ลองจินตนาการถึงแผ่นดินในภูมิภาค เมโสอเมริกา (Mesoamerica) ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของจักรวรรดิต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือจักรวรรดิแอซเท็ก อาณาจักรอันเกรียงไกรที่มีความเชื่อลึกลับและพิธีกรรมที่น่าเกรงขาม และวันที่ 12 มีนาคมนี้คือวันขึ้นปีใหม่ของพวกเขา… "Aztec New Year" พิธีกรรมที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนาน เต็มไปด้วยความหมาย ความเชื่อ และแรงศรัทธาที่ผูกพันกับธรรมชาติและจักรวาล
.
จักรวรรดิแอซเท็กเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่มีระบบปฏิทินที่ซับซ้อนและแม่นยำมาก พวกเขาใช้ปฏิทินหลักสองระบบ คือ ปฏิทินศักดิ์สิทธิ์ หรือ "Tonalpohualli" (โท-นาล-โป-ฮวาล-ลิ) และ ปฏิทินสุริยคติ หรือ "Xiuhpohualli" (ซีว-โป-ฮวาล-ลิ)
.
Tonalpohualli - ปฏิทินศักดิ์สิทธิ์
- ปฏิทินนี้มี 260 วัน แบ่งเป็นรอบละ 20 วัน คูณกับ 13 รอบ (20 x 13 = 260 วัน)
- ใช้สำหรับกำหนดพิธีกรรมทางศาสนา การบูชาเทพเจ้า และการทำนายโชคชะตา
Xiuhpohualli - ปฏิทินสุริยคติ
- ปฏิทินนี้มี 365 วัน คล้ายกับปฏิทินสากลปัจจุบัน
- แบ่งเป็น 18 เดือน เดือนละ 20 วัน รวม 360 วัน และมีอีก 5 วันที่เรียกว่า “Nemontemi” (เน-มอน-เต-มี) ซึ่งเป็นวันอัปมงคล ไม่มีการทำกิจกรรมใดๆ เพื่อเตรียมต้อนรับปีใหม่
.
ทุกๆ 52 ปี ปฏิทินทั้งสองระบบจะกลับมาบรรจบกัน ถือเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” และในโอกาสนี้จะมีพิธีกรรมสำคัญที่เรียกว่า “พิธีผูกปี (New Fire Ceremony)” ซึ่งเป็นหัวใจของการเฉลิมฉลองปีใหม่ของแอซเท็ก
.
เมื่อถึงคืนสุดท้ายของปีเก่า ชาวแอซเท็กจะดับไฟทุกดวงในเมือง เรียกว่า "Extinguishing of Fires" ทำให้ทั้งอาณาจักรมืดสนิท นี่เป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาได้ปล่อยวางสิ่งเก่า และเตรียมตัวเข้าสู่ยุคใหม่ หากเทพเจ้ายังคงเมตตา มนุษย์จะได้รับแสงสว่างใหม่อีกครั้ง
และจะมีการบูชายัญ ที่เรียกว่า "Sacrifice to the Gods" พิธีบูชายัญนี้ทำขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าดวงอาทิตย์จะกลับมาในวันรุ่งขึ้น ชาวแอซเท็กจะทำพิธีบูชายัญ ซึ่งอาจรวมถึงสัตว์ หรือในบางกรณี มนุษย์ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นตัวแทนของเทพเจ้า
ชาวแอซเท็กนั้นให้ความเคารพเทพเจ้านามว่า "วีต-ซี-โล-โพชต์-ลี" (Huitzilopochtli) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งพระอาทิตย์ ด้วยความเชื่อที่ว่า ดวงอาทิตย์เคยมีอยู่ 5 ดวงด้วยกัน แต่ดวงอาทิตย์สูญสลายไปแล้ว 4 ดวง เหลือะเพียงดวงอาทิตย์ปัจจุบัน และถ้าสูญสลายไปอีก ชาวแอซเท็กก็จะต้องสูญสลายตามไป ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำการบูชายัญด้วยเลือด เพื่อไม่ให้ดวงอาทิตย์สูญสลาย และการใช้มนุษย์บูชายัญ ยังเพื่อทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์อีกด้วย
และนี่เองที่นำไปสู่พิธีกรรมสุดสยอง ด้วยการควักหัวใจทั้งเป็น บนมหาพีระมิดเทมพลอ มายอร์ (Templo Mayor) ที่อยู่ใจกลางนครเตนอคทิตลัน (Tenochtitlan) อันเป็นเมืองหลวงของชาวแอซเท็ก
ขณะที่พิธีจุดไฟเริ่มขึ้น นักบวชจะนำคบเพลิงไปจุดที่ยอดพีระมิด แล้วนำไฟศักดิ์สิทธิ์นี้แจกจ่ายไปทั่วเมือง เป็นการประกาศว่า "แสงแห่งชีวิต" ได้กลับมาอีกครั้ง การเฉลิมฉลองก็จะเริ่มขึ้น ผู้คนจะเต้นรำ เล่นดนตรีตลอดทั้งคืน รวมทั้งกินอาหาร "Tamales" ซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมที่นิยมกินกันในวันปีใหม่
.
