ปีใหม่เปอร์เซีย ประวัติศาสตร์ 3,000 ปี พิธีกรรม ศาสนา และอาหาร

นานมาแล้ว ก่อนที่จักรวาลจะถูกสร้างขึ้น
ก่อนที่แสงแห่งวันแรกจะส่องประกาย
หรือความมืดมิดจะเข้าครอบงำ
มีเพียงสองพลังที่ดำรงอยู่ในห้วงแห่งนิรันดร์



...
นานมาแล้ว ก่อนที่จักรวาลจะถูกสร้างขึ้น ก่อนที่แสงแห่งวันแรกจะส่องประกาย หรือความมืดมิดจะเข้าครอบงำ มีเพียงสองพลังที่ดำรงอยู่ในห้วงแห่งนิรันดร์

ทางหนึ่งคือ อาหุรา มาสดา (Ahura Mazda) ผู้เป็นแสงสว่างอันบริสุทธิ์ พระองค์คือผู้ให้กำเนิดปัญญา ความดีงาม และความจริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และสร้างสรรพชีวิตขึ้นด้วยความรักและเมตตา

แต่อีกทางหนึ่งคือ อห์ริมัน (Angra Mainyu หรือ Ahriman) เจ้าแห่งความมืด ความชั่วร้าย และการทำลายล้าง ที่เต็มไปด้วยความอิจฉา โกรธเกรี้ยว และเกลียดชัง พระองค์ไม่ต้องการให้แสงแห่งอาหุรา มาสดา ส่องสว่าง แต่ต้องการให้ทุกสิ่งจมลงในห้วงแห่งความโกลาหล

อาหุรา มาสดา ทรงมองเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น พระองค์รู้ว่าอห์ริมันจะพยายามทำลายโลกที่พระองค์สร้างขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงวางแผนเพื่อปกป้องทุกสรรพสิ่ง

ด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ อาหุรา มาสดาได้สร้าง จักรวาลที่สมบูรณ์แบบ มีท้องฟ้าสูงส่ง น้ำใสสะอาด ผืนดินกว้างใหญ่ และดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่าง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย รวมถึงเหล่าทวยเทพผู้พิทักษ์ ที่รู้จักกันในนาม อเมชา สเปนตา (Amesha Spenta) ซึ่งเป็นเทพบริวารผู้เป็นตัวแทนของคุณธรรมแต่ละประการ

เมื่ออห์ริมันเห็นโลกที่เต็มไปด้วยความสงบสุขและงดงาม พระองค์ก็เดือดดาลยิ่งนัก พระองค์ไม่อาจทนเห็นความดีงามนี้ได้ จึงปลดปล่อยเหล่าปีศาจแห่งความชั่วร้ายเข้าสู่โลก บันดาลให้เกิดโรคร้าย ภัยพิบัติ ความทุกข์ทรมาน และสงคราม

.
เมื่อพลังแห่งความมืดแผ่ขยายไปทั่ว อาหุรา มาสดา ไม่อาจนิ่งเฉย พระองค์ทรงมอบพลังแห่งความจริงให้แก่เหล่าผู้ศรัทธา เพื่อให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับความชั่วร้าย พระองค์ได้ส่ง ไฟศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นตัวแทนของแสงแห่งปัญญาและความดีงาม เพื่อขับไล่ความมืดให้พ้นจากโลก

การต่อสู้ระหว่าง แสงสว่างและความมืด ดำเนินไปตลอดยุคสมัย เหล่าเทพแห่งอาหุรา มาสดา ต่อสู้กับปีศาจของอห์ริมัน มนุษย์ที่เลือกเดินบนเส้นทางแห่งความดีจะได้รับการปกป้อง ส่วนผู้ที่ติดตามความมืดจะตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจ



...
กล่าวกันว่าชีวิตหลังความตาย วิญญาณจะอยู่ใกล้ร่างเป็นเวลาสามวัน เมื่อครบกำหนด ดวงวิญญาณนั้นก็จะเดินทางมายังสะพานซินแวด (Chinvat Bridge) ที่ทอดข้ามเหวลึกระหว่างคนเป็นกับคนตาย และจะถูกสุนัขเฝ้าสะพานรับวิญญาณข้ามสะพานเพื่อรับการตัดสิน ผู้ที่ทำความดีจะได้รับการต้อนรับจากเทพธิดาไดนา (Daena) ที่จะปรากฏตัวเป็นหยิงสาวสวงงาม พร้อมกับปลอบโยนวิญญาณและให้การคุ้มครอง ส่วนผู้ที่ทำชั่ว เธอจะปรากฏตัวคล้ายแม่มดแก่ที่น่าเกลียด และจะถูกตัดสินโทษ นี่คือความเชื่อในชีวิตหลังความตายของศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) ที่ก่อตั้งโดยชาวเปอร์เซียชื่อว่า "โซโรอัศเตอร์"  ผู้นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียวนาม อาหุร่า มาสดา (Ahura Mazda) พระเจ้าผู้ทรงสร้างและค้ำจุนทุกสรรพสิ่ง ภายใต้คำสอนหลัก "ความคิดดี คำพูดดี การกระทำดี" หนึ่งในศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ต้นกำเนิดของวันนาวรูซ


................................

