ใครที่สนใจเกี่ยวกับงานออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นซองขนม กระป๋องน้ำ และอื่น ๆ JobThai Tips อยากให้ทุกคนได้อ่านกระทู้นี้ เพราะเราจะพาไปคุยกับพี่เอ้ ธัญกมล อุทัยธรรม และพี่ปูน มีมาศ ฤทธิรักษ์ Brand Designer ของบริษัทชื่อดังระดับโลกอย่าง PepsiCo
ดูสัมภาษณ์พี่เอ้และพี่ปูนแบบเต็ม ๆ ได้ที่ >
คลิก<
Brand Designer คืออะไร ต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง
เอ้: ถ้าเป็น Graphic Designer คือเราสามารถออกแบบ วาดรูป หรือทำอะไรก็ได้ให้มันสร้างสรรค์งานออกมาให้สวย ๆ แต่การเป็น Brand Designer จะต้องดูภาพรวมของแบรนด์ ต้องรู้ว่าแบรนด์ของเรามีบุคลิกลักษณะยังไง เอาไปใช้ได้แบบไหน มีข้อจำกัดอะไรที่ไม่ควรทำอะไรบ้าง หรือเราทดลองเอาชิ้นงาน 1 ชิ้นไปปรับเป็นอะไรได้บ้าง เช่น หลังจากออกแบบงานแล้ว งานกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปใช้บนสื่ออะไรได้บ้าง หรือแม้กระทั่งสินค้าที่เป็นพวกของฝากหรือกระเป๋า ปกติแล้วเราเป็น Graphic Designer จะนั่งอยู่แค่หน้าจอ แต่ถ้าเป็น Brand Designer เราต้องถอยออกมาอีก โดยดูภาพรวมว่ามันจะเป็นยังไง เวลาจะทำอะไรออกมาก็จะต้องคิดว่า แล้วเราไปใช้บนป้ายโฆษณาตรงนั้นตรงนี้ได้ไหม
จะสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาสักชิ้น มีขั้นตอนยังไง ต้องคุยกับใครบ้าง
ปูน: ที่จริงก็เริ่มมาจากทางฝ่ายการตลาด เขาจะมีไอเดียมาบรีฟให้เราฟัง แล้วทางทีมออกแบบ ส่วนใหญ่ก็จะเอาบรีฟมาวิเคราะห์ดูรายละเอียดว่าบรีฟนี้โอเคไหม เข้าใจรึเปล่า ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปคุยกับฝ่ายการตลาด แล้วก็เสนอว่าบรีฟอย่างนี้มันต้องทำอย่างนี้ดีกว่าไหม เพื่อที่จะต่อยอดได้อีก
เอ้: ดูว่าการตลาดเห็นว่าเราควรจะปล่อยผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบนี้ไหม สมมติเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เลย เขาก็บอกว่าต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายประเทศนี้ แล้วคนเหล่านี้มีลักษณะหรือนิสัยแบบไหน หลังจากนั้นเราก็จะเข้าขั้นตอนระดมความคิด คุยกันว่าใครรับผิดชอบส่วนไหน แล้วเราก็จะมาดูว่าเราจะไปทางไหนบ้าง เพราะว่าการทำงานออกแบบมันมีหลายช่องทางในการทำ หลายสไตล์ ทีนี้เข้าสู่กระบวนการออกแบบ แรกเริ่มก็จะเป็นเรื่องของการสเก็ตช์ แล้วก็นอกจากสเก็ตช์ ก็ต้องมีภาพหรือข้อมูลอ้างอิงแปะไปให้ดูด้วย เพราะว่าบางคนอาจจะดูสเก็ตช์เราไม่ออก อาจจะเขียนอธิบายนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เข้าไปเสนอฝ่ายการตลาด ซึ่งอาจจะเป็นรอบสเก็ตช์ตั้งแต่ตอนแรก หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการออกแบบลงคอมพิวเตอร์ มีคอมเมนต์ไปกลับ เราก็มีหน้าที่ปรับแก้ แล้วก็จะมีการทำ Mock-up ขึ้นมา ทางการตลาดจะเอา Mock-up พวกนี้ไปทำ Consumer Test ว่ารู้สึกยังไง คิดยังไง อันไหนสวย อาจจะไม่ได้มีชิ้นงาน Final อันเดียว มันอาจจะมี 2 หรือ 3 อันขึ้นไป หลังจากรอบนั้นเราก็จะเก็บพวกคอมเมนต์หรือความคิดเห็นจากกลุ่มที่เราโฟกัสเอามาปรับแก้ในงานออกแบบด้วย
