ทีทีบี ไม่ทอดทิ้งลูกหนี้ดี ชูแคมเปญ ‘ผ่อนดี..มีรางวัล’

ทีเอ็มบีธนชาต หรือทีทีบี ปักธงปี 2568 เป็น “ปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้” ดังนั้น จุดโฟกัสจึงไม่ใช่เพียงมุ่งขยายสินเชื่อให้เติบโต หากแต่เป็นการดูแลช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการล่าสุดที่ออกมาในช่วงปลายปีที่แล้วคือ “คุณสู้ เราช่วย” เปรียบเสมือนการใช้ “ยาแรง” จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าลูกหนี้ที่มีปัญหา

“ต้นปีนี้ธนาคารมีมาตรการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ที่เป็นยาแรง เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ เพราะคิดอัตราดอกเบี้ย 0% และลดค่างวดตลอด 3 ปี อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่ได้หยุดมาตรการการช่วยเหลือลูกหนี้เพียงเท่านี้ เพราะที่ผ่านมามักจะมีคำถามตลอดว่า แล้วลูกหนี้ที่ผ่อนดีมาตลอดจะได้อะไรบ้าง…? จึงเป็นที่มาของภารกิจช่วยลูกค้าดี ผ่านโปรแกรมผ่อนดีมีรางวัล”

นี่เป็นความตั้งใจและเป้าหมายของทีทีบีที่ “ฐากร ปิยะพันธ์” ผู้จัดการใหญ่ ได้เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังถึงที่มาของโปรแกรม “ผ่อนดีมีรางวัล” ที่จะเปิดให้ลูกค้าเข้าร่วมได้ในช่วงวันที่ 17 เม.ย.-31 ส.ค. 2568 นี้

แก้ “Pain Point” ลูกค้าผ่อนดี
“ฐากร” กล่าวว่า โปรแกรม “ผ่อนดี มีรางวัล” ถูกคิดขึ้นมาเพื่อแก้ “ปัญหา” หรือ “Pain Point” ของลูกค้า ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ สินเชื่อบ้าน เมื่อผ่อนมาครบ 3 ปี ดอกเบี้ยปีที่ 4 จะกระโดดสูงขึ้น ลูกค้าต้องไปหาวิธีลดดอกเบี้ยด้วยการรีไฟแนนซ์ เตรียมเอกสารหลายอย่าง ยื่นกู้ใหม่ รวมถึงต้องจดจำนองใหม่ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีเวลาไปสำนักงานที่ดิน หรือลูกค้าบางคนมีเงินก้อนเข้ามาก็อยากโปะสินเชื่อ แต่พอฉุกเฉินกลับไม่มีเงิน จะไปถอนเงินที่โปะไปกลับคืนมาก็ไม่ได้ จำใจต้องพึ่งพิงสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแพงอย่างไม่มีทางเลือก

ขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีรถยนต์ ซึ่งวันนี้ใช้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือรถแลกเงิน หลายคนอยากขอกู้กับธนาคาร แต่ด้วยต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนมาก ๆ จึงต้องไปเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยแพงกว่า เช่นเดียวกับลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ต้องจ่ายหนี้หลายที่ที่ดอกเบี้ยแพง ผ่อนชำระต่อเดือนสูง โดยไม่รู้เลยว่ามีสินเชื่อบุคคลก็รีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยได้เหมือนกัน

“ลูกค้าทุกคนก็อยากลดภาระให้เบาลง และผ่อนสบายขึ้น ตั้งใจว่าจะสามารถปิดหนี้ได้ในอนาคต โปรแกรม ‘ผ่อนดี…มีรางวัล’ ก็ช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้ เป็นภารกิจสำหรับคนผ่อนดี เมื่อทำดีต้องได้รางวัล ที่ผ่านมาเราได้ระดมความคิดและรวบรวม Pain Point ที่ลูกค้าเจอและอยากให้ธนาคารช่วยเหลือ ถือเป็นข้อมูล Insight ที่เราทำความเข้าใจลูกค้าจนพัฒนาขึ้นมา”


3 ประเภทสินเชื่อร่วมแคมเปญ
ทั้งนี้ “ผ่อนดี…มีรางวัล” จะประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ได้แก่ เริ่มจากสินเชื่อบ้าน เมื่อลูกค้ารีไฟแนนซ์บ้านมาอยู่กับทีทีบี รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาที่ 3.39% ต่อปี (คำนวณจาก MRR-4.215% ต่อปี) ดอกเบี้ยจึงไม่กระโดดในปีที่ 4 ลูกค้าก็ไม่ต้องไปรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3 ปีเหมือนที่เคยทำ ไม่เสียเวลาจดจำนองใหม่ ธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียม ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย โดยกำหนดเงื่อนไขวงเงินสินเชื่อบ้านที่ 2 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนกรณีบ้านแลกเงิน ลูกค้าสามารถรีไฟแนนซ์มาทีทีบีได้เช่นกัน จะคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 5.45% ต่อปี (คำนวณจาก MRR-2.155% ต่อปี) เทียบกับดอกเบี้ยในตลาดที่เฉลี่ยอยู่ที่ 7-8% ต่อปี หรือในกรณีที่ลูกค้าได้เงินพิเศษ โบนัส แล้วนำเงินมาโปะสินเชื่อบ้าน แต่หากต้องการใช้วงเงินฉุกเฉิน ก็สามารถถอนเงินที่โปะมาใช้ได้ทันที ผ่านบัตรกดเงินสด คล้ายกับมีวงเงินโอดี ดอกเบี้ยต่ำประมาณ 8% ต่อปี

