ต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทย ปี 2567
จำนวนยูนิตที่คนจีนอุดหนุนลดลง 14.3% เทียบกับปีก่อนหน้า นี่อาจจะสะท้อนเศรษฐกิจของจีนที่ยังคงเปราะบางอยู่และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าคนจีนด้วย
สำหรับเมียนมา ยอดเติบโตต่อเนื่องโดยซื้อคอนโดฯ เพิ่มขึ้น 146.1% เทียบกับปีก่อนหน้า ไต้หวันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนอินเดียซื้อจำนวนยูนิตไม่มาก แต่ติดอันดับ 1 ใน 10 เป็นครั้งแรก โดยซื้อห้องใหญ่และราคาสูง
ทำเลที่ต่างชาตินิยมซื้อ
อันดับ 1 สีลม สาทร บางรัก พหลโยธิน วัฒนา คลองเตย
ผู้ซื้อมาจากหลากหลายประเทศทั้งจากฝั่งตะวันตกและเอเชีย
อันดับ 2 รัชดา ลาดพร้าว
กลุ่มใหญ่ที่ซื้อคือ ชาวจีนและเมียนมา
อันดับ 3 อ่อนนุช สุวรรณถูมิ
กลุ่มต่างชาติที่ซื้อมากที่สุดในโซนนี้คือ คนจีน
อันดับ 4 บางนา เทพารักษ์
ผู้ซื้อในทำเลนี้คือ ชาวจีนและเมียนมา
ประเด็นที่สร้างความกังวลคือ กรณีที่ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมแล้วนำไปปล่อยเช่ารายวัน
จากมุมมองของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด มีข้อเสนอคือ
- รัฐบาลควรจะกำหนดไปเลยว่าให้ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมืเนียมเฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดเอาไว้
- คอนโดมิเนียมที่ขายให้ชาวต่างชาติควรใช้วิธีจับสลาก ไม่ควรให้ชาวต่างชาติมาอยู่รวมกันในชั้นเดียวกันหรือว่าห้องติดๆ กัน เช่น สิงคโปร์เชื้อสายจีน มาเลย์ อินเดีย ควรจับสลากโดยให้อยู่อาศัยแบบปะปนกัน เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมด้วย
แนวทางอื่นในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากมุมมองของ ดร.โสภณ พรโชคชัย
ส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ รวมถึงการก่อสร้างสาธารณูปโภคประเภทต่างๆ ด้วย
ข้อเสนอการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ
- ควรมีการจัดเก็บภาษีการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่เค้าเก็บกัน เช่น เก็บภาษีการซื้อบ้านและห้องชุดของชาวต่างชาติ อย่างในยุโรปเก็บเกือบๆ ร้อยละ 20 ฮ่องกงเก็บร้อยละ 30 สิงคโปร์เก็บร้อยละ 60
- เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมตามราคาตลาดเฉพาะชาวต่างชาติ เก็บเหมือนคนไทยที่ต้องเสียภาษีในการซื้อทรัพย์สินที่ต่างประเทศ โดยเก็บที่ร้อยละ 1 ของราคาตลาดทุกปี
- เก็บภาษีกำไรจากการขายต่อ (Capital Gain Tax) ประมาณร้อยละ 10-20 ของส่วนต่างระหว่างราคาที่ซื้อกับราคาที่ขาย
- ภาษีกองมรดกประมาณร้อยละ 10 ของมูลค่ากองมรดกที่มีการจัดเก็บภาษี
ที่มา:
รายการ BUSINESS WATCH วันที่ 6 มีนาคม 2568
https://www.youtube.com/watch?v=0YuoljriUXQ
จีนซื้อคอนโดฯ ในไทยลดลง แต่ยังรั้งอันดับ 1 เมียนมาโตโดดเด่น ส่วนอินเดียนิยมซื้อราคาสูง
จำนวนยูนิตที่คนจีนอุดหนุนลดลง 14.3% เทียบกับปีก่อนหน้า นี่อาจจะสะท้อนเศรษฐกิจของจีนที่ยังคงเปราะบางอยู่และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าคนจีนด้วย
สำหรับเมียนมา ยอดเติบโตต่อเนื่องโดยซื้อคอนโดฯ เพิ่มขึ้น 146.1% เทียบกับปีก่อนหน้า ไต้หวันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนอินเดียซื้อจำนวนยูนิตไม่มาก แต่ติดอันดับ 1 ใน 10 เป็นครั้งแรก โดยซื้อห้องใหญ่และราคาสูง
ทำเลที่ต่างชาตินิยมซื้อ
อันดับ 1 สีลม สาทร บางรัก พหลโยธิน วัฒนา คลองเตย
ผู้ซื้อมาจากหลากหลายประเทศทั้งจากฝั่งตะวันตกและเอเชีย
อันดับ 2 รัชดา ลาดพร้าว
กลุ่มใหญ่ที่ซื้อคือ ชาวจีนและเมียนมา
อันดับ 3 อ่อนนุช สุวรรณถูมิ
กลุ่มต่างชาติที่ซื้อมากที่สุดในโซนนี้คือ คนจีน
อันดับ 4 บางนา เทพารักษ์
ผู้ซื้อในทำเลนี้คือ ชาวจีนและเมียนมา
ประเด็นที่สร้างความกังวลคือ กรณีที่ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมแล้วนำไปปล่อยเช่ารายวัน
จากมุมมองของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด มีข้อเสนอคือ
- รัฐบาลควรจะกำหนดไปเลยว่าให้ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมืเนียมเฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดเอาไว้
- คอนโดมิเนียมที่ขายให้ชาวต่างชาติควรใช้วิธีจับสลาก ไม่ควรให้ชาวต่างชาติมาอยู่รวมกันในชั้นเดียวกันหรือว่าห้องติดๆ กัน เช่น สิงคโปร์เชื้อสายจีน มาเลย์ อินเดีย ควรจับสลากโดยให้อยู่อาศัยแบบปะปนกัน เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมด้วย
แนวทางอื่นในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากมุมมองของ ดร.โสภณ พรโชคชัย
ส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ รวมถึงการก่อสร้างสาธารณูปโภคประเภทต่างๆ ด้วย
ข้อเสนอการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ
- ควรมีการจัดเก็บภาษีการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่เค้าเก็บกัน เช่น เก็บภาษีการซื้อบ้านและห้องชุดของชาวต่างชาติ อย่างในยุโรปเก็บเกือบๆ ร้อยละ 20 ฮ่องกงเก็บร้อยละ 30 สิงคโปร์เก็บร้อยละ 60
- เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมตามราคาตลาดเฉพาะชาวต่างชาติ เก็บเหมือนคนไทยที่ต้องเสียภาษีในการซื้อทรัพย์สินที่ต่างประเทศ โดยเก็บที่ร้อยละ 1 ของราคาตลาดทุกปี
- เก็บภาษีกำไรจากการขายต่อ (Capital Gain Tax) ประมาณร้อยละ 10-20 ของส่วนต่างระหว่างราคาที่ซื้อกับราคาที่ขาย
- ภาษีกองมรดกประมาณร้อยละ 10 ของมูลค่ากองมรดกที่มีการจัดเก็บภาษี
ที่มา:
รายการ BUSINESS WATCH วันที่ 6 มีนาคม 2568
https://www.youtube.com/watch?v=0YuoljriUXQ