ปูน: จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ (Printing Production) แล้วก็ส่งไปให้ทางเอเจนซี่ให้เขาปรับแก้ไฟล์เป็นไฟล์ที่พิมพ์ได้ แล้วเขาก็จะส่งกลับมาให้เราอีกทีหนึ่ง เพื่อที่จะให้เราเช็กว่าโอเครึเปล่า จากนั้นก็ไปดูการผลิตที่โรงงาน แต่ว่าถ้าสมมติเราอยากได้คุณภาพจริง ๆ งานใหญ่จริง ๆ เราจะเสนอไปว่าเราขอดูการผลิตด้วยตัวเองซึ่งระหว่างนั้นมันอาจจะมีการถ่ายงานด้วย จะเกี่ยวกับพวกการผลิตหรืออาหารค่ะ
การออกแบบของผลิตภัณฑ์ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคยังไงบ้าง
เอ้: เปรียบเทียบให้แบบง่าย ๆ เลย สมมติว่าเราโสด แล้วมองหาใครสักคน เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนคนนั้นเขาจะนิสัยยังไง หรือลึก ๆ แล้วเขาเป็นยังไง แต่สิ่งที่เราเห็นอย่างแรกเลยคือหน้าตา ผมเผ้า การแต่งกายของเขา หรือ First Impression เรามีหน้าที่ที่จะสร้างสรรค์การแต่งกาย จับอะไรมาแมตช์ตรงไหน ยังไง เพื่อสื่อถึงความเป็นตัวเรา แต่ละคนมีลักษณะและบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน ถ้าฉันสไตล์จัด ๆ สีจี๊ดจ๊าด ฉันก็แต่งตัวแบบนั้น กับบรรจุภัณฑ์ก็เหมือนกันค่ะ เราจะดึงดูดผู้บริโภคยังไง
Brand Designer ต้องมี Hard Skills และ Soft Skills อะไรบ้าง
เอ้และปูน: Hard Skills แน่นอนว่าต้องมี Adobe Illustrator, Adobe Photoshop นี่คือต้องใช้เป็น ถึงแม้ในยุคปัจจุบันเขาจะมี Procreate หรือว่าโปรแกรมอื่น ๆ ที่ใช้ได้ แต่ว่าคนที่เราทำงานด้วย เขายังใช้ 2 โปรแกรมนี้อยู่เป็นหลัก ทักษะอีกอย่างคือการวาดรูปเป็นพื้นฐาน แต่ว่ามันไม่มีคำว่าอันไหนสวย ไม่สวย มันมีเรื่องของสไตล์ บางคนอาจจะถนัดแบบนี้ คนคนหนึ่งไม่ต้องเก่งไปทุกอย่างก็ได้ ตั้งแต่เข้า PepsiCo มาทักษะการวาดรูปพัฒนาขึ้นเยอะมาก เพราะว่าตอนที่เริ่มทำนี่คือพูดจริง ๆ ว่าเป็นก้างปลา ปกติเราจะสเก็ตช์แล้วดูเอง แต่อันนี้สเก็ตช์แล้วนำเสนอ
สำหรับคนที่จะทำงานสายออกแบบ นอกจากทักษะแล้ว ต้องมีความสนใจแล้วก็ความชอบในเรื่องของการออกแบบ แล้วก็ความช่างสังเกตเป็นสิ่งที่ต้องมีมาก ๆ ไม่ว่าเราเดินไปไหน ทำอะไร ใครแต่งตัวแบบไหน ไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์ เราต้องสังเกตไปถึงผู้คนด้วย ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน โดยปกติคนจะถนัดขวา สิ่งพวกนี้มันจำเป็นต่อการออกแบบมาก ๆ เพราะเวลาเราจะออกแบบ เราต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเรา ต้องมี Passion จริง ๆ ไม่ใช่แค่หยุดอยู่ที่เดียว แต่ว่าอยากที่จะพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ด้วย
