เท้ง ชำแหละระบบสวัสดิการไทย เป็นเบี้ยหัวเเตก แม้ครอบคลุมทุกเรื่อง แต่ซ้ำซ้อน-ยุ่งยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5094531

.

.
เท้ง ชำแหละระบบสวัสดิการไทย เป็นเบี้ยหัวแตก แม้ครอบคลุมทุกเรื่อง แต่ซ้ำซ้อน-ยุ่งยาก

.

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานจัดกิจกรรมร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินการนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐ บนเวที “การขับเคลื่อนระบบสวัสดิการถ้วนหน้า การประสานบทบาทและพลังของรัฐ ท้องถิ่น และชุมชน” โดยเป็นงานที่จัดร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ที่ จ.ลำปาง

.

นายณัฐพงษ์กล่าวบนเวทีว่า สาเหตุที่วันนี้ตนเลือกมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องระบบสวัสดิการกับพี่น้องประชาชนใน จ.ลำปาง เนื่องจากลำปางเป็นจังหวัดที่มีผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังคิดเป็น 12% ของประชากรในจังหวัด มากเป็นอันดับ 7 ของประเทศ และจำนวนคนพิการคิดเป็น 5% ของประชากรในจังหวัด คิดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า จ.ลำปางมีกลุ่มคนที่ต้องพึ่งพาสวัสดิการของรัฐเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อพูดถึงปัญหาของระบบสวัสดิการของรัฐสามารถแบ่งได้เป็น 5 ด้านด้วยกัน คือ “กระจัดกระจาย เบี้ยหัวแตก มีความเหลื่อมล้ำ คิดจากส่วนกลาง และตกหล่น”

.

นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ระบบสวัสดิการของไทยที่กระจัดกระจาย มีการแยกเป็นประเภทต่างๆ จำนวนมาก หากมองในแง่ดี ก็ถือว่ามีครอบคลุมเกือบทุกเรื่อง แต่ถ้ามองในแง่ความยุ่งยาก บางประเภทก็อาจมีซ้ำซ้อนและสับสนกันได้ โดยสวัสดิการของไทยมักแยกตามหน่วยงานราชการ และมีเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปในแต่ละหน่วยงานที่เป็นเจ้าของงบประมาณ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีความสับสน และต้องใช้เวลาในการประสานงานแต่ละแห่ง บางแห่งต้องไปหลายครั้ง เพราะเอกสารไม่ครบถ้วน

.

“ระบบสวัสดิการของไทยที่เป็นเบี้ยหัวแตกในขณะที่สวัสดิการของไทยมีหลายประเภท แต่การช่วยเหลือในแต่ละประเภทมักช่วยเหลือเพียงน้อยมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่ได้รับคนละ 600 บาท/เดือน เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นความยากจน 3,000 บาท/เดือน จะเห็นว่ายังต่ำกว่ามาก” นายณัฐพงษ์กล่าว

.

นายณัฐพงษ์ยกตัวอย่าง สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตน และหลักประกันสุขภาพสำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งแต่ละระบบก็มีสิทธิประโยชน์แตกต่างกันมาก ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ นอกจากจะนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำระหว่างประชากรแต่ละกลุ่มแล้ว ยังเป็นการสร้างข้อจำกัดสำหรับรัฐบาลเองในการบริหารจัดการและกำกับดูแล ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ มีเพียงแค่กองทุนเดียวที่ของกลุ่มทุกบุคคลทำเงินในกองทุนสามารถเข้าถึงประชากรทุกกลุ่มในประเภท ซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าศึกษาเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาข้างต้น

.

“ระบบสวัสดิการของไทยที่ส่วนกลางคิด โดยผ่านทางหน่วยราชการส่วนกลางต่างๆ โดยไม่เปิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แถมยังกำหนดให้เงินค่าใช้จ่ายสวัสดิการของประชาชนไปเป็นเงินของท้องถิ่น ซึ่งกลายเป็นการกันเงินส่วนท้องถิ่นที่จะไปดำเนินการตามนโยบายของตน ทั้งที่การตัดสินใจมาจากรัฐบาล ราชการส่วนกลาง รวมถึงการตัดสินใจบางเรื่องก็ยังขาดความโปร่งใสในการดำเนินการจนเป็นข้อสงสัยให้กับผู้คนในสังคม อย่างการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมไปลงทุนเป็นต้น และสุดท้ายระบบสวัสดิการของไทยที่ตกหล่น สวัสดิการของไทยไม่มีระบบฐานข้อมูลรายบุคคลที่ดีพอ ส่งผลให้เกิดความซ้ำซ้อนของการได้รับสวัสดิการ”

.

นายณัฐพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า หากแก้ปัญหาของสวัสดิการของไทยเหล่านี้ได้ก็จะสามารถทำให้ประชากรกลุ่มต่างๆ ของลำปางตามที่กล่าวข้างต้นได้รับสวัสดิการอย่างครอบคลุม รวมถึงประชากรกลุ่มต่างๆ ของทั้งประเทศด้วย

.

เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด “รัฐบาลอิ๊งค์” ที่กำลัง จะ “ขึ้นเขียง” รอเคลียร์ปัญหาการบรรจุญัตติ “ศึกซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ “ฝ่ายค้าน-พรรคเด็กประชาชน” ยื่นญัตติโฟกัสไปที่ “นายกอิ๊งค์” ในเรื่องวุฒิภาวะความรู้ความสามารถภายใต้ยอมให้มีการครอบงำบงการจากพ่ออย่าง “ทักษิณ”

.

พลันจู่ ๆ ก็เกิดเหตุ คานสะพานก่อสร้างทางด่วนพระราม2 ทรุดตัวในพื้นที่ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ช่วงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษดาวคะนองทางพิเศษเฉลิมมหานคร กลางดึกคืนวันเสาร์(15มี.ค.68)เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 บาดเจ็บ 24 ราย ที่ถือเป็นเหตุการณ์ “ช็อค” ความรู้สึกของผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนเส้นทางที่กำลังมีการก่อสร้างนี้ และกำลังเป็นความรู้สึกร่วมของสังคมกับ “ความซ้ำซาก” ของ “อุบัติเหตุ” ที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ บนถนนพระราม2 ของรัฐบาล แบบเรื่องเก่าแผลยังสดยังสอบสวนไม่เสร็จก็เกิดเคสใหม่ จนเป็นกระแสสะท้อน “ความไม่มั่นใจ” ที่จะ “ปลอดภัย” จากการก่อสร้างโครงการต่างๆ บนถนน

.

ที่แม้ “รัฐบาล” จะดูแอ๊คชั่นเร็วทั้ง ผู้ว่ากทม. “ชัชชาติ”,รมว.คมนาคม “สุริยะ”, ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(พทพ.)ที่ลงไปดูพื้นที่เกิดเหตุทันทีวันรุ่งขึ้น แม้กระทั่ง “นายกฯอิ๊งค์” ที่ มีคำสั่งเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อถกแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 พรุ่งนี้(17มี.ค.)เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล

.

ในขณะที่ “รมว.คมนาคม” “สุริยะ” นอกจากจะแสดงความเสียใจเหตุ ยังสั่งให้ “นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข” ผู้ว่า กทพ.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และยืนยันว่า โครงการทั้งหมด เสร็จก่อนสิ้นปี 68 หลังจากที่เขาเคยบอกจะเสร็จในเดือน มิ.ย.68 พร้อมกันนี้ ยังบอกว่า จะเริ่มใช้มาตรการ “สมุดพกผู้รับเหมา” ก่อนถึงเดือนเม.ย.นี้ โดยมาตรการ “สมุดพก” นั้นหากพบผู้รับเหมากระทำความผิดจะสั่งให้หยุดรับงานทันที และไม่สามารถประมูลงานได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ และหลังจากนั้นจะพิจารณาออกมาตรการจัดการผู้ควบคุมงาน เพื่อให้มีบทลงโทษเช่นเดียวกับมาตรการสมุดพกผู้รับเหมา

กระนั้น เหตุการณ์ที่ซ้ำซากจนมีหลายชีวิตต้องสังเวยการก่อสร้างโครงการคร่อม “ทางด่วนพระราม2” ถูกหลายฝ่ายวิเคราะห์ “ไปในทางเดียวกันถึงสาเหตุสำคัญ” ที่ยังคงเกิดเหตุการณ์ว่านอกจาก “คุณภาพ” ของ “ผู้รับเหมา” บริษัทเอกชน ที่ “ช่วงไซต์งานก่อสร้าง” บริเวณที่เกิดเหตุตามข้อมูลของ กทพ.อยู่ใน “สัญญาที่3”

.

ซึ่งเอกชนที่ลงนามรับจ้างในสัญญานี้คือ ความรับผิดชอบของ กลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี-วีซีบี ประกอบด้วยผู้ประกอบการ 2 รายรวมกลุ่มกัน คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด หรือ VCB ยังมีการมองถึงการบริหารจัดการโครงการ
และปัญหาที่ส่งผลกระทบประชาชนของฝ่ายเกี่ยวข้องในรัฐบาล ทั้งตั้งแต่ต้นน้ำวิธีการจ้าง ไปจนถึงมาตรการเอาผิด อย่างที่ “เท่าพิภพ”ส.ส.พรรคปชน. บอกว่าเตรียมยื่นหระทู้สดถาม “สุริยะ” เหตุพระราม 2 ถล่มซ้ำซากในสัปดาห์หน้า

.

