JJNY : ปชน. แฉพิรุธสปส.│‘โรม’ งัดเอกสารสมัยปี 62│ส.ว.คาใจ จริงจังขึ้นค่าแรงแค่ไหน│ยุโรปนำเข้า-พึ่งพาอาวุธสหรัฐ ช่วง 5 ปี

ปชน. แฉพิรุธสปส. ซื้อตึก 7 พันล้าน แพงกว่าราคาประเมิน กว่าจะกำไรกองทุนเจ๊งไปแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5084739



ส.ป. ปชน. ตั้งข้อสังเกต สปส.เล่นแร่แปรธาตุ ลงทุนซื้อตึก 3 พันล้านในราคา 7 พันล้าน คืนทุนอีก 30 ปีเสี่ยงกองทุนฯเจ๊ง พบปมพิรุธ ‘เด็กหน้าห้อง’ อดีต รมว.เอี่ยว จี้พิพัฒน์ ตั้งกรรมการสอบ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มีนาคม ที่หน้าตึก SKYY9 น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมด้วย นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรค ปชน. เดินทางไปแถลงข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่? ในประเด็นการใช้งบประมาณกองทุนฯ กว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้านบาท

น.ส.รักชนกกล่าวว่า การดำเนินงานของ สปส.ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบบริหารสำนักงานกว่า 6 พันล้านบาท หรือ 3% อยู่ในความดำมืด ไม่โปร่งใส หรือการติดขัดปัญหาเอกสารต่างๆ รวมถึงการที่ประชาชนตั้งคำถามว่าทำไมสิทธิการรักษาของประชาชน ด้อยกว่าบัตรทอง รวมถึงตั้งคำถามถึงการทำงานของบอร์ดแพทย์ และประเด็นมาตรา 39 ที่เคยส่งเงินสมทบมาตรา 33 มาก่อน ซึ่งเรากำลังผลักดันให้ประชาชนกดดันให้สูตรบำนาญนี้ผ่านไปได้ ส่วนอีกเรื่องคือ การลงทุนของกองทุนประกันสังคม ที่เรียกได้ว่า คือหัวใจหลักสำคัญ การที่กองทุนจะอยู่ได้อีก 25 ปีแล้วจะล้มหรือไม่ ขึ้นอยู่ว่าการนำเงินในกองทุนไปจัดการบริหารอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ นั่นหมายถึงเงิน 2.6 ล้านล้านบาทในกองทุน วันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ทำให้เห็นว่า การลงทุนของ สปส.มีปัญหาธรรมาภิบาลอย่างไร


สปส. ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เล่นแร่แปรธาตุซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท ในราคา 7 พันล้านบาท อย่างถูกต้องตามระเบียบตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ต้องคำถามว่าความคุ้มค่าเป็นอย่างไร กองทุนประกันสังคมนอกจากลงทุนในตลาดได้ ก็ยังสามารถที่จะลงทุนสิ่งที่เรียกว่าลงทุนนอกตลาดหุ้น คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ คือการลงทุนในตึก ในปี 2565-2566 สปส.ใช้เงินกว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้อตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง อยู่ย่านพระราม 9 และตึกนี้ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ในอดีตช่วงต้มยำกุ้งเคยเป็นตึกร้างมาก่อน หลังจากนั้นมีบริษัทที่เข้าไปซื้อตึกนี้มารีโนเวท ราวกับว่ามันประจวบเหมาะพอดี หลังจากรีโนเวทเสร็จ กองทุนประกันสังคมก็ปรับแก้ระเบียบต่างๆ และทำการศึกษา แล้วเป็นที่มาของการตัดสินใจลงทุน ซึ่งตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565 ที่ สปส. ตัดสินใจซื้อมา ต้องบอกว่า อัตราการเข้าทำกำไร หรืออัตราการเช่าอยู่ที่ 1% เท่านั้น และก่อนมีการตัดสินลงทุนซื้อตึกนี้ มีการทำแผน โดยแผนดังกล่าวสวยหรูเกินจริงมาก ซึ่งกล่าวว่า ผลตอบแทนที่จะได้อย่างเหมาะสม จึงอยากให้ประชาชนติดตามในเรื่องนี้” น.ส.รักชนกกล่าว