แล้วก็การเสพงานออกแบบ เป็นอะไรที่ต้องทำทุกวัน สมมติเราไม่มีโอกาสได้ไปพวกนิทรรศการอะไรต่าง ๆ ก็จะชอบเข้าไปดูว่า เขาทำอะไรกัน โลกใบนี้ไปถึงไหนแล้ว เวทีนี้เขามีคนได้รางวัล มีรางวัลอะไรบ้าง เขาทำอะไรประมาณไหน อันนี้ต้องอัปเดตเรื่อย ๆ เป็นไปได้ก็คือทุกวัน แต่ถ้าไม่ได้ก็คือบ่อย ๆ เอาที่มีเวลา แต่อย่างเราจะได้ทำอยู่เรื่อย ๆ เพราะว่าเราจะต้องหาข้อมูลอ้างอิง หรือว่าไอเดีย แรงบันดาลใจ ไปช้อปปิ้ง ไปดูว่าการจัดหน้าร้านเขาเป็นยังไงกัน การจัดอีเวนต์ในห้างเป็นยังไง เขาใช้สี จับคู่ชุดสีอะไร มันดูได้หมด
ความท้าทายในการทำงานสาย Brand Designer คืออะไร
เอ้: ทุก ๆ ปีมันจะมีโปรเจกต์ที่เราจะเปิดตัวในโอกาสต่าง ๆ สมมติว่าเราทำไปแล้วในปีแรกและปีที่สองเราก็ทำ ซึ่งต้องต่างกับปีแรก ทำยังไงให้ยังคงเป็นที่น่าสนใจอยู่
ปูน: อีกความท้าทายหนึ่งก็คือเวลา มันท้าทายเราด้วยที่ว่าถ้ามีไทม์ไลน์ยาวขึ้น เราก็จะเริ่มขี้เกียจ ค่อย ๆ คิด แต่ว่าอันนี้คือค่อนข้างบีบ แต่ว่ามันเป็นความบีบที่เราต้องกระตือรือร้นและจัดการให้ทันเวลา
น้อง ๆ นักเรียนหรือนักศึกษาที่อยากเป็น Brand Designer ควรเริ่มต้นยังไงดี
เอ้: อยากเป็นนักออกแบบแขนงไหน มีหลายแขนงมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าเป็นนักออกแบบอย่างที่เอ้กับพี่ปูนเป็น Brand Designer หรือ Graphic Designer เราเรียนอะไรก็ได้ แต่ก็คืออยากให้อยู่ในพื้นฐานการออกแบบ
ปูน: จริง ๆ ถ้าเป็นน้องมัธยม แนะนำว่าให้ไปทำ Workshop เยอะ ๆ เพราะว่ามันจะเริ่มรู้ว่าเราชอบแบบนี้หรือไม่ชอบ ไปอีเวนต์ พวก Illustrator Event ไปดูว่าเราชอบรึเปล่า หรือเราชอบอย่างอื่น มหาวิทยาลัยปี 1 ปี 2 จริง ๆ คือเรียนพื้นฐานเหมือนกันหมด พวกองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบกราฟิกหรือสถาปัตย์ หรืออะไรก็ตาม เราจะรู้ตัวหลังจบแล้วด้วยซ้ำ
เอ้และปูน: สำหรับน้อง ๆ มหาวิทยาลัย การฝึกงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ มันไม่ใช่แค่เรามีโอกาสทำงานจริง ๆ แต่ว่าเราเหมือนเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปในบริษัทแล้ว แต่ว่าเรายังมีการที่จะตัดสินใจภายหลังด้วยว่าเราชอบงานที่บริษัทนี้รึเปล่า แต่อย่างน้อยก็ทำให้บริษัทนั้นได้เห็นว่าเรามีศักยภาพนะ หรือว่าเราพร้อม อยากมาทำ สมมติเรากำลังจะจบ อย่างน้อยเราก็มีพอร์ตฯ แล้ว มันมีอีเวนต์พวกให้ Art Director คนดัง ๆ คนที่อยู่ในสังคมนั้นที่หลาย ๆ คนรู้จักจะมาดูเพื่อจะตามหาเด็กฝึกงาน ดังนั้นลองค้นหาดูว่ามันมีอีเวนต์ยังไงที่ไหนบ้าง เราไม่เสียหายอะไร เราอยากให้เขาเห็นพอร์ตฯ เห็นผลงานเรา ก็ไปเข้าร่วมเลย
