สวัสดีครับทุกคน เนื่องจากกระทู้ก่อนผมได้นำเสนอเรื่อง
Empathy Skill และระดับความเห็นอกเห็นใจ (ทักษะที่เราควรมี ทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น) ไปแล้ว คราวนี้จะขอพูดถึงในด้านลบบ้างครับ
.
ประเด็น ‘Dark Empath’ หรือบุคคลที่นำเอา Empathy ไปใช้เพื่อประโยชน์บางอย่างของตนเอง โดยไม่ได้เห็นใจหรือเข้าใจคนคนนั้นจริงๆ
ถูกนำมาพูดถึงเป็นอย่างมากในปีนี้ (สังเกตุได้จากโซเชียลต่างๆ)
.
Dark Empath เป็นคนที่มีความสามารถในการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น สามารถรับรู้และมองออกว่าผู้อื่นกำลังรู้สึกอย่างไร และนั่นทำให้พวกเขารู้ว่าจะต้อง ‘พูด’ หรือ ‘ทำอะไร’ กับคนอื่นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายของตัวเองด้วยนั่นเอง...
.
งานวิจัยได้ให้คำอธิบายของคนที่มีบุคลิกภาพแบบ Dark Empaths นี้ว่าพวกเขาจะมีบุคลิกภาพด้านมืดที่แสดงออกมาให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของบุคลิกภาพนี้ก็คือ คนกลุ่มนี้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสูง และสามารถที่จะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนรอบตัวได้ดีด้วยเช่นกัน
.
หากอธิบายแบบนี้ หลายคนก็คงคิดว่า Dark Empaths ก็เป็นหนึ่งในบุคลิกภาพที่ดีไม่ใช่เหรอ เพราะการมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่ง Dark Empaths เองก็อาจเป็นบุคลิกภาพที่น่ากลัวได้ด้วยเหมือนกัน เพราะนอกเหนือจากลักษณะอย่างเรื่องของความเห็นอกเห็นใจหรือความเอาใจใส่ที่เราได้พูดถึงไปในข้างต้นแล้ว บางครั้งเราอาจพบได้ว่าคนกลุ่มนี้ก็มียังคงมีลักษณะด้านมืดที่อยู่ข้างในตัวเขาอยู่ดี อย่างเช่น การหลงตัวเอง บ้าอำนาจ หรือชอบบงการ
.
อย่างไรก็ตาม บุคลิกภาพแบบ Dark Empaths ก็เป็นเพียงบุคลิกภาพหนึ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างบุคลิกภาพด้านมืดและบุคลิกภาพที่มีความเห็นอกเห็นใจ แต่อยู่ที่ว่าคนที่มีบุคลิกภาพแบบนี้จะมีลักษณะบุคลิกภาพที่ค่อนไปในทางไหนมากกว่ากัน และอยู่ที่ว่าพวกเขาจะเลือกแสดงบุคลิกภาพด้านใดออกมาให้คนอื่นได้รับรู้มากกว่า ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ลักษณะในด้านที่พวกเขาเลือกที่จะแสดงออกมากกว่าก็อาจทำให้เขากลายเป็นคนที่มีบุคลิกในด้านนั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้
.
หากพูดถึงในเรื่องของบุคลิกภาพ แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ ต่างคนก็ต่างเป็นแบบนั้นมาก เป็นแบบนี้นิด เป็นแบบนั้นอีกหน่อยกันทั้งนั้น คนเราไม่ใช่สีขาวหรือสีดำแต่เป็นส่วนผสมของเฉดสีที่ต่างกันออกไป ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือเราต้องยอมรับและเข้าใจในความแตกต่างของคนอื่น ไม่ตัดสินแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแบบไหนหรือมีบุคลิกภาพแบบใดก็ตาม
.
