JJNY : ปชช.อยากฟังอิ๊งค์มากสุดตามด้วย ‘เท้ง’│'จีนเทา'บุกชลบุรี│คาเฟ่ในออสเตรเลียหนุนยูเครน │เตือนไทยภาคกลาง-เหนือ ร้อน

นิด้าโพลเผยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ปชช.อยากฟังนายกฯอิ๊งค์ มากสุด ตามด้วย ‘เท้ง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_5093992
.

.
นิด้าโพลเผยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ปชช.อยากฟังนายกฯอิ๊งค์ มากสุด ตามด้วย ‘เท้ง’
.
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “จะได้อภิปรายแค่ไหน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสภา จากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
  .
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อความวุ่นวาย หากมีการประท้วงในสภาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.08 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายบ้าง รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า จะไม่มีความวุ่นวายเลย และร้อยละ 24.66 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก
  .
เมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าจะมีความวุ่นวายมาก และจะมีความวุ่นวายบ้าง (จำนวน 966 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความวุ่นวายในระหว่างการอภิปราย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.38 ระบุว่า จะมีความวุ่นวาย แต่ประธานในที่ประชุมจะควบคุมสถานการณ์ได้ รองลงมา ร้อยละ 24.53 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งต้องมีการพักการประชุมบ่อยครั้ง ร้อยละ 23.29 ระบุว่า จะมีการประท้วงกันจนการอภิปรายไปต่อไม่ได้ ร้อยละ 21.74 ระบุว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ และประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุม (Walk Out) ร้อยละ 20.50 ระบุว่าจะมีความวุ่นวาย จนกระทั่งประธานไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ร้อยละ 20.39 ระบุว่า จะมีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะสมในสภา ร้อยละ 13.25 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งมีการรวบรัดขอปิดการอภิปรายและลงมติเลย ร้อยละ 4.45 ระบุว่า จะมีการต่อยตีกันเหมือนการประชุมสภาในต่างประเทศ และร้อยละ 3.00 ระบุว่า จะมีการปลุกม็อบนอกสภา
  .
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลของฝ่ายค้านในการอภิปรายที่อาจนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 66.79 ระบุว่า จะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า จะไม่มีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย และไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ร้อยละ 11.30 ระบุว่า จะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย จนถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
  .
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของฝ่ายค้านตามข้อเสนอของประธานสภาฯ ให้ถอนชื่อคุณทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.48 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และรอจนกว่าประธานสภาฯ ยอมบรรจุในวาระการประชุม รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรทำตามข้อเสนอเพื่อจะได้เปิดอภิปรายได้ ร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 9.16 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติ และเลิกล้มที่จะอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกสภาฯ ร้อยละ 6.57 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และออกไปอภิปรายนอกสภาแทน และร้อยละ 4.27 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติ และออกไปอภิปรายนอกสภาแทน
  .
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.73 ระบุว่า จะเป็นไปตามกำหนดเดิม รองลงมา ร้อยละ 38.32 ระบุว่า จะมีการเลื่อนออกไประยะหนึ่ง ร้อยละ 4.43 ระบุว่า จะไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้น และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงนักการเมืองที่ประชาชนสนใจจะฟังในการเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.99 ระบุว่าเป็น นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร รองลงมา ร้อยละ 34.35 ระบุว่าเป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และร้อยละ 11.83 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
.