“ลูกค้าที่รีไฟแนนซ์บ้านมาอยู่กับทีทีบี แค่ผ่อนดี ตรงเวลา เราก็อยากให้รางวัล โดยคิดดอกเบี้ยต่ำยาวตลอดอายุสัญญา ถือเป็นเรื่องที่ดีกับลูกค้า ช่วยให้ปิดหนี้และเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น”

ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ รีไฟแนนซ์สินเชื่อมาอยู่กับทีทีบี ลดดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง 13% ต่อปี พร้อมรับเงินคืน 5% ของดอกเบี้ยปีแรก เมื่อผ่อนดีต่อเนื่องครบ 12 เดือน นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้บัตรเครดิตทีทีบี เติมน้ำมัน หรือแตะจ่ายค่าทางด่วน ทั้งยังมีส่วนลดอื่น ๆ ที่เน้นตอบโจทย์กับคนมีรถอีกด้วย

สุดท้าย สินเชื่อส่วนบุคคล เมื่อรีไฟแนนซ์ผ่านบัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ลดภาระดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง 17% ต่อปี จากปกติสูงสุด 25% ต่อปี และหากลูกค้าผ่อนดีตลอด 1 ปี จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยลง 2% เหลือดอกเบี้ย 15% ในปีที่ 2 และหากผ่อนดีอีก 1 ปี จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยลงอีก 2% เท่ากับลดลงเหลือดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 13% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนการผ่อนชำระแนะนำ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถปิดหนี้ได้ภายใน 3 ปี

“การรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคล เราจะเห็นว่าต่างประเทศทำค่อนข้างเยอะ และเป็นที่นิยมมาก แต่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักหรือมีความรู้มากนัก หากลูกค้าสามารถรีไฟแนนซ์ได้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยสูง ๆ จาก 25% ต่อปี มาอยู่ที่ 17% หรือต่ำสุด 13% แล้วถ้าผ่อนตามแผนที่เราช่วยแนะนำ จะสามารถปิดหนี้ได้ภายใน 3 ปีด้วย นอกจากจะช่วยเรื่องดอกเบี้ยที่จ่ายแพงแล้ว ยังช่วยเรื่องหนี้ครัวเรือนได้ด้วย เพราะตัวเลขหนี้ครัวเรือนมาจากสินเชื่อส่วนบุคคลราว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่กับแบงก์และน็อนแบงก์แค่ 6 แสนล้านบาท ที่เหลืออยู่กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) และสหกรณ์ค่อนข้างเยอะ”

ตั้งเป้าลูกค้าเข้าร่วม 2 หมื่นล้าน
“ฐากร” กล่าวอีกว่า ลูกค้าที่จะเข้าร่วมโปรแกรมนี้ จุดสำคัญที่สุดคือ ต้องเป็นลูกค้าที่ผ่อนดี ตรงเวลา ไม่มีประวัติการค้างชำระ เพราะธนาคารตั้งใจมอบรางวัลให้คนที่ตั้งใจทำดี เมื่อย้ายสินเชื่อมาอยู่กับเรา ผ่อนดี…มีรางวัลให้ ไม่เพียงเฉพาะลูกค้าใหม่เท่านั้น ลูกค้าปัจจุบันที่ผ่อนดีก็สามารถเข้าร่วมโปรแกรมเพื่อรับรางวัลผ่อนดีได้เช่นกัน

“ธนาคารตั้งเป้าหมายโปรแกรมนี้ ในส่วนของสินเชื่อบ้านอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 5,000 ล้านบาท และสินเชื่อส่วนบุคคลอีกราว 5,000 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์จะอยู่ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท ในเบื้องต้นเราจะเปิดรับประมาณ 4 เดือน เพราะจะขอดูการตอบรับจากลูกค้าก่อน เพื่อดูว่ามีอะไรที่เป็นอุปสรรคหรือไม่”

โปรแกรมดังกล่าว แม้ว่าธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่ำ แต่ธนาคารสามารถลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้ เพราะเป็นลูกค้าดี ต้นทุนความเสี่ยงไม่สูง ไม่มีค่าใช้จ่ายติดตามทวงถามหนี้ หรือการที่ลูกค้าหันมาใช้ดิจิทัลในการหักชำระหนี้มากขึ้น ทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของธนาคารลดลง ซึ่งการลดลงของค่าใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำมาลดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าผ่อนดีแทนได้

“โปรแกรมนี้ ถ้าแบงก์อื่นอยากทำด้วย เราก็เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อระบบ หากทุกธนาคารช่วยกัน ซึ่งจะช่วยทั้งเรื่องปัญหาหนี้เสีย และเป็นโอกาสรอดของลูกค้า รวมถึงประเทศของเราด้วย” ผู้จัดการใหญ่ทีทีบีกล่าวทิ้งท้าย...

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1773330

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่