ตำแหน่ง Brand Designer ต้องการเตรียมตัวสมัครงานยังไงบ้าง ควรใส่อะไรในเรซูเม่ให้น่าสนใจ
เอ้: สิ่งหนึ่งเลยที่รู้สึกว่าอยากจะให้ทริกน้อง ๆ หรือคนอื่น ๆ คือว่าถ้าการทำงานของเรามีระยะเวลานานมากจากที่เก่าและเรามีผลงานเยอะมาก ๆ เราก็เลือกที่ดีที่สุด Top 10, Top 5 ก็ได้
ปูน: คนที่สัมภาษณ์เขาจะมีเวลาน้อย ไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาจะรีบดู แล้วถ้าสมมติเราโชว์ไปเยอะ เขาก็ไม่รู้ว่าอันไหนที่ดีที่สุด เราก็เลือกไปให้เขาเลย อย่างพี่ตอนเข้า PepsiCo ก็เตรียมไปประมาณสัก 5 อัน แต่เป็น 5 อันที่เรามี Mock-up มาด้วย เป็นผลิตภัณฑ์จริงมาด้วย แล้วก็อธิบายละเอียด และถ้าสมมติจะมาสมัคร PepsiCo โดยตรง อย่างแรกที่ต้องมีคือพูดภาษาอังกฤษได้
ถ้าเป็นที่นี่เขาจะมองคำว่า Design360 ก็คือไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์หรือว่าด้านกราฟิกอย่างเดียว แต่ 360 หมายถึงการที่จะเริ่มจากหนึ่งแล้วคุณคิดไปเป็นลูป เป็นอีเวนต์ด้วย ส่งเสริมการขายด้วย งานนี้เราทำแค่บรรจุภัณฑ์ก็จริง แต่ว่าเราเพิ่มเติมโดยการที่เอาเรื่องการส่งเสริมการขายมาใส่ คือจะเห็นว่าฉันชอบคิด ออกแบบกราฟิก แต่ว่าชอบคิดที่จะต่อยอดด้วย แบบ Three-sixty Design
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และสนใจอยากทำงาน Brand Designer ห้ามพลาดเนื้อหาดี ๆ จากการพูดคุยกับพี่เอ้ พี่ปูน สามารถเข้าไปดูสัมภาษณ์เต็ม ๆ ได้ที่ >
คลิก<
อยากทำงานเกี่ยวกับออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องเริ่มยังไงคะ
เอ้: ถ้าเป็น Graphic Designer คือเราสามารถออกแบบ วาดรูป หรือทำอะไรก็ได้ให้มันสร้างสรรค์งานออกมาให้สวย ๆ แต่การเป็น Brand Designer จะต้องดูภาพรวมของแบรนด์ ต้องรู้ว่าแบรนด์ของเรามีบุคลิกลักษณะยังไง เอาไปใช้ได้แบบไหน มีข้อจำกัดอะไรที่ไม่ควรทำอะไรบ้าง หรือเราทดลองเอาชิ้นงาน 1 ชิ้นไปปรับเป็นอะไรได้บ้าง เช่น หลังจากออกแบบงานแล้ว งานกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปใช้บนสื่ออะไรได้บ้าง หรือแม้กระทั่งสินค้าที่เป็นพวกของฝากหรือกระเป๋า ปกติแล้วเราเป็น Graphic Designer จะนั่งอยู่แค่หน้าจอ แต่ถ้าเป็น Brand Designer เราต้องถอยออกมาอีก โดยดูภาพรวมว่ามันจะเป็นยังไง เวลาจะทำอะไรออกมาก็จะต้องคิดว่า แล้วเราไปใช้บนป้ายโฆษณาตรงนั้นตรงนี้ได้ไหม
จะสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาสักชิ้น มีขั้นตอนยังไง ต้องคุยกับใครบ้าง
