Nike แบรนด์ที่เกิดขึ้นเพราะ ผู้ก่อตั้ง มีความขัดแย้งกับ Onitsuka Tiger

Nike แบรนด์ที่เกิดขึ้นเพราะ ผู้ก่อตั้ง มีความขัดแย้งกับ Onitsuka Tiger /โดย ลงทุนแมน



ปัจจุบัน Nike ยังคงเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่าบริษัทกว่า 3,820,000 ล้านบาท ทิ้งห่างเบอร์ 2 มากกว่า 2 เท่าตัว

ถึงแม้ตอนนี้ Nike จะเจอมรสุมหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะการแข่งขันจากแบรนด์อื่น ๆ

แต่ Nike ก็ยังคงเป็นผู้นำตลาดอยู่ และเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เมื่ออยากได้รองเท้าหรือเสื้อผ้ากีฬา สักชิ้น

หลายคนรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ Nike
หลายคนรู้จักสินค้ารุ่นต่าง ๆ ที่ Nike ผลิตออกมาในแต่ละปี

แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า
แบรนด์นี้ เกิดมาจากปัญหาความขัดแย้งทางธุรกิจเมื่อ 54 ปีก่อน

แล้ว Nike เดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้นของ Nike เริ่มต้นขึ้นในปี 1964
จากชาย 2 คนที่มีชื่อว่า ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน

ในตอนนั้น ฟิล ไนต์ เป็นนักศึกษาและนักวิ่งให้กับมหาวิทยาลัยออริกอน
ส่วน บิลล์ บาวเวอร์แมน ทำหน้าที่เป็นโคชในการวิ่งให้แก่ ฟิล ไนต์

หลังจาก ฟิล ไนต์ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยออริกอน   
ก็ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

ระหว่างเรียนที่สแตนฟอร์ด ฟิล ไนต์ ทำงานวิจัยเรื่องรองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่น
และอยากรู้ว่ารองเท้ากีฬาแบรนด์ญี่ปุ่น จะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเหมือนแบรนด์อื่นที่อยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกาหรือไม่

หลังจากเรียนจบ ฟิล ไนต์ จึงเดินทางไปญี่ปุ่น
เพื่อติดต่อขอเป็นตัวแทนขายให้กับ “Onitsuka Tiger”
แบรนด์รองเท้าญี่ปุ่น ที่เขารู้สึกประทับใจในคุณภาพ และขายในราคาที่เหมาะสม

สุดท้าย เขาก็ได้สิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายรองเท้า Onitsuka Tiger ในสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียว

ฟิล ไนต์ กลับมายังสหรัฐอเมริกาและส่งตัวอย่างรองเท้า Onitsuka Tiger ไปให้ บิลล์ บาวเวอร์แมน เพื่อจะขายรองเท้านี้ให้แก่อดีตโคชของเขา

แต่นอกจาก บิลล์ บาวเวอร์แมน จะซื้อรองเท้าจาก ฟิล ไนต์ แล้ว
เขายังเสนอตัวเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกับ ฟิล ไนต์
รวมทั้งจะทำหน้าที่เป็นคนออกแบบและพัฒนารองเท้าอีกด้วย

หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย ในปี 1964 ทั้งคู่ก็ก่อตั้งบริษัท Blue Ribbon Sports

ธุรกิจของทั้งคู่ก็ดำเนินไปด้วยดี และมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้า Onitsuka Tiger
และจากการขายรองเท้าที่ถูกพัฒนาโดย Blue Ribbon Sports

ทั้ง Onitsuka Tiger และ Blue Ribbon Sports ยังได้ร่วมกันพัฒนารองเท้า
โดยมีชื่อรุ่นของรองเท้าว่า “Cortez” ที่ได้รับความนิยม และสร้างรายได้ให้ทั้ง 2 บริษัทเป็นอย่างมาก

เรื่องนี้ทำให้กิจการของ Blue Ribbon Sports เติบโตขึ้น จนต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Onitsuka Tiger เมื่อเห็นว่า Blue Ribbon Sports กำลังเติบโตได้ดี
ก็เลยยื่นข้อเสนอขอซื้อบริษัท Blue Ribbon Sports
แต่ทาง ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน ไม่ต้องการขายบริษัท เพราะต้องการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Onitsuka Tiger มากกว่า

