สวัสดีค่ะเพื่อนๆพันทิป อยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตคู่8ปี ที่ไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้ของเราค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะเรากับอดีตสามีอายุเท่ากันปัจจุบัน 38 ปี เราเริ่มตกลงใช้ชีวิตคู่ตอนอายุเกือบ 30 ปี ซึ่งคิดว่าเราทั้ง2คน พร้อมจะร่วมกันสร้างครอบครัวแล้ว
ชีวิตคู่ช่วง 3 ปีแรกก็ราบรื่นปกติ มีทะเลาะกันบ้าง (เราทำอาชีพพนักงานบริษัท สามีขับแท็กซี่) สาเหตุหลักๆที่ทะเลาะกันคือสามีดื่มเหล้าทุกเย็น ย้ำว่าทุกเย็นค่ะ แต่จะดื่มที่บ้าน (ก่อนที่จะตกลงอยู่ด้วยกันเค้าติดเพื่อนมากต้องออกไปดื่มกับเพื่อนทุกวันกลับดึกๆ )เงินที่ได้จากการขับแท็กซี่ซื้อเหล้าดื่มหมด ออกไปขับรถ 2 วัน หยุดขับ 3 วัน เราต้องแบ่งเงินเดือนเรามาจ่ายค่างวดรถแท็กซี่ทุกเดือน เคยขอให้เค้าปรับการดื่มก็หยุดได้ 2-3 วัน กลับมาดื่มเหมือนเดิม เราก็ได้แต่ทนทำใจ รักเค้า
เริ่มเข้าปีที่ 4 ก็เกิดโรคโควิด ช่วงนั้นสามีเราไม่ได้ขับรถแท็กซี่ เราก็เข้าใจสถานการณ์ แต่เค้าก็ยังคงดื่มเหล้าทุกวันเหมือนเดิม (รายได้มีแค่เงินเดือนเราทางเดียว)
เราก็อ่ะอดทน รักเค้า จากนั้นไม่กี่เดือนสามีก็เป็นแพนิคค่ะ ช่วงแรกตระเวนหาที่รักษา เข้าออกแผนกฉุกเฉินอาทิตย์ละ4-5 ครั้ง หมดค่ารักษาไปเยอะพอสมควร เราต้องลางานพาไปหาหมอ ดูแลอย่างดี (ช่วงนี้ดีหน่อยดื่มเหล้าไม่ได้) รักษาอยู่ปีกว่าจนอาการดีขึ้น ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ต้องกินยาและไปตามหมอนัดตลอด เราลางานพาไปทุกครั้ง หลังอาการดีขึ้นก็กลับมาดื่มเหล้าเหมือนเดิม สามีไม่ได้ทำงานเลยตั้งแต่ช่วงโควิดลากยาวมาถึงช่วงรักษาอาการแพนิคเกือบ 2 ปี เข้าปีที่ 6 อยากได้น้องหมามาเลี้ยงไว้ฮีลใจจากอาการแพนิค เราก็ซื้อมาให้ หลังจากนั้นอยากได้รถมอเตอร์ไซค์ใหม่ใช้เหตุผลว่าคันเก่าจะพังแล้วเปลืองน้ำมัน เราก็ออกรถให้ใหม่ ค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงค่าผ่อนรถเราเป็นคนออกทั้งหมด รายรับน้อยกว่ารายจ่าย ทำให้เราต้องมีหนี้ (เค้ามีหน้าที่ รับ ส่งเราไปทำงาน และเล่นเกมอยู่บ้าน และยังคงดื่มเหล้าทุกเย็น) เข้าปีที่ 7 เราเลยคุยกับเค้าว่า เรารับภาระรายจ่ายไม่ไหวแล้ว ในเมื่ออาการป่วยแพนิคดีขึ้นแล้ว อยากให้ทำงานหารายได้ช่วยกัน ด้วยความที่เค้าเคยขับแท็กซี่ เค้าเลยอยากทำงานขับรถส่งของ เราก็ดูข้อมูลหาบริษัทที่รับสมัคร พาไปดูว่าบริษัทอยู่ตรงไหน เตรียมเอกสารให้ จ่ายเงินค่าตรวจสุขภาพเพื่อเริ่มงาน หลังจากไปทำงานได้วันเดียวกลับมาบอกว่าจะลาออก เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เราก็คอยให้กำลังใจ จนทำงานได้ สนิทกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ช่วง 8-9 เดือนที่ไปทำงานเค้ากลับบ้านตรงเวลาตลอด รีบกลับมาเล่นกับน้องหมา แต่ก็ยังคงดื่มเหล้าทุกเย็น เพื่อนร่วมงานชวนไปดื่มก็ปฎิเสธตลอด บอกเราว่าไม่ชอบคนเยอะวุ่นวาย เข้าปีที่ 8 ที่อยู่ด้วยกันปลายเดือนมกราคม เค้าเริ่มเปลี่ยนไป ขอไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงาน และไม่กลับบ้าน เราไลน์ไม่อ่าน โทรไปรับสายไม่พูด ตัดสายเราปิดเครื่อง กลับบ้านมาตอนเช้า ขอโทษเราบอกจะไม่ทำอีก จากนั้นแค่ 2 วันเค้าก็ออกไปดื่มอีกกลับเช้าเหมือนเดิม กลับมาก็ขอโทษตามหน้าที่ แล้วก็ทำอีกซ้ำๆ เราถามเค้ามีคนอื่นมั้ยก็ตอบไม่มี แค่ไปดื่ม เรามาจับพิรุธได้ตอน เค้าอาบน้ำแล้วนาฬิกาปลุกในมือถือเค้าแจ้งเตือน เราเลยจะกดปิดให้ แต่ๆๆๆๆเขาเปลี่ยนรหัสล็อคหน้าจอค่ะ เราก็พอจะจับต้นชนปลายได้แล้วตอนนั้น คืนที่เรารู้ว่าเค้าแอบคุยกับคนอื่นคือเค้าเมามากแล้วเปิดเพลงฟังในมือถือ เราเลยดูมือถือเค้า แชทคุยกับเด็กในโรงงานอายุ 24 ปี คุยกันได้ประมาณ 1เดือน ผู้หญิงเพิ่งเข้ามาทำงาน เราเลยโทรหาผู้หญิง สามีเราไปโกหกคนในโรงงานว่าแยกกันอยู่กับเราจ้า เราเลยปลุกเค้ามาถาม ไม่มีคำขอโทษสักคำ ไม่รู้สึกผิด แถมยังขับรถออกจากบ้านไปตอนตี 2 โกรธที่เราจับได้555 ตอนเช้ากลับมาว่าเรายุ่งกับมือถือเค้ามันคือพื้นที่ส่วนตัว เค้าเลิกงานกลับมาบ้านบอกเราว่าเลิกคุยแล้ว แต่เราไม่เชื่อแล้วค่ะ พอเราถามซ้ำๆออกอาการไม่พอใจหงุดหงิด จะออกไปกินเหล้า เราปล่อยค่ะไม่รั้ง แต่ไม่ให้เอารถไป อยากไปก็ไปเอง เราเลยเก็บของจะย้ายกลับบ้าน
เค้าโทรคุยกับแม่เค้าว่าจะให้ผู้หญิงคนที่เราจับได้ว่าคุยกันไปซื้อยาแพนิคให้ จะให้ออกรถให้ ซึ่งเรานั่งฟังอยู่แม่เค้าเปิดสปีคเกอร์โฟน เราก็เลยเดือดไหนบอกเลิกคุยกันแล้ว ทำไมหยามศักดิ์ศรีเราขนาดนี้ เราเลยไปที่โรงงานขอพบผู้หญิงคนนั้น พร้อมเจ้าของบริษัท และตัวปัญหา เราก็ตกลงหนี้สินที่ต้องช่วยกันจ่าย เจ้าของบริษัทบอกพวกเค้าว่าบริษัทนี้ไม่ชอบเรื่องผิดศีลธรรม หน้าซีดทั้งคู่ ตัวผู้หญิงปฎิเสธไม่เคยมีใจ สามีเราตามตื้อเค้า แต่ถึงจุดนี้แล้วเราไม่แคร์แล้วค่ะ เราแค่ต้องการให้เค้าช่วยใช้หนี้ วันนั้น15/3/68 เราขนของกลับบ้านเราทั้งหมด รวมถึงเอาน้องหมามาด้วย (เค้าบอกให้เราโพสขายน้องหมา จิตใจทำด้วยอะไร)
เรากลับมาอยู่บ้านเราแล้ว แม่เค้าโทรมาบอกเราว่าค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟเดือนนี้ต้องหารกันนะ เราห๊ะดังมากโอ้วววววลูกคุณทำร้ายจิตใจดิฉันคร่าาาาคุณแม๊บีบให้ออกจากบ้านยังมีหน้ามาเรียกร้องอีก
นี่ล่ะค่ะประสบการณ์ชีวิตคู่ 8 ปี ที่อดทนมา รักเค้า
หลุดพ้นแล้วรู้สึกโล่งมากค่ะ ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักที
ขอบคุณเพื่อนๆที่อดทนอ่านนะคะ มันอัดอั้นจริงๆค่ะ
กว่าจะหลุดพ้น เสียเวลาชีวิตไป8ปี
ขอเกริ่นก่อนนะคะเรากับอดีตสามีอายุเท่ากันปัจจุบัน 38 ปี เราเริ่มตกลงใช้ชีวิตคู่ตอนอายุเกือบ 30 ปี ซึ่งคิดว่าเราทั้ง2คน พร้อมจะร่วมกันสร้างครอบครัวแล้ว
ชีวิตคู่ช่วง 3 ปีแรกก็ราบรื่นปกติ มีทะเลาะกันบ้าง (เราทำอาชีพพนักงานบริษัท สามีขับแท็กซี่) สาเหตุหลักๆที่ทะเลาะกันคือสามีดื่มเหล้าทุกเย็น ย้ำว่าทุกเย็นค่ะ แต่จะดื่มที่บ้าน (ก่อนที่จะตกลงอยู่ด้วยกันเค้าติดเพื่อนมากต้องออกไปดื่มกับเพื่อนทุกวันกลับดึกๆ )เงินที่ได้จากการขับแท็กซี่ซื้อเหล้าดื่มหมด ออกไปขับรถ 2 วัน หยุดขับ 3 วัน เราต้องแบ่งเงินเดือนเรามาจ่ายค่างวดรถแท็กซี่ทุกเดือน เคยขอให้เค้าปรับการดื่มก็หยุดได้ 2-3 วัน กลับมาดื่มเหมือนเดิม เราก็ได้แต่ทนทำใจ รักเค้า
เริ่มเข้าปีที่ 4 ก็เกิดโรคโควิด ช่วงนั้นสามีเราไม่ได้ขับรถแท็กซี่ เราก็เข้าใจสถานการณ์ แต่เค้าก็ยังคงดื่มเหล้าทุกวันเหมือนเดิม (รายได้มีแค่เงินเดือนเราทางเดียว)
เราก็อ่ะอดทน รักเค้า จากนั้นไม่กี่เดือนสามีก็เป็นแพนิคค่ะ ช่วงแรกตระเวนหาที่รักษา เข้าออกแผนกฉุกเฉินอาทิตย์ละ4-5 ครั้ง หมดค่ารักษาไปเยอะพอสมควร เราต้องลางานพาไปหาหมอ ดูแลอย่างดี (ช่วงนี้ดีหน่อยดื่มเหล้าไม่ได้) รักษาอยู่ปีกว่าจนอาการดีขึ้น ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ต้องกินยาและไปตามหมอนัดตลอด เราลางานพาไปทุกครั้ง หลังอาการดีขึ้นก็กลับมาดื่มเหล้าเหมือนเดิม สามีไม่ได้ทำงานเลยตั้งแต่ช่วงโควิดลากยาวมาถึงช่วงรักษาอาการแพนิคเกือบ 2 ปี เข้าปีที่ 6 อยากได้น้องหมามาเลี้ยงไว้ฮีลใจจากอาการแพนิค เราก็ซื้อมาให้ หลังจากนั้นอยากได้รถมอเตอร์ไซค์ใหม่ใช้เหตุผลว่าคันเก่าจะพังแล้วเปลืองน้ำมัน เราก็ออกรถให้ใหม่ ค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงค่าผ่อนรถเราเป็นคนออกทั้งหมด รายรับน้อยกว่ารายจ่าย ทำให้เราต้องมีหนี้ (เค้ามีหน้าที่ รับ ส่งเราไปทำงาน และเล่นเกมอยู่บ้าน และยังคงดื่มเหล้าทุกเย็น) เข้าปีที่ 7 เราเลยคุยกับเค้าว่า เรารับภาระรายจ่ายไม่ไหวแล้ว ในเมื่ออาการป่วยแพนิคดีขึ้นแล้ว อยากให้ทำงานหารายได้ช่วยกัน ด้วยความที่เค้าเคยขับแท็กซี่ เค้าเลยอยากทำงานขับรถส่งของ เราก็ดูข้อมูลหาบริษัทที่รับสมัคร พาไปดูว่าบริษัทอยู่ตรงไหน เตรียมเอกสารให้ จ่ายเงินค่าตรวจสุขภาพเพื่อเริ่มงาน หลังจากไปทำงานได้วันเดียวกลับมาบอกว่าจะลาออก เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เราก็คอยให้กำลังใจ จนทำงานได้ สนิทกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ช่วง 8-9 เดือนที่ไปทำงานเค้ากลับบ้านตรงเวลาตลอด