ปูน: ที่จริงก็เริ่มมาจากทางฝ่ายการตลาด เขาจะมีไอเดียมาบรีฟให้เราฟัง แล้วทางทีมออกแบบ ส่วนใหญ่ก็จะเอาบรีฟมาวิเคราะห์ดูรายละเอียดว่าบรีฟนี้โอเคไหม เข้าใจรึเปล่า ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปคุยกับฝ่ายการตลาด แล้วก็เสนอว่าบรีฟอย่างนี้มันต้องทำอย่างนี้ดีกว่าไหม เพื่อที่จะต่อยอดได้อีก
เอ้: ดูว่าการตลาดเห็นว่าเราควรจะปล่อยผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบนี้ไหม สมมติเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เลย เขาก็บอกว่าต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายประเทศนี้ แล้วคนเหล่านี้มีลักษณะหรือนิสัยแบบไหน หลังจากนั้นเราก็จะเข้าขั้นตอนระดมความคิด คุยกันว่าใครรับผิดชอบส่วนไหน แล้วเราก็จะมาดูว่าเราจะไปทางไหนบ้าง เพราะว่าการทำงานออกแบบมันมีหลายช่องทางในการทำ หลายสไตล์ ทีนี้เข้าสู่กระบวนการออกแบบ แรกเริ่มก็จะเป็นเรื่องของการสเก็ตช์ แล้วก็นอกจากสเก็ตช์ ก็ต้องมีภาพหรือข้อมูลอ้างอิงแปะไปให้ดูด้วย เพราะว่าบางคนอาจจะดูสเก็ตช์เราไม่ออก อาจจะเขียนอธิบายนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เข้าไปเสนอฝ่ายการตลาด ซึ่งอาจจะเป็นรอบสเก็ตช์ตั้งแต่ตอนแรก หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการออกแบบลงคอมพิวเตอร์ มีคอมเมนต์ไปกลับ เราก็มีหน้าที่ปรับแก้ แล้วก็จะมีการทำ Mock-up ขึ้นมา ทางการตลาดจะเอา Mock-up พวกนี้ไปทำ Consumer Test ว่ารู้สึกยังไง คิดยังไง อันไหนสวย อาจจะไม่ได้มีชิ้นงาน Final อันเดียว มันอาจจะมี 2 หรือ 3 อันขึ้นไป หลังจากรอบนั้นเราก็จะเก็บพวกคอมเมนต์หรือความคิดเห็นจากกลุ่มที่เราโฟกัสเอามาปรับแก้ในงานออกแบบด้วย
ปูน: จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ (Printing Production) แล้วก็ส่งไปให้ทางเอเจนซี่ให้เขาปรับแก้ไฟล์เป็นไฟล์ที่พิมพ์ได้ แล้วเขาก็จะส่งกลับมาให้เราอีกทีหนึ่ง เพื่อที่จะให้เราเช็กว่าโอเครึเปล่า จากนั้นก็ไปดูการผลิตที่โรงงาน แต่ว่าถ้าสมมติเราอยากได้คุณภาพจริง ๆ งานใหญ่จริง ๆ เราจะเสนอไปว่าเราขอดูการผลิตด้วยตัวเองซึ่งระหว่างนั้นมันอาจจะมีการถ่ายงานด้วย จะเกี่ยวกับพวกการผลิตหรืออาหารค่ะ
การออกแบบของผลิตภัณฑ์ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคยังไงบ้าง
เอ้: เปรียบเทียบให้แบบง่าย ๆ เลย สมมติว่าเราโสด แล้วมองหาใครสักคน เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนคนนั้นเขาจะนิสัยยังไง หรือลึก ๆ แล้วเขาเป็นยังไง แต่สิ่งที่เราเห็นอย่างแรกเลยคือหน้าตา ผมเผ้า การแต่งกายของเขา หรือ First Impression เรามีหน้าที่ที่จะสร้างสรรค์การแต่งกาย จับอะไรมาแมตช์ตรงไหน ยังไง เพื่อสื่อถึงความเป็นตัวเรา แต่ละคนมีลักษณะและบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน ถ้าฉันสไตล์จัด ๆ สีจี๊ดจ๊าด ฉันก็แต่งตัวแบบนั้น กับบรรจุภัณฑ์ก็เหมือนกันค่ะ เราจะดึงดูดผู้บริโภคยังไง
