“สันติ” ยืนยัน ไม่เกี่ยวให้ประกันสังคมซื้อตึก Skyy 9 ฟุ้งลูกชายเก่งอสังหาริมทรัพย์ ซื้อตึกเก่ารีโนเวทขาย ไม่รู้คนซื้อต่อขายใคร ชี้ตึกอยู่กลางใจเมือง 7 พันล้านบาทไม่แพง
วันที่ 20 มีนาคม ที่อาคารรัชดา วัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทของลูกชายมีความเชื่อมโยงกับการขายตึก Skyy 9 ให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า จริงๆ แล้วเรื่องอสังหาริมทรัพย์นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายตน มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านอสังหาริมทรัพย์ ตนเลยปล่อยให้บริหา
รจัดการในบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด
ยืนยันว่า ตอนที่ลูกชายไปซื้อตึกนี้มาจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เขาก็ยังต้องไปซื้อห้องอื่นๆ ในอดีตที่ขายกันไปแล้วกลับมา จนสามารถรวมเป็นตึกเดียวกันภายใต้เจ้าของเดียว ตอนนั้นเขามาหารือกับตนว่าอยากจะรีโนเวท พอสักพักเมื่อมีคนรู้ข่าวว่าตึกหลังนี้มีเจ้าของเดียว ทำให้มีคนสนใจจำนวนมาก ตนรู้แค่เพียงตอนที่เขาขาย ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ให้กับบริษัทของฝรั่งที่มาจดทะเบียนในเมืองไทย เป็นกองทุนที่ใหญ่มาก วันที่เขาซื้อก็จ่ายเงินเลยทั้งหมด พอจ่ายแล้วมันก็แล้วกัน เราไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาเอาไปรีโนเวท ตนนั่งรถผ่านก็เห็นว่าสวยมาก มารู้อีกทีตอนมีข่าวจากสื่อมวลชนว่าตึกหลังนี้ได้มีการขายไป โดย สปส.เป็นเจ้าของ ในราคา 7 พันล้านบาทบวกลบ
ที่มา/อ่านข่าวต่อที่ :
https://www.thairath.co.th/news/politic/2848264?fbclid=IwY2xjawJJSp1leHRuA2FlbQIxMQABHRmEDtnIYf6ZJ3q_DA8MxK6lwcHWkcgqnBxIkCdvzlBl_rURru89Fayf2w_aem_xlrLfis_hTKazMnmokj3fw
“สันติ” ยันไม่เกี่ยวขายตึกให้ สปส. อยู่ใจกลางเมือง 7,000 ล้าน ไม่แพง
วันที่ 20 มีนาคม ที่อาคารรัชดา วัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทของลูกชายมีความเชื่อมโยงกับการขายตึก Skyy 9 ให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า จริงๆ แล้วเรื่องอสังหาริมทรัพย์นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายตน มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านอสังหาริมทรัพย์ ตนเลยปล่อยให้บริหา
รจัดการในบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด
ยืนยันว่า ตอนที่ลูกชายไปซื้อตึกนี้มาจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เขาก็ยังต้องไปซื้อห้องอื่นๆ ในอดีตที่ขายกันไปแล้วกลับมา จนสามารถรวมเป็นตึกเดียวกันภายใต้เจ้าของเดียว ตอนนั้นเขามาหารือกับตนว่าอยากจะรีโนเวท พอสักพักเมื่อมีคนรู้ข่าวว่าตึกหลังนี้มีเจ้าของเดียว ทำให้มีคนสนใจจำนวนมาก ตนรู้แค่เพียงตอนที่เขาขาย ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ให้กับบริษัทของฝรั่งที่มาจดทะเบียนในเมืองไทย เป็นกองทุนที่ใหญ่มาก วันที่เขาซื้อก็จ่ายเงินเลยทั้งหมด พอจ่ายแล้วมันก็แล้วกัน เราไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาเอาไปรีโนเวท ตนนั่งรถผ่านก็เห็นว่าสวยมาก มารู้อีกทีตอนมีข่าวจากสื่อมวลชนว่าตึกหลังนี้ได้มีการขายไป โดย สปส.เป็นเจ้าของ ในราคา 7 พันล้านบาทบวกลบ
ที่มา/อ่านข่าวต่อที่ : https://www.thairath.co.th/news/politic/2848264?fbclid=IwY2xjawJJSp1leHRuA2FlbQIxMQABHRmEDtnIYf6ZJ3q_DA8MxK6lwcHWkcgqnBxIkCdvzlBl_rURru89Fayf2w_aem_xlrLfis_hTKazMnmokj3fw