JJNY : 83% ระบุเผชิญกับวิกฤติศก.│ชี้คนไทยไม่เชื่อมั่นระบบการเมือง│เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก│ชาวอเมริกันขออยู่ใน UK เพิ่ม

นิด้าโพลเผยกว่า 83% ระบุไทยเผชิญกับวิกฤติศก.ระดับที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_5198677
.
.
นิด้าโพลเผยกว่า 83% ระบุไทยเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน กว่าครึ่ง “ไม่โกรธเลย” เลื่อนแจกเงินหมื่น
.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “วิกฤติเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 และ เฟส 4” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
.
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 83.66 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน รองลงมา ร้อยละ 9.70 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขแต่ไม่เร่งด่วน ร้อยละ 4.20 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ไม่น่าวิตกกังวลใด ๆ และร้อยละ 2.44 ระบุว่า ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ
.
สำหรับการเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจของประชาชนในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 47.17 ระบุว่า เผชิญกับ วิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน รองลงมา ร้อยละ 29.47 ระบุว่า เผชิญกับ วิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง ร้อยละ 15.80 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่ไม่เร่งด่วน และร้อยละ 7.56 ระบุว่า ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจใด ๆ
.
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ของรัฐบาลให้กับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 57.25 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ ตามที่ได้ประกาศไว้ รองลงมา ร้อยละ 33.90 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว ร้อยละ 7.63 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2569 และร้อยละ 1.22 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2570
.
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 4 ของรัฐบาลให้กับประชาชนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 62.98 ระบุว่าดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ ตามที่ได้ประกาศไว้ รองลงมา ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว ร้อยละ 8.47 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2569 และร้อยละ 1.60 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2570
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนหากนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ตัดสินใจยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.12 ระบุว่า ไม่โกรธเลย รองลงมา ร้อยละ 17.41 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 15.27 ระบุว่า โกรธมาก ร้อยละ 13.05 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.28 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก โดยตัวอย่าง ร้อยละ 47.94 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.06 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.13 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.34 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 25.80 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 95.88 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.13 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 37.63 สถานภาพโสด ร้อยละ 60.00 สมรส และร้อยละ 2.37 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.76 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 17.79 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 37.25 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.24 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 30.61 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.35 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 7.40 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.25 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 22.98 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.68 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.93 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.42 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 18.93 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 4.05 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 15.34 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 31.30 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.68 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.50 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.46 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.15 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 1.07 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.25 ไม่ระบุรายได้
.

.
สวนดุสิตโพล ชี้ คนไทยไม่เชื่อมั่นระบบการเมือง ปม ‘ฮั้วสว.’ แนะปฏิรูปเร่งด่วน
.
“สวนดุสิตโพล” สำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไร กับ กรณีข่าวฮั้ว สว.” พบไม่เพียงไม่เชื่อมั่นระบบการเมือง แต่ยังให้ปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วน.
.
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศที่สนใจติดตามข่าวการเมือง เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไร กับ กรณีข่าวฮั้ว สว.” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,211 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 พบว่า จากกรณีข่าวฮั้ว สว. ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่เชื่อมั่นในระบบการเมืองไทย ในปัจจุบัน ร้อยละ 56.73 โดยคิดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากระบบการเลือกตั้ง และความไม่โปร่งใสในกระบวนการขั้นตอน ร้อยละ60.36
.
ทั้งนี้ความขัดแย้งครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล ร้อยละ 66.15 ด้านการแก้ปัญหาควรเร่งปฏิรูประบบการเลือกตั้ง สว. ร้อยละ 61.81 สุดท้ายสิ่งที่ประชาชนได้รับผลกระทบ คือ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในสังคม เกิดความขัดแย้งทางความคิด ร้อยละ 57.12
.
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนว่าจากกรณีข่าว ฮั้ว สว. ประชาชนไม่เพียงแค่ไม่เชื่อมั่นในระบบการเมือง แต่ยังต้องการให้ปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้ง สว. และกระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส ความไม่ไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นและความรู้สึกไม่มั่นคงในประชาธิปไตยเป็นสัญญาณที่รัฐบาลต้องให้ความสนใจก่อนจะกระทบต่อเสถียรภาพในระยะยาว
.

.
ประกาศฉบับที่ 9 เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากทั่วไทย
.
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย มีผลกระทบจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ฉบับที่ 9
 .
ในช่วงวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2568 ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก
เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ประกอบกับจะมีร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน
 .
ขณะที่คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
.
สําหรับกรุงเทพและปริมณฑลในวันนี้ 25 พฤษภาคม มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่