เรื่องราวที่สะท้อนถึงความเชื่อและวิถีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากยุคของการสร้างโลก ซึ่งตามตำนานของชาวแอซเท็ก โลกไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพียงครั้งเดียว แต่ผ่านการสร้างและทำลายมาถึง 4 ยุค ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคที่ 5 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบันของพวกเขา
แต่ละยุคมีดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกัน และจบลงด้วยหายนะที่เกิดจากพลังแห่งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นไฟ พายุ หรือสัตว์ร้าย และเพื่อให้ดวงอาทิตย์ในยุคปัจจุบันยังคงส่องแสงต่อไป พวกเขาเชื่อว่าต้องทำพิธีบูชายันต์เพื่อมอบพลังชีวิตแก่ดวงอาทิตย์ ไม่เช่นนั้น โลกก็อาจถึงคราวดับสูญอีกครั้ง
.
ดวงอาทิตย์ที่หนึ่ง (First Sun Nahui Ocelotl - Four Jaguar / นาฮุย โอเซล็อต - สี่เสือจากัวร์)
ในยุคแรกเริ่มของการสร้างโลก ท้องฟ้าถูกครอบงำโดยเทพเจ้าดำแห่งท้องฟ้า เทซกัตลิโพคา โลกในยุคนั้นเต็มไปด้วยความมืดมนและลึกลับ และผู้คนในยุคนั้นต้องใช้ชีวิตในความมืด ทว่าเสือจากัวร์ที่ร้ายกาจก็ได้ออกมาไล่ล่าผู้คน เสือจากัวร์เหล่านี้มีความโหดเหี้ยมและแข็งแกร่ง มันเฝ้าตามล่าและกินทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลก การใช้ชีวิตในยุคนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอันตราย และในที่สุดเมื่อเสือจากัวร์ทั้งหมดได้กินคนจนหมด ยุคแรกของดวงอาทิตย์จึงสิ้นสุดลงอย่างน่าสะพรึงกลัว
.
ดวงอาทิตย์ที่สอง (Second Sun Nahui Ehecatl - Four Wind / นาฮุย เอฮีกาต - สี่ลม)
หลังจากยุคแรกสิ้นสุดลง โลกเข้าสู่ยุคที่สองซึ่งถูกครอบงำโดยเทพเจ้าเควทซัลโคแอตล์ ในยุคนี้ โลกเริ่มมีสภาพอากาศที่รุนแรงและลมพายุที่พัดมาตลอดเวลา ลมพายุเหล่านี้มีความรุนแรงและพัดเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ผู้คนในยุคนี้ต้องดิ้นรนและต่อสู้กับลมพายุ แต่สุดท้ายลมพายุที่น่ากลัวก็ได้พัดเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นลิง มนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่บนโลกถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่าง และยุคที่สองของดวงอาทิตย์ก็จบลงอย่างโหดร้าย
.
