สวัสดีครับทุกคน กระทู้ก่อนหน้านี้ผมได้แบ่งปันความรู้ในเรื่องของ
Asexual (เพศที่ใช้ชีวิตที่อยู่นอกกรอบเรื่องความรักใคร่) ไปแล้ว ผมเชื่อว่ายังมีอีกเพศที่หลายท่านยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก นั่นก็คือ
"เควียร์" ครับ
.
จขกท.ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เพราะว่ามีรุ่นน้องคนนึงเป็นผู้หญิงที่นิสัยดีมาก แต่ว่าเขาไม่ใส่กระโปรงไม่ไว้ผมยาวแต่ก็พูดค่ะ เขาชอบกรี๊ดดาราผู้ชาย แต่ก็มักจะแอบมองผู้หญิงสวยๆ... พอสนิทกันมากๆ น้องเขาถึงได้เล่าว่าเขาเป็นเควียร์ครับ ผมเองก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทำความเข้าใจได้ จึงอยากนำความรู้มาแชร์กัน
.
ทวนซ้ำอีกสักนิดว่าในยุคของความหลากหลายที่ประเทศเรามีสมรสเท่าเทียมก่อนใคร ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติทั่วโลกว่าเปิดกว้างและเป็นผู้นำเรื่องความเสมอภาค ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศเราคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็น Pride Month ครับ
.
พวกเราคงคุ้นหูกันกับคำว่า LGBTQIA+ ซึ่งจริงๆแล้วคือ L Lesbian, G Gay, B Bisexual, T Transgender,
Q Queer, I Intersex และ A Asexual ครับ
.
อธิบายง่ายๆก็คือ คนไทยมักจะรู้จักคำว่าไบ (bisexual) ที่ใช้เรียกของคนที่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีความสนใจและความชอบทางเพศต่อคนที่เป็นเพศเดียวกับตนเอง หรือเพศอื่นๆได้ด้วย แต่ว่าเควียร์ (queer) จะต่างตรงที่ว่า ตนเองไม่ได้ยึดติดกับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเอง สามารถแสดงออกไปในลักษณะใดก็ได้ หรือแต่งตัวในรูปแบบเพศใดก็ได้ (ในขณะที่ไบมักจะยึดติดกับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองครับ)
.
Queer (เควียร์) คือคำจำกัดความของ ‘คนที่ไม่จำกัดตนเองว่าเป็นเพศอะไร’ เดิมทีพจนานุกรมได้ให้ความหมายของคำว่า Queer ว่า ‘แปลก’ ทำให้หลายคนพอได้ยินคำนี้จึงมักนึกถึงกลุ่มคนที่มีรสนิยมไม่คงที่และแปลกประหลาด เช่น เป็นผู้ชายแต่ทาเล็บ ไว้ผมยาวแบบผู้หญิง หรือมีสไตล์การแต่งตัวแนว Gothic เนื่องจากพวกเขาอยู่นอกกรอบคำนิยามของเพศ ชายจริง หญิงแท้ ทำให้ผู้คนมีมุมมองแง่ลบต่อคำว่า ‘Queer’ และมีการใช้คำนี้เป็นคำเหยียดในคนบางกลุ่ม ดังนั้นการบอกว่าตัวเองเป็นเควียร์อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครบางคน
.
ดร.นรุตม์ ศุภวรรธนะกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวไว้ว่า “ส่วนตัวจะใช้เควียร์เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า จริง ๆ แล้วการที่เราถูกสังคมกีดกันและทำให้แปลกแยก มันนำไปสู่ปัญหาอะไรบ้าง แต่บางคนก็ใช้ความเป็นเควียร์ในการกบฏ ในการแหกกฎเหมือนกัน ซึ่งเราจะเห็นในการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ อย่างใน pride parade จะเห็นว่า หลายคนใช้การแต่งตัวที่หลุดโลก แปลกไปเลย เพราะเป็นยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวเพื่อให้คนมองเห็นถึงการมีอยู่การมีตัวตน ในที่นี้ความเป็นเควียร์เลยเป็น ความแปลกประหลาด ความกบฏ ความออกจากกรอบ” สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนมองเห็นก็คือ การมีตัวตนทางเพศที่ชัดเจนมันดี มันมีคำอธิบายได้ว่าคนนี้เป็นเกย์ คนนี้เป็นเลสเบี้ยน คนนี้เป็น non-binary แต่ไม่อยากให้เรายึดติดแค่ชื่อ เพราะสุดท้ายแล้วในอนาคตเชื่อว่าคำศัพท์ที่ใช้ในการเรียกเพศ มันจะไม่ได้หยุดแค่นี้ มันจะมีไปอีกเรื่อย ๆ ไม่ว่ามันจะมีอีกกี่คำ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ามันจะมีอีกกี่เพศ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเราเข้าใจความหลากหลายหรือยัง แล้วคนที่อยู่ในกลุ่มความหลากหลายนั้นเอง พยายามสื่อสารให้คนเข้าใจตัวตนของเขาอย่างไรบ้าง คือมันไม่ใช่แค่การมานั่งแข่งกันว่าชื่อใครเก๋กว่าของใคร สุดท้ายแล้วการมีคำเรียกใหม่ ๆ การมีแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อทำความเข้าใจความหลากหลายของมนุษย์ มันคือการมีข้อมูล การมีความรู้ เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
.
เมื่อเพศทางเลือกถูกยอมรับมากขึ้น ก็ทำให้บางคนกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเพศอะไรใน LGBT แต่พอไม่ได้เป็นตามที่ได้จำแนก กลับกลายเป็นว่าพวกเขาแปลกประหลาด เพียงเพราะรสนิยมแปรเปลี่ยนไปมา และยิ่งทำให้การยอมรับจากคนในสังคมเกิดยากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกว่าตนเองเป็นเพศอะไร ‘เพราะเพศของทุกคนลื่นไหลไปได้ไกลกว่าที่คิดและบางครั้งก็ไปไกลเกินกว่าที่จะถูกยอมรับได้’
.
https://tu.ac.th/thammasat-280665-lsed-expert-talk-queer
https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/gender-identity/
.
หากเราเข้าใจในความต่าง ไม่ไปคาดหวังหรือบังคับใครให้ต้องใช้ชีวิตตามรูปแบบที่สังคมกำหนด นอกจากอีกฝ่ายเขาจะไม่อึดอัดแล้ว เรายังจะเป็นที่ยอมรับและเป็นที่เคารพอีกด้วยนะครับ ความสุขที่แท้จริงเริ่มได้จากใจเราครับ
Queer (เพศแห่งความหลากหลายไร้ขีดจำกัด)
สวัสดีครับทุกคน กระทู้ก่อนหน้านี้ผมได้แบ่งปันความรู้ในเรื่องของ Asexual (เพศที่ใช้ชีวิตที่อยู่นอกกรอบเรื่องความรักใคร่) ไปแล้ว ผมเชื่อว่ายังมีอีกเพศที่หลายท่านยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก นั่นก็คือ "เควียร์" ครับ
.
จขกท.ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เพราะว่ามีรุ่นน้องคนนึงเป็นผู้หญิงที่นิสัยดีมาก แต่ว่าเขาไม่ใส่กระโปรงไม่ไว้ผมยาวแต่ก็พูดค่ะ เขาชอบกรี๊ดดาราผู้ชาย แต่ก็มักจะแอบมองผู้หญิงสวยๆ... พอสนิทกันมากๆ น้องเขาถึงได้เล่าว่าเขาเป็นเควียร์ครับ ผมเองก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทำความเข้าใจได้ จึงอยากนำความรู้มาแชร์กัน
.
ทวนซ้ำอีกสักนิดว่าในยุคของความหลากหลายที่ประเทศเรามีสมรสเท่าเทียมก่อนใคร ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติทั่วโลกว่าเปิดกว้างและเป็นผู้นำเรื่องความเสมอภาค ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศเราคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็น Pride Month ครับ
.
พวกเราคงคุ้นหูกันกับคำว่า LGBTQIA+ ซึ่งจริงๆแล้วคือ L Lesbian, G Gay, B Bisexual, T Transgender, Q Queer, I Intersex และ A Asexual ครับ
.
