สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่น เราขอชี้แจงก่อนนะคะ ว่า..
"เราไม่มีเจตนาที่จะให้ เด็กๆ ไม่มีอนาคต หรือต้องการทำลายอนาคตของน้องๆ เพราะเราเข้าใจสังคม * สมัยนี้ * มากพอระดับหนึ่ง"
เรื่องที่จะเล่านี้เป็นการขอคำปรึกษาค่ะ เป็นเรื่องของคนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวเรามากๆๆๆ ขอเรียกแทนเขาว่า B
B ทำงานฝ่ายช่างอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่บริษัท A ตลอดหลายปีที่ผ่านมา B ทำงานที่นี่ในตำแหน่งช่างอิเล็กฯ และได้ทำหน้าที่สอนงานทั้งพนักงานทดลองงาน ทั้งวิศวะ ฝ่ายเซลส์ที่ต้องมาเรียนรู้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปขาย-ไปแนะนำสินค้าให้ลูกค้า ทั้งเด็กฝึกงาน ปวช.-ปวส. และทวิภาคี มามากมาย
เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่ พ.ย.2567 มีเด็กทวิภาคีจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางปู จำนวน 2 คน เข้ามาฝึกงานที่บริษัท A เด็ก 2 คนนี้ วันๆ เอาแต่รูดโทรศัพท์ นอนกลางวันเลยเวลาพักเบรก ตื่นขึ้นมาก็รูดโทรศัพท์ต่อไปอีกจนถึงบ่าย 2 เมื่อ B สอนและสั่งงาน เด็ก 2 คนก็ทำงานได้ไม่ตรงตามเป้าหมายงานที่ต้องทำให้เสร็จและงานก็ไม่ทันกำหนดส่ง ไม่มีความรับผิดชอบในงาน จับงานได้ 15 นาที รูดโทรศัพท์ไปอีก 2 ชั่วโมงนั่งดูหนังดูการ์ตูนหัวเราะฉ่ำ B ได้แจ้งให้ผู้ที่ตำแหน่งสูงกว่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว เด็กโดนเรียกไปตักเตือน แต่เด็กทำตัวแย่มากกว่าเดิม ไม่สนใจงาน สอนอะไรไม่ฟัง ไม่เข้าใจตรงไหน ก็ไม่ถาม และเมื่ออาจารย์มาลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่การเรียนรู้งานของลูกศิษย์ที่บริษัท A ถามไถ่ว่าเด็กอยู่ได้ไหม มีความสุขไหม คำตอบที่เด็กตอบคือ "อยู่แล้วไม่มีความสุข ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม?" และเมื่อถึงเวลาประเมินคะแนน เด็กขอคะแนนเยอะๆ แต่ B และผู้ประเมินอีกท่านหนึ่งก็ประเมินตามความเป็นจริงที่เขาเห็นตามพฤติกรรมของเด็ก เด็กนำใบประเมินไปส่งให้อาจารย์ อาจารย์แจ้งเด็กกลับมาว่า "ลูกศิษย์ตัวเองเรียนเก่ง ทำไมให้คะแนนน้อย ให้นำใบประเมินกลับมาให้ผู้ประเมิน ทำการประเมินใหม่" (เป็นคำพูดของเด็ก ไม่รู้อาจารย์พูดจริงหรือไม่?)
จากกรณีดังกล่าว ผู้สอนงานสามารถแจ้งให้ทางบริษัทฯ ส่งตัวเด็กฝึกงานทวิภาคีทั้ง 2 คน กลับวิทยาลัยฯ ไปได้ไหมคะ ในเมื่อเด็กไม่มีความรับผิดชอบหรือความใส่ใจที่จะเรียนรู้ใดๆ ในงานเลย
ขอเสริมค่ะ
โลกความเป็นจริง เวลาเรานั่งทำงาน หากงานยังไม่เสร็จ เราก็ควรมีความรับผิดชอบ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ และถ้ามีกำหนดเวลาส่งงาน เราก็ควรพยายามทำให้สุดความสามารถ เพื่อให้งานที่รับผิดชอบดำเนินไปให้ได้เปอร์เซ็นความสำเร็จสูงที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่า จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ไปกินกาแฟ ผ่อนคลาย ยืดเส้นสายไม่ได้เลย แต่ไม่ใช่มานั่งรูดโทรศัพท์ดูการ์ตูนดูหนังในเวลาทำงาน มันก็จริงที่หลายคนบอกกันว่า "เราตาย เขาก็หาคนใหม่" แต่ตอนนี้เรายังไม่ตาย และยังทำงานอยู่ เราควรมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง
เกิดมาเป็นคนไม่ต้องรอให้บรรลุนิติภาวะ ก็สามารถสร้างจิตสำนึก แยกแยะผิดชอบชั่วดี และมีความรับผิดชอบได้นะ สำหรับเรา เราเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมมากพอสมควร อะไรที่ควรทำเป็นทีม เราก็พูดตรงๆ ไปเลยว่างานควรทำเป็นทีมไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของคนใดคนหนึ่ง จะมาโยนงานให้เราทำคนเดียวไม่ได้นะ แต่พูดด้วยเหตุผล โตแล้วก็ควรเข้าใจสิ่งที่สื่อออกไป หรือ..อะไรที่จุดที่ 1 A ต้องรับผิดชอบ จุดที่ 2 B รับผิดชอบต่อ มีเวลาให้กันแค่ไหน ประชุมวางแผนการทำงานกัน แบ่งงานและกำหนดเวลาส่งงาน ทำงานให้เป็นระบบ ส่งงานให้ทันกำหนดเวลา หากไม่ทัน ควรแจ้งคนที่รอต่องานว่าติดอะไร แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือแจ้งไปยังคนที่สามารถแก้ไขปัญหาที่ติดขัดในงานจุดนั้นได้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้มันเกินเวลา แล้วมานั่งแก้ตัวน้ำขุ่นทีหลัง
ตอนเราทำงานประจำ เราตื่นมาตอนเช้า เวลาอาบน้ำ จะวางแผนแล้วว่าวันนี้เราจะทำงานอะไรบ้าง ทำความเข้าใจเนื้อหางานตัวเอง และรับผิดชอบวางแผนงานให้เป็นระบบ แล้วลงมือทำ แต่มันจะมีงานแทรก งานด่วน งานเร่ง เข้ามาตลอด แต่ถามว่างานรูทีนเสร็จทันไหม ทันค่ะ เราทำทัน (บอกไว้ก่อนนะ ว่าเราไม่ได้ทำตำแหน่งเดียวเหมือนตอนสมัครเข้าไป และเงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มให้)
แต่ทั้งนี้คือ..
คุณต้องเข้าใจเนื้อหางานที่ตัวเองรับผิดชอบ เข้าใจในตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง และวางแผนงาน ทำมันให้สำเร็จ แม้ว่าจะมีงานแทรก งานเร่ง งานรัดคอแค่ไหนก็ตาม การลงมือทำอะไร ถ้าไม่วางแผน มันก็ไม่สำเร็จ มันเป็นการท้าทายความสามารถตัวเองอย่างหนึ่ง และยังได้พัฒนาตัวเองไปอีกด้วย
ลองดูค่ะ สู้ๆ คุณทำได้!
เด็กทวิภาคี มาฝึกงาน แต่ไม่ทำงาน นั่งรูดโทรศัพท์ ส่งกลับได้ไหม???
ก่อนอื่น เราขอชี้แจงก่อนนะคะ ว่า..
"เราไม่มีเจตนาที่จะให้ เด็กๆ ไม่มีอนาคต หรือต้องการทำลายอนาคตของน้องๆ เพราะเราเข้าใจสังคม * สมัยนี้ * มากพอระดับหนึ่ง"
เรื่องที่จะเล่านี้เป็นการขอคำปรึกษาค่ะ เป็นเรื่องของคนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวเรามากๆๆๆ ขอเรียกแทนเขาว่า B
B ทำงานฝ่ายช่างอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่บริษัท A ตลอดหลายปีที่ผ่านมา B ทำงานที่นี่ในตำแหน่งช่างอิเล็กฯ และได้ทำหน้าที่สอนงานทั้งพนักงานทดลองงาน ทั้งวิศวะ ฝ่ายเซลส์ที่ต้องมาเรียนรู้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปขาย-ไปแนะนำสินค้าให้ลูกค้า ทั้งเด็กฝึกงาน ปวช.-ปวส. และทวิภาคี มามากมาย
เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่ พ.ย.2567 มีเด็กทวิภาคีจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางปู จำนวน 2 คน เข้ามาฝึกงานที่บริษัท A เด็ก 2 คนนี้ วันๆ เอาแต่รูดโทรศัพท์ นอนกลางวันเลยเวลาพักเบรก ตื่นขึ้นมาก็รูดโทรศัพท์ต่อไปอีกจนถึงบ่าย 2 เมื่อ B สอนและสั่งงาน เด็ก 2 คนก็ทำงานได้ไม่ตรงตามเป้าหมายงานที่ต้องทำให้เสร็จและงานก็ไม่ทันกำหนดส่ง ไม่มีความรับผิดชอบในงาน จับงานได้ 15 นาที รูดโทรศัพท์ไปอีก 2 ชั่วโมงนั่งดูหนังดูการ์ตูนหัวเราะฉ่ำ B ได้แจ้งให้ผู้ที่ตำแหน่งสูงกว่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว เด็กโดนเรียกไปตักเตือน แต่เด็กทำตัวแย่มากกว่าเดิม ไม่สนใจงาน สอนอะไรไม่ฟัง ไม่เข้าใจตรงไหน ก็ไม่ถาม และเมื่ออาจารย์มาลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่การเรียนรู้งานของลูกศิษย์ที่บริษัท A ถามไถ่ว่าเด็กอยู่ได้ไหม มีความสุขไหม คำตอบที่เด็กตอบคือ "อยู่แล้วไม่มีความสุข ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม?" และเมื่อถึงเวลาประเมินคะแนน เด็กขอคะแนนเยอะๆ แต่ B และผู้ประเมินอีกท่านหนึ่งก็ประเมินตามความเป็นจริงที่เขาเห็นตามพฤติกรรมของเด็ก เด็กนำใบประเมินไปส่งให้อาจารย์ อาจารย์แจ้งเด็กกลับมาว่า "ลูกศิษย์ตัวเองเรียนเก่ง ทำไมให้คะแนนน้อย ให้นำใบประเมินกลับมาให้ผู้ประเมิน ทำการประเมินใหม่" (เป็นคำพูดของเด็ก ไม่รู้อาจารย์พูดจริงหรือไม่?)
