 เดือนแรก ขยายตัว 13.8 %
นายพิชัย กล่าวว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทย กำลังไปได้ดีทุกตัว โดยในปีที่แล้วไทยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท ขณะนี้หลายโรงงานใกล้เสร็จและพร้อมเริ่มการผลิตเพื่อส่งออก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ หรือ PCB และข้อมูลจาก BOI ระบุว่า 2 เดือนแรกของปี 2568 มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การส่งออก 2 เดือนแรกโต 13.8% การลงทุนขยายตัวสูงกว่าปีก่อน การท่องเที่ยวปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยว 36 ล้านคน ปีนี้คาดว่าแตะ 39-40 ล้านคน ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ปัญหาหนี้ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ จึงสนับสนุนแนวคิดการแก้หนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และอาจขยายตัวถึง 5-6%
ทั้งนี้ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 11.8% โดยเดือนต.ค. 2567 ขยายตัว 14.6% เดือนพ.ย. 2567 ขยายตัว 8.2% เดือนธ.ค. 2567 ขยายตัว 8.7% เดือนม.ค. 2568 ขยายตัว 13.6% และเดือนก.พ. 2568 ขยายตัว 14%

 “การส่งออกเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะส่งออกโตได้ 14% หลังจากเดือนม.ค. โตได้ 13.6% หากตัวเลข 5  เดือนย้อนหลัง การส่งออกของไทยขยายตัวเฉลี่ย  11.8 % เชื่อว่าการส่งออกจะยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ได้ โดยการส่งออกไทยกำลังฟื้นตัวจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ไทยเป็นประเทศเล็กและเปิด จำเป็นต้องพึ่งพาการส่งออก ในอดีตตัวเลขไม่ดีเพราะการลงทุนหดตัว แต่ขณะนี้การลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกขยายตัว และหากเราสามารถแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจได้สำเร็จ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวเกิน 5% และเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว" นายพิชัย กล่าว
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  กล่าวว่า การส่งออกเดือนก.พ.ที่ขยายตัวมาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.9 %  โดยสินค้าเกษตรหดตัว 1.6 % สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 9.9 %  โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ขยายตัว 35.7 น้ำตาลทราย  25.8  %  ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัว 9.3 % ผลิตภัณฑ์ข้าสาลีและอหารสำเร็จรูปอื่นๆ ขยายตัว 27.7  %  อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว  14.4 %  อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 22.5  %   ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว หดตัว 34.3 %  ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัว 15.8 %   ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง หดตัว 3.7 % เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ หดตัว 6.7 % ทั้งนี้ 2 เดือนแรกส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 2.1 %



ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว  17.2  %   โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 4.5 % เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 51.3 %   อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว 106.3 %  ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 16.9 %   เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัว 32.8 %  เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัว  21.5 %   แผงวงจรไฟฟ้า 24.8 %
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ หดตัว 13.2  % เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัว 10.1 %   อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หดตัว  46.1  % ทั้งนี้ 2 เดือนแรกการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว   17.1 %
สำหรับการส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว  โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีนที่ขยายตัวเร่งขึ้นจามการฟื้นตัวขงอภาคการผลิต ตลาดเอเชียใต้ยังขยายตัวต่อเนื่องตามการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ยังอินเดีย ประกอบกับยังมีการเร่งนำเข้าในตลาดสรัฐฯจากความกังวลมาตรการกำแพงภาษีในอนาคต โดยตลาดหลัก ขยายตัว 7.7 %  ได้แก่ สหรัฐฯ  18.3 % จีน 22.4%  ญี่ปุ่น 3.1 % สหภาพยุโรป (27) 4.5 %  แต่หดตัวในตลาดญี่ปุ่น 3.1 % ตลาดอาเซียนอาเซียน (5)  0.5 % และ CLMV 1.8 %   ตลาดรอง ขยายตัว  21.2 % ได้แก่ ตลาดเอเชียใต้ 129.5 %  ตะวันออกกลาง 6.7 %  แอฟริกา 6.8 % ลาตินอเมริกา 17.9 %  รัสเซียและกลุ่ม CIS 30.2% และสหราชอาณาจักร 3.7% แต่หดตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย 7.7 %  และตลาดอื่น ๆ ขยายตัว 184.6 %
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการส่งออกในไตรมาสแรก คาดว่า จะขยายตัวได้ในตัวเลข 2 หลัก ประมาณ 10 % โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในภาคการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวในเชิงบวกความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง อาทิ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศต่างๆ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับระบบการค้าโลก ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตสินค้าเกษตรของไทย ตลอดจนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์  ขณะที่ไตรมาส 2  สินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ที่จะเริ่มออกมามาก อย่างไรก็ตามคงต้องจับตามดูผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในวันที่ 2 เม.ย.
“กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายมูลค่าการส่งออกสำหรับปี 2568 ว่าจะขยายตัวได้ 2-3% แต่จากมูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ที่ขยายตัวได้ถึง 13.8% นั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งปีนี้ การส่งออกของไทย จะขยายตัวได้เกินเป้าหมาย 3% ที่ตั้งไว้ โดยมีมูลค่า 309,545 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ยเดือนละ 26,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญที่ขยายตัว โดยเฉพาะจีน สหรัฐ อียู เอเชียใต้ อินเดีย ” นายพูนพงษ์ กล่าว

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1172104




เงินบาทไม่แข็งไงไหวละก็เกินดุลการค้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
13 ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่