รีบกลับมาเล่นกับน้องหมา แต่ก็ยังคงดื่มเหล้าทุกเย็น เพื่อนร่วมงานชวนไปดื่มก็ปฎิเสธตลอด บอกเราว่าไม่ชอบคนเยอะวุ่นวาย เข้าปีที่ 8 ที่อยู่ด้วยกันปลายเดือนมกราคม เค้าเริ่มเปลี่ยนไป ขอไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงาน และไม่กลับบ้าน เราไลน์ไม่อ่าน โทรไปรับสายไม่พูด ตัดสายเราปิดเครื่อง กลับบ้านมาตอนเช้า ขอโทษเราบอกจะไม่ทำอีก จากนั้นแค่ 2 วันเค้าก็ออกไปดื่มอีกกลับเช้าเหมือนเดิม กลับมาก็ขอโทษตามหน้าที่ แล้วก็ทำอีกซ้ำๆ เราถามเค้ามีคนอื่นมั้ยก็ตอบไม่มี แค่ไปดื่ม เรามาจับพิรุธได้ตอน เค้าอาบน้ำแล้วนาฬิกาปลุกในมือถือเค้าแจ้งเตือน เราเลยจะกดปิดให้ แต่ๆๆๆๆเขาเปลี่ยนรหัสล็อคหน้าจอค่ะ เราก็พอจะจับต้นชนปลายได้แล้วตอนนั้น คืนที่เรารู้ว่าเค้าแอบคุยกับคนอื่นคือเค้าเมามากแล้วเปิดเพลงฟังในมือถือ เราเลยดูมือถือเค้า แชทคุยกับเด็กในโรงงานอายุ 24 ปี คุยกันได้ประมาณ 1เดือน ผู้หญิงเพิ่งเข้ามาทำงาน เราเลยโทรหาผู้หญิง สามีเราไปโกหกคนในโรงงานว่าแยกกันอยู่กับเราจ้า เราเลยปลุกเค้ามาถาม ไม่มีคำขอโทษสักคำ ไม่รู้สึกผิด แถมยังขับรถออกจากบ้านไปตอนตี 2 โกรธที่เราจับได้555 ตอนเช้ากลับมาว่าเรายุ่งกับมือถือเค้ามันคือพื้นที่ส่วนตัว เค้าเลิกงานกลับมาบ้านบอกเราว่าเลิกคุยแล้ว แต่เราไม่เชื่อแล้วค่ะ พอเราถามซ้ำๆออกอาการไม่พอใจหงุดหงิด จะออกไปกินเหล้า เราปล่อยค่ะไม่รั้ง แต่ไม่ให้เอารถไป อยากไปก็ไปเอง เราเลยเก็บของจะย้ายกลับบ้าน
เค้าโทรคุยกับแม่เค้าว่าจะให้ผู้หญิงคนที่เราจับได้ว่าคุยกันไปซื้อยาแพนิคให้ จะให้ออกรถให้ ซึ่งเรานั่งฟังอยู่แม่เค้าเปิดสปีคเกอร์โฟน เราก็เลยเดือดไหนบอกเลิกคุยกันแล้ว ทำไมหยามศักดิ์ศรีเราขนาดนี้ เราเลยไปที่โรงงานขอพบผู้หญิงคนนั้น พร้อมเจ้าของบริษัท และตัวปัญหา เราก็ตกลงหนี้สินที่ต้องช่วยกันจ่าย เจ้าของบริษัทบอกพวกเค้าว่าบริษัทนี้ไม่ชอบเรื่องผิดศีลธรรม หน้าซีดทั้งคู่ ตัวผู้หญิงปฎิเสธไม่เคยมีใจ สามีเราตามตื้อเค้า แต่ถึงจุดนี้แล้วเราไม่แคร์แล้วค่ะ เราแค่ต้องการให้เค้าช่วยใช้หนี้ วันนั้น15/3/68 เราขนของกลับบ้านเราทั้งหมด รวมถึงเอาน้องหมามาด้วย (เค้าบอกให้เราโพสขายน้องหมา จิตใจทำด้วยอะไร)
เรากลับมาอยู่บ้านเราแล้ว แม่เค้าโทรมาบอกเราว่าค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟเดือนนี้ต้องหารกันนะ เราห๊ะดังมากโอ้วววววลูกคุณทำร้ายจิตใจดิฉันคร่าาาาคุณแม๊บีบให้ออกจากบ้านยังมีหน้ามาเรียกร้องอีก
นี่ล่ะค่ะประสบการณ์ชีวิตคู่ 8 ปี ที่อดทนมา รักเค้า
หลุดพ้นแล้วรู้สึกโล่งมากค่ะ ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักที
ขอบคุณเพื่อนๆที่อดทนอ่านนะคะ มันอัดอั้นจริงๆค่ะ