จากกรณีดังกล่าว ผู้สอนงานสามารถแจ้งให้ทางบริษัทฯ ส่งตัวเด็กฝึกงานทวิภาคีทั้ง 2 คน กลับวิทยาลัยฯ ไปได้ไหมคะ ในเมื่อเด็กไม่มีความรับผิดชอบหรือความใส่ใจที่จะเรียนรู้ใดๆ ในงานเลย
ขอเสริมค่ะ
โลกความเป็นจริง เวลาเรานั่งทำงาน หากงานยังไม่เสร็จ เราก็ควรมีความรับผิดชอบ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ และถ้ามีกำหนดเวลาส่งงาน เราก็ควรพยายามทำให้สุดความสามารถ เพื่อให้งานที่รับผิดชอบดำเนินไปให้ได้เปอร์เซ็นความสำเร็จสูงที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่า จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ไปกินกาแฟ ผ่อนคลาย ยืดเส้นสายไม่ได้เลย แต่ไม่ใช่มานั่งรูดโทรศัพท์ดูการ์ตูนดูหนังในเวลาทำงาน มันก็จริงที่หลายคนบอกกันว่า "เราตาย เขาก็หาคนใหม่" แต่ตอนนี้เรายังไม่ตาย และยังทำงานอยู่ เราควรมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง เกิดมาเป็นคนไม่ต้องรอให้บรรลุนิติภาวะ ก็สามารถสร้างจิตสำนึก แยกแยะผิดชอบชั่วดี และมีความรับผิดชอบได้นะ สำหรับเรา เราเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมมากพอสมควร อะไรที่ควรทำเป็นทีม เราก็พูดตรงๆ ไปเลยว่างานควรทำเป็นทีมไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของคนใดคนหนึ่ง จะมาโยนงานให้เราทำคนเดียวไม่ได้นะ แต่พูดด้วยเหตุผล โตแล้วก็ควรเข้าใจสิ่งที่สื่อออกไป หรือ..อะไรที่จุดที่ 1 A ต้องรับผิดชอบ จุดที่ 2 B รับผิดชอบต่อ มีเวลาให้กันแค่ไหน ประชุมวางแผนการทำงานกัน แบ่งงานและกำหนดเวลาส่งงาน ทำงานให้เป็นระบบ ส่งงานให้ทันกำหนดเวลา หากไม่ทัน ควรแจ้งคนที่รอต่องานว่าติดอะไร แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือแจ้งไปยังคนที่สามารถแก้ไขปัญหาที่ติดขัดในงานจุดนั้นได้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้มันเกินเวลา แล้วมานั่งแก้ตัวน้ำขุ่นทีหลัง
ตอนเราทำงานประจำ เราตื่นมาตอนเช้า เวลาอาบน้ำ จะวางแผนแล้วว่าวันนี้เราจะทำงานอะไรบ้าง ทำความเข้าใจเนื้อหางานตัวเอง และรับผิดชอบวางแผนงานให้เป็นระบบ แล้วลงมือทำ แต่มันจะมีงานแทรก งานด่วน งานเร่ง เข้ามาตลอด แต่ถามว่างานรูทีนเสร็จทันไหม ทันค่ะ เราทำทัน (บอกไว้ก่อนนะ ว่าเราไม่ได้ทำตำแหน่งเดียวเหมือนตอนสมัครเข้าไป และเงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มให้)
แต่ทั้งนี้คือ..คุณต้องเข้าใจเนื้อหางานที่ตัวเองรับผิดชอบ เข้าใจในตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง และวางแผนงาน ทำมันให้สำเร็จ แม้ว่าจะมีงานแทรก งานเร่ง งานรัดคอแค่ไหนก็ตาม การลงมือทำอะไร ถ้าไม่วางแผน มันก็ไม่สำเร็จ มันเป็นการท้าทายความสามารถตัวเองอย่างหนึ่ง และยังได้พัฒนาตัวเองไปอีกด้วย
ลองดูค่ะ สู้ๆ คุณทำได้!