Dark Empath ที่เป็นกระแสนี้ก็มีลักษณะของความไม่เป็นทางการอยู่สูง นั่นคือมันยังไม่ใช่คำที่สามารถใช้ระบุโรคหรือบุคลิกภาพตามหลักการ แต่มันเป็นคำที่ปรากฏเมื่อพูดถึงบุคลิกภาพบางแบบ เช่น ในวารสาร Personality and Individual Differences ในปี 2021 ของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Nottingham Trent ได้กล่าวถึงความเชื่อมโยงของ Dark Empath กับบุคลิกภาพแบบ Narcissism หรือคนหลงตัวเอง Psychopathy หรือคนต่อต้านสังคม เเละ Machiavellianism หรือคนเจ้าเล่ห์
.
บางเว็บไซต์อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า Dark Empath อาจใช้ความเข้าใจที่ดูลึกซึ้งและสายสัมพันธ์ที่มีต่อกันเพื่อบงการให้เราทำบางอย่างที่ต้องการ ซึ่งการทำเช่นนั้นอาจรวมไปถึงการแสดงความชื่นชมอย่างล้นหลาม การทุ่มความรักในช่วงแรกๆ เพื่อทำให้อีกคนอ่อนลงและ ‘รู้สึกผิด’ หากไม่ตอบสนองความต้องการของพวกเขานั่นเอง
.
[เชื่อว่าพวกเราเองก็คงจะเจอคนแบบนี้ไม่น้อย ที่เข้าอกเข้าใจเรา อยู่ข้างเรา แสดงความเห็นอยู่ฝั่งเรา ก็ต่อเมื่อที่เรามีผลประโยชน์หรือสามารถมอบบางสิ่งที่เขาต้องการได้อยู่ตลอด แม้ว่ามันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่า Dark Empath มักจะใช้ความเห็นอกเห็นใจเพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นประจำ จนบางครั้งกว่าเราจะรู้ตัวว่าโดนบงการอยู่ ก็อาจจะใช้เวลาเป็นปีๆเลยนะครับ]
.
https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/104952
.
ผมเชื่อว่าชีวิตพวกเรายังคงต้องเจอผู้คนหลากหลายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Narcissists, Dark Empaths หรือแม้แต่บุคคล Toxic ทั้งหลาย
.
ดังนั้นเปิดใจให้กว้างและทำความเข้าใจในความต่างกันนะครับ โลกใบนี้ยังมีอะไรแปลกใหม่อีกเยอะ คนไหนพร้อมที่จะเรียนรู้ ปล่อยวาง และปรับตัวไปตามโลก คนนั้นมีโอกาสที่จะเข้าถึงความสุขได้เร็วกว่าครับ
Dark Empath บุคคลที่เสแสร้งว่าเข้าใจ (ศาสตร์มืดของความเห็นอกเห็นใจ)
สวัสดีครับทุกคน เนื่องจากกระทู้ก่อนผมได้นำเสนอเรื่อง Empathy Skill และระดับความเห็นอกเห็นใจ (ทักษะที่เราควรมี ทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น) ไปแล้ว คราวนี้จะขอพูดถึงในด้านลบบ้างครับ
.
ประเด็น ‘Dark Empath’ หรือบุคคลที่นำเอา Empathy ไปใช้เพื่อประโยชน์บางอย่างของตนเอง โดยไม่ได้เห็นใจหรือเข้าใจคนคนนั้นจริงๆ ถูกนำมาพูดถึงเป็นอย่างมากในปีนี้ (สังเกตุได้จากโซเชียลต่างๆ)
.
Dark Empath เป็นคนที่มีความสามารถในการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น สามารถรับรู้และมองออกว่าผู้อื่นกำลังรู้สึกอย่างไร และนั่นทำให้พวกเขารู้ว่าจะต้อง ‘พูด’ หรือ ‘ทำอะไร’ กับคนอื่นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายของตัวเองด้วยนั่นเอง...
https://www.brandthink.me/content/dark-empaths