ดวงอาทิตย์ที่สาม (Third Sun Nahui Quiahuitl - Four Rain / นาฮุย เควียวิทล์ - สี่ฝน)
ยุคที่สามของโลกถูกครอบงำโดยเทพเจ้าแห่งฝน เทลล็อค ในยุคนี้โลกได้พบกับสภาพอากาศที่แปลกประหลาดและน่ากลัว ฝนไฟที่รุนแรงได้กระหน่ำลงมา ฝนไฟนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลาย แต่ยังเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นนก สภาพอากาศในยุคนี้เต็มไปด้วยการเผาไหม้และน้ำท่วม ผู้คนต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นธรรมชาติ แต่สุดท้ายยุคนี้ก็สิ้นสุดลงอย่างโหดร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเผาไหม้และน้ำท่วมจมหาย
.
ดวงอาทิตย์ที่สี่ (Fourth Sun Nahui Atl - Four Water / นาฮุย แอตล์ - สี่น้ำ)
ยุคที่สี่ โลกถูกครอบงำโดยเทพธิดาแห่งน้ำ ชาลชิวท์ลิกูยุค โลกในยุคนี้เต็มไปด้วยน้ำและความเขียวขจี คนที่อาศัยอยู่ในโลกยุคนี้ได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ แต่ทันทีที่น้ำท่วมใหญ่ได้เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป น้ำท่วมใหญ่นี้ไม่เพียงแต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ยังเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นปลา คนที่เคยเดินอยู่บนดินต้องเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ และยุคที่สี่ของดวงอาทิตย์ก็จบลงในน้ำท่วมใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกน้ำท่วมและไม่มีสิ่งใดรอดพ้น
.
ดวงอาทิตย์ที่ห้า (Fifth Sun Nahui Ollin - Four Movement / นาฮุย โอลลิน - สี่การเคลื่อนไหว)
ยุคสุดท้าย โลกได้เข้าสู่ยุคที่ห้าซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน ยุคนี้ถูกครอบงำโดยเทพเจ้าดวงอาทิตย์ โตนาติอุ ในยุคนี้ชาวแอซเท็กเชื่อว่าโลกจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอีกครั้งโดยแผ่นดินไหวและความอดอยาก ผู้คนในยุคนี้ต้องเตรียมตัวและเผชิญกับความไม่แน่นอนของอนาคต เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความกลัวและความหวัง ชาวแอซเท็กเชื่อว่ายุคนี้จะเป็นยุคสุดท้ายของดวงอาทิตย์ พวกเขาเชื่อว่าดวงอาทิตย์จะต้องต่อสู้และปกป้องโลกจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น
...
แม้อารยธรรมแอซเท็กจะล่มสลายไปนานแล้ว แต่ในเม็กซิโก โดยเฉพาะในรัฐฮาลิสโก (Jalisco) และเม็กซิโกซิตี้ ยังคงมีการเฉลิมฉลอง Aztec New Year อยู่ ซึ่งจะมีการเต้นรำพื้นเมืองที่เรียกว่า "Danza Azteca" ( ดาน-ซา แอซ-เต-กา) ซึ่งเป็นการแสดงที่ผสมผสานดนตรี กลอง และเครื่องแต่งกายโบราณ การจุดไฟเพื่อสื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ และบูชาเทพเจ้า รวมทั้งการกินอาหารแบบดั้งเดิมอย่าง Tamales และ Atole (อะ-โต-เล่) ที่เป็น(เครื่องดื่มข้าวโพด) ก็ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
...
เมื่อพูดถึงอาหารแบบดั้งเดิม "Tamales" ที่แปลว่าการห่อ และมีหน้าตาคล้ายๆ ข้าวต้นมัด ซึ่งมีการพัฒนาสูตรมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้มาถึงยังเม็กซิโกในช่วงศตวรรษที่ 16 Tamales ก็ได้มีการปรับปรุงสูตรและเผยแพร่ไปทั่วภูมิภาค ต่อมาสเปนได้เดินทางมาถึง Tamales ก็ได้ถูกยกระดับขึ้น ด้วยวัตถุดิบ และเครื่องเทศใหม่ๆ อย่าง เนื้อหมู เนื้อวัว ชีส ผงยี่หร่า พริกป่น
...