น.ส.รักชนกกล่าวอีกว่า เมื่อเริ่มดำเนินการจริง เนื่องจากมีผู้เช่าในปีแรก 1-2% หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปีมีผู้เช่าปัจจุบัน ตัวเลขที่ สปส.รายงาน มีคนเช่าใช้ตึกประมาณ 40% แต่ต้องบอกว่าน่าสงสัย มีการเบ่งมาแล้ว มีการเก็บตัวเลขที่คาดเดาว่าจะผู้ใช้ในอนาคตรวมตรงนี้ด้วย ตัวเลขจริงๆ อาจต่ำกว่า 40% อาจอยู่ที่ 20-30% เท่านั้นเอง ที่สำคัญที่สุดตึกนี้ทำกำไรที่ผ่านมาปี 2567 ราว 40 ล้านบาท แต่ค่าบริหารจัดการรวมถึงการจ้างมาบริหารตึกราว 50 ล้านบาท นั่นหมายถึงว่า ถ้าทำกิจการด้วยอัตราแบบนี้ต่อไป ติดลบทุกปี แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำกำไรตอนไหน เพราะตอนนี้เรียกได้ว่า สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่มีคนเช่าใช้เท่าไหร่ เท่ากับว่า 7 พันล้านบาทที่ สปส.ทุ่มลงทุนไปในตึกนี้ เรียกได้ว่าสูญเปล่า หรือติดลบก็ได้

ดังนั้นอยากชี้ประเด็นว่า ตึกแห่งนี้ถูกตั้งเป้า หรือจัดทำการประเมินคาดการณ์ไว้อย่างสวยหรู แต่ทุกอย่างต่ำกว่าเป้าทั้งหมด ไม่ว่าคาดการณ์ไว้ก่อนซื้อว่า ภายใน 2 ปีจะมีคนมาเช่าใช้ประมาณ 60% ซึ่งตัวเลขจริงๆ ตอนนี้ตามรายงานคือ 40% แต่ตัวเลขที่มาเช่าใช้จริงๆ อาจ 20-30% เท่านั้น แปลว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่หากคิดว่ามีคนมาเช่าใช้ 100% ต้องใช้เวลา 30 ปีกว่าที่จะคืนทุน แน่นอนว่า เขาอาจบอกว่า อาจโปรโมตทำการตลาด พัฒนาย่านค่าเช่าจะเพิ่ม อ้างได้หมด แต่ถ้าตัวเลขปัจจุบันกองทุนประกันสังคมจะล้มละลายในอีก 25 ปีข้างหน้า แต่จะคืนทุนในอีก 30 ปี เท่ากับว่ากองทุนฯเจ๊งไปแล้ว ตึกนี้อาจยังไม่คืนทุนเลย” น.ส. รักชนกกล่าว

น.ส.รักชนก ตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า กองทุน สปส.ยุคที่ผ่านมา ที่มีการเซ็นให้ลงทุนในการลงทุนนอกตลาดแบบนี้ น่าจะมีปัญหาในเรื่องของธรรมาภิบาลในการตีความ เอกสารทุกอย่างที่ศึกษาตีความเข้าข้างตัวเอง และยังมีคำถามอื่น ๆ อีกมากว่า ทำไมกองทุน สปส.ตัดสินใจใช้เงิน 7 พันล้านบาทลงทุนตึกแห่งเดียว แทนที่กระจายลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดอื่น ๆ ทั้งที่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว สปส.ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารจัดการตึกหรือสินทรัพย์แบบนี้ ทำไมตัดสินใจลองทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่มีความเสี่ยงมาก และทำไมตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 7 พันล้านบาทของผู้ประกันตน ลงทุนในตึกที่มีอัตราการเช่าเพียง 1% เท่านั้น น่าสงสัยมากๆ