.
วันนาวรูซ (Day of Nowruz) นั้นอาจเรียกได้อีกอย่างว่า วันปีใหม่ของชาวเปอร์เซีย ซึ่งย้อนกลับไปได้กว่า 3,000 ปีก่อน โดยมีรากฐานมาจากอารยธรรมเปอร์เซียโบราณ และเกี่ยวข้องกับศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism)

เรื่องเล่าหนึ่งกล่าวว่า กษัตริย์แจมชิดได้สร้าง บัลลังก์ทองคำ ที่วิจิตรตระการตา และประดับด้วยอัญมณีอันล้ำค่า เมื่อถึงวันครีษมายัน (Spring Equinox) ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ พระองค์ได้ประทับบนบัลลังก์นี้ และด้วยพลังวิเศษของ บัลลังก์ของพระองค์ก็ได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเคลื่อนที่ผ่านทั่วทั้งดินแดน

ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์มหัศจรรย์นี้ ต่างโห่ร้องด้วยความยินดีและเฉลิมฉลองการมาของฤดูใหม่ ซึ่งต่อมากลายเป็นเทศกาล "Nowruz" หรือวันขึ้นปีใหม่ของเปอร์เซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงวันที่โลกเข้าสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองอีกครั้ง

.
ตามคติของศาสนาโซโรอัสเตอร์ Nowruz เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะของความสว่างเหนือความมืด ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ และการที่ธรรมชาติฟื้นคืนชีพหลังจากฤดูหนาว ในช่วง Nowruz ประชาชนจะทำพิธีกรรมเพื่อขับไล่พลังด้านลบ และต้อนรับพลังแห่งความโชคดี เช่น "ชาฮาร์ชันเบ ซูรี" Chaharshanbe Suri (พิธีกระโดดข้ามกองไฟ) และการตั้งโต๊ะ ฮัฟต์ซีน (Haft-Seen) ที่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความอุดมสมบูรณ์

.
การเตรียมการตั้งโต๊ะฮัฟต์ซีนจะใช้พืชผลทั้งหมด 7 อย่างด้วยกัน

1. Sabzeh ซับเซห์ (سبزه) – ต้นอ่อนข้าวสาลีหรือถั่วงอก หมายถึงการเติบโตและความหวัง
2. Senjed เซ็งเจ็ด (سنجد) – ผลไม้แห้งของต้นซีบัคธอร์น หมายถึงความรัก
3. Seer ซีร์ (سیر) – กระเทียม หมายถึงสุขภาพและการป้องกันสิ่งชั่วร้าย
4. Seeb ซีบ (سیب) – แอปเปิล หมายถึงความงามและสุขภาพ
5. Samanu ซามานู (سمنو) – ขนมจากข้าวสาลี หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
6. Serkeh เซอเคห์ (سرکه) – น้ำส้มสายชู หมายถึงความอดทนและสติปัญญา
7. Somagh โซมากห์ (سماق) – สมุนไพรสีแดง หมายถึงชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด

.
นอกจากองค์ประกอบทั้งเจ็ดอย่างนี้แล้ว บนโต๊ะนั้นจะมีสิ่งของต่างๆ เช่น กระจก (สัญลักษณ์ของการสะท้อน), เทียน (สัญลักษณ์ของแสงและความสุข), ไข่ที่ตกแต่ง (สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์), เหรียญ (สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง), และชามปลาทอง (สัญลักษณ์ของชีวิตและการเคลื่อนไหว)

.
ในช่วงเทศกาลนาวรูซ จะมีการเตรียมพิธีกรรมสำคัญอย่าง Chaharshanbe Suri (ชาฮาร์ชานเบ สุรี) ถูกจัดขึ้นในคืนวันพุธสุดท้ายของปีเก่า ในพิธีนี้ ผู้คนจะกระโดดข้ามกองไฟ และกล่าวคำว่า “Zardi-ye man az toh, Sorkhi-ye toh az man” "ร้องไห้ซาร์ดีเย มัน อัซ โต, ซอร์คีเย โต อัซ มัน) ซึ่งแปลว่า “ขอให้ไฟเอาความเจ็บป่วยของฉันไป และขอมอบความอบอุ่นและพลังชีวิตให้แก่ฉัน”

และจะมีการเยี่ยมเยียนครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนคำอวยพร หลังจากวันนาวรูซเริ่มต้นขึ้น ผ่านไป 13 วัน จะเป็นวัน "Sizdah Bedar"  (سیزده‌بدر) "ซิซดาห์ เบดาร์" ที่ทุกคนนั้นจะออกไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ถือเป็นการปล่อยพลังงานด้านลบออกไป และเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสดใส




.
ในวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี (หรือวันแรกของฟาร์วาร์ดิน เป็นเดือนแรกของปฏิทินเปอร์เซีย โดยปกติจะตรงกับวันที่ 20 หรือ 21 มีนาคม) จะเป็นวันนาวรูซสากล ถือเป็นวันหยุดปีใหม่ระดับโลกที่มีความสำคัญ ภายใต้หัวข้อ "วัฒนธรรมแห่งสันติภาพ" โดยจัดขึ้นในช่วงวสันตวิษุวัต เป็นการส่งสัญญาณการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ การฟื้นฟูธรรมชาติ โดยสหประชาชาติได้มีการประกาศวันนี้ขึ้นมาในปี คริสต์กราช 2010 ในวันที่ 21 มีนาคม
.
ในช่วงเวลานี้เองก็มีการเฉลิมฉลองด้วยเมนูอาหารมากมาย และมี 5 เมนูอาหารที่อยากมาแนะนำที่กินกันในช่วงเทศกาลนาวรูซนี้

.
1. Sabzi polo ซาบซีโปโล (herbed rice)
วันก่อนถึงเทศกาลนาวรูซถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเตรียมตัวสำหรับปีใหม่ อาหารจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเตรียมการนี้โดยธรรมชาติ ซาบซีโปโล จึงเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยส่วนผสมอย่าง ข้าวอบกรอบที่เรียกว่าทาห์ดิก ประกอบด้วยผักชีลาว ผักชีฝรั่ง ต้นหอม และใบยี่หร่า

.
2. Mahi ba zafferan มหิบาซัฟเฟอราน (saffron fish)
อาหารอีกประเภทหนึ่งที่ปรุงขึ้นตามพิธีกรรมสำหรับมื้ออาหารวันอีฟของอิหร่านแบบดั้งเดิมคือปลา สัญลักษณ์แห่งชีวิต โดยใช้ปลาแคสเปียนคูทุม ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งจากทะเลแคสเปียน (ถูกห้ามใช้ปลานี้ในหลายประเทศ) หรือปลาน้ำจืดปลาค็อดหรือปลานิลก็แทนได้ ปรุงรสปลาด้วยเกลือและพริกไทย ชุบปลาด้วยส่วนผสมแป้งขมิ้นจากนั้นจึงนำไปทอด

.
3. Ash reshteh แอชเรสเทห์ (Persian noodle soup)
อาหารที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อปิดท้ายการเฉลิมฉลองนาวรูซ ซุปก๋วยเตี๋ยวเปอร์เซียนี้แตกต่างจากซุปก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ที่จะอุดมไปด้วยสมุนไพร ถั่วและถั่วเลนทิลหลายชนิดถูกปรุงกับหัวหอม ต้นหอม ผักโขม สะระแหน่ และผักชีฝรั่ง

.
4. Yaprakh ยาปราคห์ หรือ dolma
เป็นเมนูที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยมีแหล่งกำเนิดที่โต้แย้งกันเป็นอย่างมาก ในชาวกรีกบางคนอ้างว่าอาหารชนิดนี้เสิร์ฟบนภูเขาโอลิมปัส แต่เรื่องราวอื่นๆ เชื่อว่าโดลมาชนิดแรกถูกเสิร์ฟใกล้แม่น้ำไนล์ในเมืองธีบส์ในสมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช

เมนูนี้ใช้ใบองุ่นสอดไส้ข้าว และผักต่างๆ ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว ซูแมค ขมิ้น ยี่หร่า พริกไทยดำ เกลือ ผักชีลาว และผักชีฝรั่ง

.
5. Kuku sabzi คุคุซับซี (herbed frittata)
อาหารจานนี้มีรสชาติกลมกล่อมด้วยสมุนไพรอย่างกระวาน อบเชย ยี่หร่า และส่วนผสมอย่างไข่ ผักชีฝรั่ง กุ้ยช่าย เติมด้วยเกลือ พริกไทย ตามด้วยผงฟู วอลนัท บาร์เบอร์รี่หรือแครนเบอร์รี่ เสิร์ฟแบบอุ่นๆ






...
International Day of Nowruz เป็นมากกว่าวันปีใหม่ เพราะมันสะท้อนถึงความหวัง ความรัก และสายสัมพันธ์ของผู้คนที่มีต่อธรรมชาติ แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่วิธีแห่งวัน Nowruz ยังคงถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเครื่องเตือนใจว่า ทุกปีใหม่คือโอกาสของการเริ่มต้นใหม่

.
ว่าแต่เพื่อนๆ เคยกินเมนูไหนกันบ้างมาแล้ว มีร้านแนะนำไหม..ครับผม

อมยิ้ม07
: เพื่อนๆ ดูเวอร์ชัน Youtube ได้ที่:  https://youtu.be/3wGs75SQTcI
.
ขอขอบคุณข้อมูล
wikipedia
persianbell
britannica
nowruzcommission
worldhistory
tastingtable
cookingwithsamira
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่