.
'จีนเทา' บุกชลบุรี กำเงินสดซื้อที่ดินตั้งโรงงานเพียบ โดยไม่ผ่านประชาพิจารณ์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9675292
.
‘จีนเทา’ บุกชลบุรี ซื้อที่ดินตั้งโรงงานเพียบ โดยไม่ผ่านประชาพิจารณ์ ใช้วิธีกำเงินสดจ่าย โดยไม่ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ตรวจสอบยาก
.
ความคืบหน้าชาวบ้านหมู่ 4 ต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ได้มีการลงชื่อร้องเรียน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เรื่องมีนายทุนจีนเข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ 100 ไร่ พร้อมปรับพื้นที่เตรียมก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ โดยไม่ผ่านประชาพิจารณ์ ทำให้ชาวบ้านเกรงว่าโรงงานดังกล่าวจะก่อสารมลพิษ สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบ ๆ
.
ต่อมา นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าฯชลบุรี ได้สั่งการให้ นายนันทวัฒน์ ทองช่วง นายอำเภอบ่อทอง เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว พร้อมมีข้อสรุปว่า การก่อสร้างโรงงานยังไม่มีการขออนุญาตจากหน่วยงานอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง โดยได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บ่อกวางทอง ไว้แล้ว อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกผู้ประกอบการ และขั้นตอนของพนักงานสอบสวน
.
นายดำรงค์เดช พรงาม แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่า จากการสังเกตในพื้นที่ก่อสร้างโรงงาน พบว่ามีการทำงานกันปกติ มีการก่อสร้างกำแพง ลงหม้อแปลงไฟฟ้า ปรับพื้นตอม่อเพื่อเทคอนกรีต เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง ซึ่งได้ระงับการก่อสร้างบริเวณพื้นที่ตั้งโรงงาน ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 2568
.
ยอมรับว่าทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้โรงงานก่อสร้างไปเรื่อย ๆ สิ่งที่น่ากลัวคือ ได้มีการปิดป้ายประกาศขายที่ดินพร้อมดำเนินการก่อสร้างโรงงาน เรื่องนี้ตนไม่รู้ว่าทำไปได้อย่างไร เหมือนกับจะมีการเคลียร์กับทางเจ้าหน้าที่รัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน เข้ามาในพื้นที่กันจำนวนมาก
.
ด้าน นายรัฐรุจน์ ปิยะพงศ์ภัทร ที่ปรึกษาเครือข่ายป้องกันการทุจริตภาคประชาสังคม ชลบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่เทศบาลตำบลบ่อกวางทอง พบว่ามีการซื้อขายที่ดินให้กับชาวต่างชาติจำนวนมากแบบผิดปกติ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นทุนจีนส่วนใหญ่ ที่สำคัญมีการซื้อด้วยเงินสด บางแห่งราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท โดยไม่ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ตรวจสอบยาก
.
เรื่องนี้จะร้องเรียนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการตรวจสอบ เพราะไม่รู้ว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ อีกทั้งมาซื้อที่ดินตั้งโรงงานแล้วหลอกกันเองกับนักลงทุนชาวจีน หลังจากได้เงินแล้วหลบหนีไป
.

.
คาเฟ่ในออสเตรเลียหนุนยูเครน
https://tna.mcot.net/world-1502080
.
นิวเซาท์เวลส์ 15 มี.ค.- ร้านคาเฟ่ขนาดเล็กในออสเตรเลียแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน ด้วยการคิดเงินเพิ่มกับเครื่องดื่มที่ผลิตในสหรัฐ เพื่อนำเงินที่คิดเพิ่มนี้ไปบริจาคให้แก่ยูเครน
.
ร้านคาเฟ่แห่งนี้อยู่ในเมืองบินาลอง รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบขาวของสหรัฐไปเกือบ 16,000 กิโลเมตร เจ้าของคาเฟที่เป็นคู่สามีภรรยาสูงวัยเปิดเผยว่า เห็นข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนปะทะคารมกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ จึงตัดสินใจแสดงความสนับสนุนยูเครน ด้วยการคิดเงินเพิ่มกับเครื่องดื่มผลิตในสหรัฐทุกยี่ห้อที่วางจำหน่ายในร้าน แล้วนำเงินส่วนนี้รวมทั้งเงินบริจาคที่เรี่ยไรได้ ส่งให้แก่กองทุนยูเครนไครซิสแอพพิล (Ukraine Crisis Appeal) ของสภากาชาด จนถึงขณะนี้ระดมเงินได้แล้วมากกว่า 2,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 42,400 บาท) จากผู้คนในเมืองนี้ที่มีประชากรประมาณ 500 คน
.
สามีภรรยาเจ้าของร้านคาเฟ่เผยด้วยว่า จะไม่ยกเลิกการขึ้นราคาเครื่องดื่มจากสหรัฐ จนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อยูเครน.-820(814).-สำนักข่าวไทย
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่