“ตึก Skyy9 ชื่อเดิมตอนทิ้งร้างชื่อ ไอ.ซี.อี. ช่วงต้มยำกุ้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนมาถึงช่วงโควิด-19 มีการประเมินมูลค่าตึกนี้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ทำไมกองทุน สปส.ถึงยอมจ่ายเงินในราคา 7 พันล้านบาท เพื่อซื้อตึกในราคา 3 พันล้านบาท เอาแค่ซื้อในราคาที่ควรจะเป็น เราจะมีเงินเข้ากองทุนเยอะมาก นี่คือค่าเสียโอกาสของผู้ประกันตน จึงอยากตั้งคำถามว่าใครเป็นเจ้าของตึก และมีชื่อของใครปรากฎอยู่บ้าง เป็นของนักการเมืองพรรคไหน เกี่ยวข้องกับพรรคที่อยู่ในป่าหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าสงสัย เพราะท่านอดีต รมว.แรงงาน ก็อยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ทุกท่านได้ลองหาข้อมูลดู ซึ่งตึกนี้ปรับปรุงเสร็จปี 2565 ก็พร้อมขายให้กองทุน สปส.เลย” น.ส.รักชนกกล่าว


น.ส.รักชนก ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการตบแต่งตึกให้พร้อมเพื่อรอกองทุน สปส.ซื้อเลยหรือไม่ และยังได้ยินข่าวลือมาอีกว่า กองทุน สปส.พยายามย้ายสำนักงานบางส่วนมาใช้ตึกนี้ ต้องบอกว่า make sense ก็ได้เมื่อซื้อมาแล้วก็ได้ แต่นี่คือการย้ายเงินเข้ากระเป๋าซ้ายขวา เพื่ออยากให้ตัวเลขการใช้ตึกสูงขึ้น ก็แล้วแต่การตัดสินใจ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นำไปสู่การตั้งคำถามถึงธรรมาภิบาลและการตัดสินใจในช่วงต้นที่มีการทำรายงานให้ตึกนี้มันน่าซื้อ

ขณะที่ นายสหัสวัตกล่าวว่า ตามโครงสร้างงานการลงทุนของ สปส. จะทำแผนการลงทุน 5 ปีขึ้นมาชุดหนึ่ง ออกโดยบอร์ดใหญ่ แต่แผนการลงทุน 5 ปีกำหนดกรอบการลงทุนใหญ่ๆ ว่าจะมีสัดส่วนอย่างไร โดยคนมีอำนาจตัดสินใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนนอกตลาด คนที่เซ็นคือเลขาธิการ สปส. เรื่องการซื้อตึกต่างๆ ไม่ต้องผ่านบอร์ด โดยในช่วงปี 2565 มีความพยายามให้ประกันสังคมลงทุนนอกตลาดหุ้นมากขึ้น เลยมีการพิจารณาแผนรายปีขึ้นมา แผนรายปีมีตัวละครสำคัญ ช่วงปี 2565

ผมตั้งคำถามถึงการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองในการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เรื่องน่าสนใจอยู่ตรงนี้คือ คนมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในตอนนั้นคือ รมว.แรงงาน มีการแต่งตั้งโยกย้าย ‘เด็กหน้าห้อง’ ตัวเอง มาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน เพื่อมาทำแผนรายปีในการตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร เท่านั้นไม่พอ จะต้องตั้งอนุฯชุดหนึ่ง ที่เรียกว่า ‘อนุฯการลงทุนนอกตลาด’ คนหน้าห้องคนเดิมก็เข้าไปอยู่ในอนุฯชุดนั้นด้วย ไม่พอในชุดนั้น มีที่ปรึกษารัฐมนตรี รมว.แรงงานในขณะนั้นเข้ามาอยู่ในอนุฯด้วย ขอสมมติว่าชื่อ ‘นายพี’ และมีอดีตเด็กหน้าห้องชื่อสมมติ ‘นายรู’ เข้ามาอยู่ในอนุฯการลงทุนนอกตลาด ที่เป็นคนชี้ตัดสินใจให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตึกใดตึกหนึ่งเกิดขึ้น นี่คือการตั้งข้อสงสัยประเด็นที่หนึ่ง” นายสหัสวัตกล่าว