โดย”เท่าพิภพ” มองปัญหา “พระราม2อีกแล้ว” อาจเกิดจากการประมูลส่งงานต่อของผู้รับเหมาที่จากการพูดคุย พบว่าผู้รับเหมาไม่มีประสบการณ์จนเทปูนมากไป แต่อาจจะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งลักษณะสัญญาของภาครัฐที่เป็น “สัญญาใหญ่” และค่อยจะไปทำสัญญาแบบ Sub – contract หาบริษัท “ผู้รับเหมารายย่อย” มารับช่วงต่อหลายโครงการมีการทำสัญญาหลายช่วงจนถูกตั้งข้อสังเกตว่า “คุณภาพของงาน” กับ “งบประมาณ” ที่เสียไปนั้น “ไม่มีคุณภาพ” ตนจะนำเรื่องนี้ไปใช้กระบวนการทางรัฐสภาเพื่อตรวจสอบทั้ง การติดตามงบประมาณ และการจ้างสัญญากับบริษัทผู้รับเหมา

.

เช่นเดียวกับ “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์” อดีตรองผู้ว่ากทม.และอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์(ปชป.)ที่ โพสต์FB ว่า หลังอุบัติเหตุการก่อสร้างพระราม2ใน 2 ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ที่ตายเจ็บหลายราย ไม่คิดว่าจะมีอุบัติเหตุจากการก่อสร้าง เกิดขึ้นอีก เพราะ “ผู้รับผิดชอบ” ทุกฝ่ายมี “บทเรียน” หลายครั้งแล้ว แถม “สุริยะ” ก็ประกาศทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุว่าจะใช้ “มาตรการสมุดพกผู้รับเหมา” แต่กลับยังมีอุบัติเหตุขึ้นอีก มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย

.

อุบัติเหตุครั้งนี้จะเกิดจากการออกแบบ การก่อสร้าง หรือการควบคุมงาน เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งสอบสวนหาสาเหตุให้ได้ เพื่อจะใช้เป็น “บทเรียน”และต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบ โดยทราบว่า จนถึงขณะนี้ 4 เดือนยังมีมีผลสอบสวนเหตุการณ์วันที่ 29 พ.ย.67 ออกมา

.

ตามคลิปวิดีโอเผยหมู่บ้านสลัมที่มีชาวพม่าพักอาศัยอยู่ ซึ่งจ่ายค่าเช่าต่อเดือน เดือนละ 3,600 บาท และโรงเรียนที่มีลูกหลานชาวพม่าที่พักอาศัยอยู่ใน จ.ภูเก็ต เรียนอยู่ ซึ่งโรงเรียนกับที่พักห่างกันประมาณ 300 เมตร

.

โดยมีการรายงานจากยูทูบเบอร์ต่างชาติจากช่อง Ride with Gabi เผยแพร่คลิปเปิดเผยการมีอยู่ของชุมชนแรงงานพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “สลัมต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต” โดยผู้อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า และเด็กๆ ในชุมชน ได้รับการศึกษาและอาหารจากมูลนิธิที่ใช้เงินทุนจากการบริจาคและอาสาสมัครต่างชาติ ขณะที่ข้อมูลดังกล่าวยังรอการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาต่างด้าวผิดกฎหมายส่งผลกระทบต่อเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างแน่นอน

.

หลังเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันจำนวนมาก อาทิ เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย ประเทศไทยถึงเป็นแบบนี้ไง, มันน่าจะรื้อออกให้หมด -ูว่าภูเก็ตตาบอดเหรอครับ, กวาดล้างด่วนๆ นะครับคนภูเก็ต แผ่นดินของเราอย่าให้พม่ามายึด, ต้องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ม.157 ศึกษาธิการจังหวัด เป็นต้น

.

อย่างไรในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) ในช่วงบ่าย นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รอง ผวจ.ภูเก็ต ได้เตรียมจัดแถลงข่าวที่ห้องประชุมมุกอันดา ชั้น 4 ของศาลากลางจังหวัดภูเก็ต หลังสื่อนอกนำเสนอข่าวสลัมแรงงานพม่ากลางภูเก็ต พร้อมเปิดโรงเรียน ติดแอร์เย็นฉ่ำ เรียนฟรี กินฟรี.