พอเป็นแบบนี้ ก็เลยเกิดเป็นความขัดแย้งขึ้นระหว่าง 2 บริษัท

ในปี 1971 Onitsuka Tiger หยุดการส่งสินค้าให้กับ Blue Ribbon Sports
รวมทั้งฟ้องร้องต่อศาล ในการเป็นเจ้าของสิทธิ์ชื่อรุ่นรองเท้า Cortez

ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่า เรื่องนี้เป็นวิกฤติที่ร้ายแรง
แต่เรื่องนี้กลับเป็นโอกาสให้กับเขาทั้ง 2 คน ในการกำเนิดแบรนด์ใหม่ที่กลายเป็นตำนาน

ในตอนนั้น ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน ได้ตั้งบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นอีกแห่ง โดยใช้ชื่อว่า Nike เผื่อว่า Blue Ribbon Sports จะมีปัญหาจากเรื่องที่โดน Onitsuka Tiger ฟ้องร้อง

แต่สุดท้าย ศาลตัดสินให้ Blue Ribbon Sports ได้สิทธิ์ใช้ชื่อ Cortez
ส่วน Onitsuka Tiger ต้องปรับดิไซน์รองเท้าบางจุด และเปลี่ยนชื่อเป็นรองเท้ารุ่น Corsair แทน

หลังจากนั้น ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน
ก็ได้ควบรวม Blue Ribbon Sports กับ Nike เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นบริษัท Nike มาจนถึงวันนี้

จากเรื่องราวความขัดแย้งในปี 1971
Nike ใช้เวลาเพียงประมาณ 20 ปี เติบโตมาเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Adidas ไปได้ในช่วงปี 1990s

ทีนี้มาดูผลประกอบการของ Nike, Inc. ช่วงที่ผ่านมา


ปี 2022 รายได้ 1,579,100 ล้านบาท กำไร 204,400 ล้านบาท


ปี 2023 รายได้ 1,731,500 ล้านบาท กำไร 171,400 ล้านบาท


ปี 2024 รายได้ 1,736,400 ล้านบาท กำไร 192,700 ล้านบาท

และปัจจุบัน Nike มีมูลค่าบริษัท 3,820,000 ล้านบาท

ส่วน Onitsuka Tiger หลังจากนั้น ก็ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท GTO และ JELENK ในปี 1977 ก่อตั้งเป็นบริษัท ASICS Corporation  

โดย ASICS Corporation มี 2 แบรนด์หลักคือ Onitsuka Tiger ที่เน้นไปทางรองเท้าแฟชั่น
และ ASICS ที่เน้นไปทางรองเท้าวิ่งและรองเท้ากีฬาโดยเฉพาะ

ซึ่งช่วงหลัง ๆ รองเท้าแบรนด์ ASICS ได้รับความนิยมอย่างมาก จากกลุ่มนักวิ่ง นักกีฬา รวมถึงคนที่ชอบใส่รองเท้าสบาย ๆ  

ทำให้มูลค่าบริษัท และราคาหุ้น ปรับตัวสูงขึ้น จนกลายเป็นหุ้น 10 กว่าเด้ง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

และในตอนนี้ ASICS Corporation มีมูลค่าบริษัทประมาณ 503,000 ล้านบาท

แต่เมื่อเทียบกับ Nike แล้ว
ก็เท่ากับว่า บริษัทที่เคยขอซื้อกิจการร้านรองเท้า จากผู้ก่อตั้ง Nike ในวันนั้น
ในวันนี้ยังคงเล็กกว่า Nike เกือบ 7 เท่า

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

ชื่อ “Nike” มาจากพนักงานคนแรกของบริษัท ที่เสนอชื่อนี้ให้แก่ ฟิล ไนต์ ในปี 1971

โดยในตอนนั้น พนักงานคนดังกล่าว ฝันถึงเทพเจ้าของกรีกที่มีชื่อว่า Nike ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเทพเจ้าแห่งชัยชนะ

แม้ตอนแรก ฟิล ไนต์ จะไม่ค่อยชอบชื่อนี้มากนัก
แต่สุดท้าย ก็ตัดสินใจใช้ตามที่พนักงานคนนั้นเสนอมาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่โลโกของ Nike ถูกออกแบบโดยนักศึกษาด้านการออกแบบ

ตอนนั้น เธอได้รับค่าออกแบบเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท
แต่ในวันนี้ โลโกของ Nike ถูกตีมูลค่าไว้สูงถึง 878,000 ล้านบาท..


https://www.facebook.com/share/p/162jeVkEKF/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่