“ท้องผูกในผู้สูงอายุ” แก้อย่างไร?



“ท้องผูกในผู้สูงอายุ” แก้อย่างไร?



อาการท้องผูกอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ลำไส้อุดตัน หรือแม้แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ ดังนั้น การใส่ใจและป้องกันอาการท้องผูกในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม



สาเหตุของอาการท้องผูกในผู้สูงอายุ
* รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารไม่เพียงพอ หรือเลือกรับประทานอาหารที่ขาดกากใย เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช อาจเสี่ยงต่ออาการท้องผูกมากขึ้น เพราะใยอาหารมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
* ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หลายคนลดการดื่มน้ำเพราะกังวลเรื่องปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน แต่การขาดน้ำทำให้ลำไส้ดูดน้ำกลับจากอุจจาระ ส่งผลให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายลำบาก
* ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย การไม่ค่อยออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้การทำงานของลำไส้ช้าลง อุจจาระเคลื่อนตัวได้ยาก จึงเกิดอาการท้องผูก
* ผลข้างเคียงจากยา ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต และยาต้านซึมเศร้า อาจมีผลข้างเคียงทำให้ระบบลำไส้ทำงานช้าลง ส่งผลให้ท้องผูกง่ายขึ้น
* ความเครียดและอารมณ์ ความเครียด ความวิตกกังวล รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสมองในวัยสูงอายุ อาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ ส่งผลให้การขับถ่ายลำบากขึ้น

อาการท้องผูกไม่เพียงแค่ทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องลำบาก แต่ยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น
ริดสีดวงทวาร การเบ่งอุจจาระที่แข็งบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดริดสีดวงทวาร ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและไม่สบาย
ลำไส้อุดตัน หากอาการท้องผูกรุนแรงและไม่สามารถขับถ่ายได้ตามปกติ อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตัน ซึ่งต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน
การติดเชื้อในลำไส้ การมีอุจจาระค้างในลำไส้เป็นเวลานานสามารถทำให้แบคทีเรียและสารพิษสะสม ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อในลำไส้



วิธีป้องกันและแก้ไขอาการท้องผูก
* เพิ่มปริมาณกากใยในอาหาร ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด และธัญพืชเต็มเมล็ด เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และป้องกันการท้องผูก
* ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการท้องผูก ควรดื่มน้ำในระหว่างวันอย่างสม่ำเสมอ แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนนอน
* ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดินหรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเบาๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้
* ฝึกการขับถ่ายเป็นเวลา ควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา โดยไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อรู้สึกอยากขับถ่าย ควรรีบเข้าห้องน้ำทันที เพื่อไม่ให้อุจจาระตกค้างในลำไส้
* หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายเป็นประจำ การใช้ยาระบายควรเป็นทางเลือกสุดท้าย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเหล่านี้ เนื่องจากการใช้ยาระบายบ่อยครั้งอาจทำให้ลำไส้เสพติดการกระตุ้นจากยาและทำงานได้ไม่ดีในระยะยาว

ถึงแม้อาการท้องผูกอาจดูเหมือนปัญหาที่ไม่ร้ายแรง แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว มันอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ การป้องกันและแก้ไขอาการท้องผูกจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถขับถ่ายได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุให้มีระบบขับถ่ายที่ดีหรือปกตินั้นไม่ยาก หากผู้ดูแลเข้าใจและเลือกใช้วิธีการดูแลที่เหมาะสม ปัญหาท้องผูกในผู้สูงอายุก็จะหมดไป ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความสบายใจให้กับครอบครัว แต่ยังทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกด้วย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่