นายสหัสวัตกล่าวอีกว่า ประเด็นที่สองคือ การเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ของ สปส.สามารถทำได้เลย คือซื้อตรงได้ แต่การลงทุนซื้อตึกนี้ กลับซับซ้อนเหลือเกิน แทนที่จะซื้อตึกนี้โดยตรง แต่สิ่งที่ทำคือการตั้งกองทรัสต์มากองหนึ่ง มูลค่า 9.8 พันล้านบาท 30% ไปลงทุนในต่างประเทศ มีบริษัทดูแลอย่างดี ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่อีก 70% คือราว 7 พันล้านบาทที่เหลือ กลับมาทุ่มซื้อตึกที่เดียว และนำกองทรัสต์ไปซื้อบริษัทหนึ่ง ซึ่งบริษัทนี้มีสินทรัพย์แค่อย่างเดียวคือตึกนี้ เป็นการลงทุนซ้ำซ้อน พยายามปกปิด กว่าจะหาเจอว่า สปส.ถือครองตึกไหน ใช้เวลานานมาก ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต้องปกปิดขนาดนี้


“การลงทุนนอกตลาดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องใหม่ของ สปส.ในปี 2565 โดยปกติกองทุนใหญ่ๆจะไม่ลงทุนเอง จะไปร่วมกับกองทุนอื่นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ ไปกระจายความเสี่ยง ไม่มีใครทุ่มซื้อตึกๆ เดียว จึงตั้งข้อสงสัยดีลตึกนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ อย่างที่บอกมีการโยกเด็กหน้าห้องมาดำเนินการ ที่ผ่านมาการลงทุนของ สปส.ไม่เคยเปิดเผยต่อประชาชนเลย ซื้อตึกอะไรบ้าง ซื้ออสังหาฯอะไรบ้าง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ตราบใดที่การลงทุนของ สปส.อยู่ในมุมมืด อาจเปิดช่องนักการเมืองแทรกแซงและหาเงินเรื่องนี้ได้ ขึงตั้งข้อสงสัยที่ว่าการโยกย้ายข้าราชการในปี 2565 เป็นอำนาจ รมว.แรงงาน ขณะนั้น ท่านเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าคำสั่งโยกย้ายมาจากท่านจริง ท่านได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อตึกนี้ การลงทุนทุกบาททุกสตางค์ของผู้ประกันตนต้องถูกลงทุนอย่างโปร่งใส ไม่ได้มีใครได้เงินทอน ไม่มีใครได้ผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องในเรื่องนี้” นายสหัสวัตกล่าว

นายสหัสวัตกล่าวด้วยว่า ต้องยืนยันว่าโครงสร้างของ สปส. มีปัญหาจริงๆ และควรปฏิรูป และต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและสอบสวน บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อตึกนี้โดยตรง ซึ่งคนที่ลงนามซื้อตึกนี้ขณะนั้นคือ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ขณะนั้นเป็นเลขาธิการ สปส. ที่ตอนนี้เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน ที่เราอ้างชื่อหลายครั้งให้ออกมาตอบคำถามหลายๆ เรื่อง แต่ก็ไม่เคยออกมาตอบคำถามใดๆ คนนี้คีย์แมนสำคัญในการทำงานสำคัญในการทำงานของ สปส. ฝากถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และอดีต รมว.แรงงาน ขณะนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ดังนั้น รมว.แรงงาน คนปัจจุบัน ในฐานะเจ้ากระทรวง ควรตั้งกรรมการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้ ต้องการเห็นดำเนินการอย่างไรของ รมว.แรงงาน ปัจจุบัน น.ส.รักชนกกล่าวว่า แน่นอนว่าไม่ได้เกิดสมัยท่าน แต่ต้องปัดกวาดบ้านของท่าน มีสิ่งปฏิกูลในบ้านท่าน ก็เรียกร้องว่าท่านต้องทำอะไรบางอย่าง น้อยที่สุดคือตั้งกรรมการสอบก่อน



‘โรม’ งัดเอกสารสมัยปี 62‘วันนอร์’ชงเองญัตติมีชื่อคนนอก.
https://www.dailynews.co.th/news/4479554/

‘โรม’ งัดเอกสารสมัยปี 62‘วันนอร์’ชงเองญัตติมีชื่อคนนอก ถามลืมหรือตั้งใจโกหกตัวเองก็เคยทำมาก่อน ยันใส่ชื่อ ‘ทักษิณ’ ย่อมสามารถทำได้อยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน  โพสต์ภาพเอกสารสำเนา ญัตติด่วนของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร  สมัยเป็นสส. เมื่อปี 2562 ซึ่งขอให้ประธานสภาฯขณะนั้นตั้งคณะกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษา ตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูม อู่ตะเภา) และกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่