อธิบายง่ายๆก็คือ คนไทยมักจะรู้จักคำว่าไบ (bisexual) ที่ใช้เรียกของคนที่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีความสนใจและความชอบทางเพศต่อคนที่เป็นเพศเดียวกับตนเอง หรือเพศอื่นๆได้ด้วย แต่ว่าเควียร์ (queer) จะต่างตรงที่ว่า ตนเองไม่ได้ยึดติดกับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเอง สามารถแสดงออกไปในลักษณะใดก็ได้ หรือแต่งตัวในรูปแบบเพศใดก็ได้ (ในขณะที่ไบมักจะยึดติดกับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองครับ)
.
Queer (เควียร์) คือคำจำกัดความของ ‘คนที่ไม่จำกัดตนเองว่าเป็นเพศอะไร’ เดิมทีพจนานุกรมได้ให้ความหมายของคำว่า Queer ว่า ‘แปลก’ ทำให้หลายคนพอได้ยินคำนี้จึงมักนึกถึงกลุ่มคนที่มีรสนิยมไม่คงที่และแปลกประหลาด เช่น เป็นผู้ชายแต่ทาเล็บ ไว้ผมยาวแบบผู้หญิง หรือมีสไตล์การแต่งตัวแนว Gothic เนื่องจากพวกเขาอยู่นอกกรอบคำนิยามของเพศ ชายจริง หญิงแท้ ทำให้ผู้คนมีมุมมองแง่ลบต่อคำว่า ‘Queer’ และมีการใช้คำนี้เป็นคำเหยียดในคนบางกลุ่ม ดังนั้นการบอกว่าตัวเองเป็นเควียร์อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครบางคน
.
ดร.นรุตม์ ศุภวรรธนะกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวไว้ว่า “ส่วนตัวจะใช้เควียร์เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า จริง ๆ แล้วการที่เราถูกสังคมกีดกันและทำให้แปลกแยก มันนำไปสู่ปัญหาอะไรบ้าง แต่บางคนก็ใช้ความเป็นเควียร์ในการกบฏ ในการแหกกฎเหมือนกัน ซึ่งเราจะเห็นในการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ อย่างใน pride parade จะเห็นว่า หลายคนใช้การแต่งตัวที่หลุดโลก แปลกไปเลย เพราะเป็นยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวเพื่อให้คนมองเห็นถึงการมีอยู่การมีตัวตน ในที่นี้ความเป็นเควียร์เลยเป็น ความแปลกประหลาด ความกบฏ ความออกจากกรอบ” สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนมองเห็นก็คือ การมีตัวตนทางเพศที่ชัดเจนมันดี มันมีคำอธิบายได้ว่าคนนี้เป็นเกย์ คนนี้เป็นเลสเบี้ยน คนนี้เป็น non-binary แต่ไม่อยากให้เรายึดติดแค่ชื่อ เพราะสุดท้ายแล้วในอนาคตเชื่อว่าคำศัพท์ที่ใช้ในการเรียกเพศ มันจะไม่ได้หยุดแค่นี้ มันจะมีไปอีกเรื่อย ๆ ไม่ว่ามันจะมีอีกกี่คำ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ามันจะมีอีกกี่เพศ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเราเข้าใจความหลากหลายหรือยัง แล้วคนที่อยู่ในกลุ่มความหลากหลายนั้นเอง พยายามสื่อสารให้คนเข้าใจตัวตนของเขาอย่างไรบ้าง คือมันไม่ใช่แค่การมานั่งแข่งกันว่าชื่อใครเก๋กว่าของใคร สุดท้ายแล้วการมีคำเรียกใหม่ ๆ การมีแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อทำความเข้าใจความหลากหลายของมนุษย์ มันคือการมีข้อมูล การมีความรู้ เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
.
เมื่อเพศทางเลือกถูกยอมรับมากขึ้น ก็ทำให้บางคนกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเพศอะไรใน LGBT แต่พอไม่ได้เป็นตามที่ได้จำแนก กลับกลายเป็นว่าพวกเขาแปลกประหลาด เพียงเพราะรสนิยมแปรเปลี่ยนไปมา และยิ่งทำให้การยอมรับจากคนในสังคมเกิดยากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกว่าตนเองเป็นเพศอะไร ‘เพราะเพศของทุกคนลื่นไหลไปได้ไกลกว่าที่คิดและบางครั้งก็ไปไกลเกินกว่าที่จะถูกยอมรับได้’
https://shortrecap.co/social-talk/history-culture/lgbt-queer%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/