Tamales เมื่อพูดถึงคำนี้ ก็คงหนีไม่พ้นอาหารประเภทห่อๆ ของเม็กซิกัน เรามาเริ่มต้นกันที่เมนู..
.
เมนูที่ 1. Enchiladas Suizas
อาหารเม็กซิกันยอดนิยมที่ประกอบด้วย enchiladas ราดด้วยซอสที่ทำจากนมหรือครีม เมนูแรกปรุงขึ้นในร้านอาหารชื่อ Sanborn ในเมืองเม็กซิโกซิตี้ ชื่อของเมนูนี้แปลได้ว่า enchiladas สไตล์สวิส เนื่องจากผู้อพยพชาวสวิสเป็นผู้แนะนำซอสที่ทำจากนมให้กับอาหารเม็กซิกัน
.
เมนูที่ 2. Salsa verde enchiladas
ซัลซ่าเวอร์เดเอนชิลาดาสเป็นอาหารเม็กซิกันที่ปรุงโดยนำซัลซ่าสีเขียวมาทาบนเอนชิลาดาส เอนชิลาดาสจะใส่ไส้ไก่ฉีก และซัลซ่าจะทำจากมะเขือเทศสีเขียวขนาดเล็ก พริกชี้ฟ้า ผักชี ผักชีฝรั่ง หัวหอม กระเทียม และออริกาโน โรยหน้าด้วยชีสขูด
.
เมนูที่ 3. Taquito
อาหารเม็กซิกัน-อเมริกัน ทำจากแป้งข้าวโพดทอดกรอบห่อด้วยส่วนผสมต่างๆ เช่น ไก่ฉีก เนื้อวัว ชีส และผัก
.
เมนูที่ 4. Mulita
บางครั้งมูลิต้าถูกเรียกว่า "quesadillas on steroids" อัดแน่นไปด้วยเนื้อย่างชิ้นๆ ชีส และซัลซ่าหรือกัวคาโมเล
.
เมนูที่ 5. Enchiladas de camaron
อาหารเม็กซิกันยอดนิยม ที่ทำจากแป้งตอติญ่าทอดไส้กุ้งและส่วนผสมต่างๆ เช่น ข้าวโพด หัวหอม พริก มะเขือเทศ ผักชี และชีสขูด
.
อาหารเม็กซิกันหาร้านกินใน กทม. ไม่อยาก เพื่อนๆ เคยกินเมนูไหนกันบ้าง และชอบเมนูห่อๆ แบบไหนกัน..ครับผม

...
: เพื่อนๆ เข้าดู Youtube ที่จะบอกเรื่องราวในแต่ละวัน (มีทุกวันนะ) ได้ที่ Youtube: @lookatevent หรือตามลิงค์นี้ครับผม
:
https://www.youtube.com/@lookatevent
...
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: worldhistoryedu
: mexicolore
: hbg .org
: tastingtable
: tasteatlas
.
LookAt - ปฏิทินแห่งเรื่องราว
Aztec New Year พิธีศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเปลี่ยนโชคชะตา กับอาหารประเภทห่อๆ เม็กซิกันที่น่ากิน
.
อาหารเม็กซิกันหาร้านกินใน กทม. ไม่อยาก เพื่อนๆ เคยกินเมนูไหนกันบ้าง และชอบเมนูห่อๆ แบบไหนกัน..ครับผม
...
: เพื่อนๆ เข้าดู Youtube ที่จะบอกเรื่องราวในแต่ละวัน (มีทุกวันนะ) ได้ที่ Youtube: @lookatevent หรือตามลิงค์นี้ครับผม
: https://www.youtube.com/@lookatevent
...
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: worldhistoryedu
: mexicolore
: hbg .org
: tastingtable
: tasteatlas
.
LookAt - ปฏิทินแห่งเรื่องราว