ทรัมป์เงียบกริบ หุ้นมะกันร่วงหนัก วันเดียวขาดทุนมากสุดในรอบ 4 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันที่ 10 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเกิดภาวะถดถอย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ของทรัมป์จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4.0% เมื่อปิดตลาด ซึ่งเป็นการขาดทุนในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 และมีการขาดทุนอย่างหนักในตลาดอื่นๆ โดยหุ้นร่วงลงมากที่สุดคือหุ้นด้านเทคโนโลยี
ทั้งนี้
หุ้นของ Tesla ร่วงลงประมาณ 15.4% ขณะที่ Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ หุ้นปรับลดลงมากกว่า 5% เช่นเดียวกันหุ้นเทคโนโลยีหลักอื่นๆ รวมถึง Meta, Amazon และ Alphabet ก็ร่วงลงด้วยเช่นกัน
ด้านดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.7% ส่วนดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ร่วงลง 2.1%
สภาพการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ตอบคำถามถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น โดยเขาให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ดูเหมือนจะยอมรับเกี่ยวกับความกังวลดังกล่าว “ผมไม่อยากคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นแบบนั้น มันจะมีช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นยิ่งใหญ่มาก เรากำลังนำความมั่งคั่งกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา นั่นเป็นเรื่องใหญ่”
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ แม้ว่าเขาจะโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียของตนเองมากมาย ทรัมป์ยังไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะและไม่ได้มีแถลงการณ์ใดๆ เกี่ยวกับตลาดหุ้น แต่แชร์บทความเชิงบวกเกี่ยวกับตัวเอง และแชร์ภาพของโพสต์จากพันธมิตรในพรรครีพับลิกันที่ยกย่องความเป็นผู้นำของทรัมป์เท่านั้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงและที่ปรึกษาของทรัมป์พยายามบรรเทาความหวาวกลัวของนักลงทุน โดยหลังจากตลาดปิดการซื้อขายในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับนักข่าวว่า “เรากำลังเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นกับสิ่งที่เรากำลังเห็นจากธุรกิจและผู้นำทางธุรกิจ ชัดเจนว่าเรื่องหลังมีความหมายมากกว่าเรื่องแรกต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในระยะกลางถึงระยะยาว
แถลงการณ์แยกต่างหากในวันเดียวกัน คูช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ผู้นำภาคอุตสาหกรรมได้ตอบสนองต่อแนวทางของทรัมป์รวมถึงภาษีศุลกากร ด้วยการลงทุนมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เศรษฐกิจเริ่มมีความกังวลว่า การเติบโตอาจชะลอตัวและราคาสินค้าอาจปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐตกลงไปสู่ระดับก่อนการชนะเลือกตั้งของทรัมป์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกนักลงทุนตอบรับอย่างดี จากความหวังในเรื่องการลดหย่อนภาษีและการผ่อนปรนกฎระเบียบให้มากขึ้น
นักลงทุนกังวลว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าที่นำเข้าสู่ประเทศ อาจส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นและท้ายที่สุดมันจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5085970
ทรัมป์เงียบกริบ หุ้นมะกันร่วงหนัก วันเดียวขาดทุนมากสุดในรอบ 4 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันที่ 10 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเกิดภาวะถดถอย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ของทรัมป์จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4.0% เมื่อปิดตลาด ซึ่งเป็นการขาดทุนในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 และมีการขาดทุนอย่างหนักในตลาดอื่นๆ โดยหุ้นร่วงลงมากที่สุดคือหุ้นด้านเทคโนโลยี
ทั้งนี้ หุ้นของ Tesla ร่วงลงประมาณ 15.4% ขณะที่ Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ หุ้นปรับลดลงมากกว่า 5% เช่นเดียวกันหุ้นเทคโนโลยีหลักอื่นๆ รวมถึง Meta, Amazon และ Alphabet ก็ร่วงลงด้วยเช่นกัน
ด้านดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.7% ส่วนดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ร่วงลง 2.1%
สภาพการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ตอบคำถามถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น โดยเขาให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ดูเหมือนจะยอมรับเกี่ยวกับความกังวลดังกล่าว “ผมไม่อยากคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นแบบนั้น มันจะมีช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นยิ่งใหญ่มาก เรากำลังนำความมั่งคั่งกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา นั่นเป็นเรื่องใหญ่”
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ แม้ว่าเขาจะโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียของตนเองมากมาย ทรัมป์ยังไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะและไม่ได้มีแถลงการณ์ใดๆ เกี่ยวกับตลาดหุ้น แต่แชร์บทความเชิงบวกเกี่ยวกับตัวเอง และแชร์ภาพของโพสต์จากพันธมิตรในพรรครีพับลิกันที่ยกย่องความเป็นผู้นำของทรัมป์เท่านั้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงและที่ปรึกษาของทรัมป์พยายามบรรเทาความหวาวกลัวของนักลงทุน โดยหลังจากตลาดปิดการซื้อขายในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับนักข่าวว่า “เรากำลังเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นกับสิ่งที่เรากำลังเห็นจากธุรกิจและผู้นำทางธุรกิจ ชัดเจนว่าเรื่องหลังมีความหมายมากกว่าเรื่องแรกต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในระยะกลางถึงระยะยาว
แถลงการณ์แยกต่างหากในวันเดียวกัน คูช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ผู้นำภาคอุตสาหกรรมได้ตอบสนองต่อแนวทางของทรัมป์รวมถึงภาษีศุลกากร ด้วยการลงทุนมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เศรษฐกิจเริ่มมีความกังวลว่า การเติบโตอาจชะลอตัวและราคาสินค้าอาจปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐตกลงไปสู่ระดับก่อนการชนะเลือกตั้งของทรัมป์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกนักลงทุนตอบรับอย่างดี จากความหวังในเรื่องการลดหย่อนภาษีและการผ่อนปรนกฎระเบียบให้มากขึ้น
นักลงทุนกังวลว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าที่นำเข้าสู่ประเทศ อาจส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นและท้ายที่สุดมันจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/foreign/news_5085970