Brand Designer ต้องมี Hard Skills และ Soft Skills อะไรบ้าง
เอ้และปูน: Hard Skills แน่นอนว่าต้องมี Adobe Illustrator, Adobe Photoshop นี่คือต้องใช้เป็น ถึงแม้ในยุคปัจจุบันเขาจะมี Procreate หรือว่าโปรแกรมอื่น ๆ ที่ใช้ได้ แต่ว่าคนที่เราทำงานด้วย เขายังใช้ 2 โปรแกรมนี้อยู่เป็นหลัก ทักษะอีกอย่างคือการวาดรูปเป็นพื้นฐาน แต่ว่ามันไม่มีคำว่าอันไหนสวย ไม่สวย มันมีเรื่องของสไตล์ บางคนอาจจะถนัดแบบนี้ คนคนหนึ่งไม่ต้องเก่งไปทุกอย่างก็ได้ ตั้งแต่เข้า PepsiCo มาทักษะการวาดรูปพัฒนาขึ้นเยอะมาก เพราะว่าตอนที่เริ่มทำนี่คือพูดจริง ๆ ว่าเป็นก้างปลา ปกติเราจะสเก็ตช์แล้วดูเอง แต่อันนี้สเก็ตช์แล้วนำเสนอ
สำหรับคนที่จะทำงานสายออกแบบ นอกจากทักษะแล้ว ต้องมีความสนใจแล้วก็ความชอบในเรื่องของการออกแบบ แล้วก็ความช่างสังเกตเป็นสิ่งที่ต้องมีมาก ๆ ไม่ว่าเราเดินไปไหน ทำอะไร ใครแต่งตัวแบบไหน ไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์ เราต้องสังเกตไปถึงผู้คนด้วย ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน โดยปกติคนจะถนัดขวา สิ่งพวกนี้มันจำเป็นต่อการออกแบบมาก ๆ เพราะเวลาเราจะออกแบบ เราต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเรา ต้องมี Passion จริง ๆ ไม่ใช่แค่หยุดอยู่ที่เดียว แต่ว่าอยากที่จะพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ด้วย
แล้วก็การเสพงานออกแบบ เป็นอะไรที่ต้องทำทุกวัน สมมติเราไม่มีโอกาสได้ไปพวกนิทรรศการอะไรต่าง ๆ ก็จะชอบเข้าไปดูว่า เขาทำอะไรกัน โลกใบนี้ไปถึงไหนแล้ว เวทีนี้เขามีคนได้รางวัล มีรางวัลอะไรบ้าง เขาทำอะไรประมาณไหน อันนี้ต้องอัปเดตเรื่อย ๆ เป็นไปได้ก็คือทุกวัน แต่ถ้าไม่ได้ก็คือบ่อย ๆ เอาที่มีเวลา แต่อย่างเราจะได้ทำอยู่เรื่อย ๆ เพราะว่าเราจะต้องหาข้อมูลอ้างอิง หรือว่าไอเดีย แรงบันดาลใจ ไปช้อปปิ้ง ไปดูว่าการจัดหน้าร้านเขาเป็นยังไงกัน การจัดอีเวนต์ในห้างเป็นยังไง เขาใช้สี จับคู่ชุดสีอะไร มันดูได้หมด
ความท้าทายในการทำงานสาย Brand Designer คืออะไร
เอ้: ทุก ๆ ปีมันจะมีโปรเจกต์ที่เราจะเปิดตัวในโอกาสต่าง ๆ สมมติว่าเราทำไปแล้วในปีแรกและปีที่สองเราก็ทำ ซึ่งต้องต่างกับปีแรก ทำยังไงให้ยังคงเป็นที่น่าสนใจอยู่
ปูน: อีกความท้าทายหนึ่งก็คือเวลา มันท้าทายเราด้วยที่ว่าถ้ามีไทม์ไลน์ยาวขึ้น เราก็จะเริ่มขี้เกียจ ค่อย ๆ คิด แต่ว่าอันนี้คือค่อนข้างบีบ แต่ว่ามันเป็นความบีบที่เราต้องกระตือรือร้นและจัดการให้ทันเวลา
น้อง ๆ นักเรียนหรือนักศึกษาที่อยากเป็น Brand Designer ควรเริ่มต้นยังไงดี
เอ้: อยากเป็นนักออกแบบแขนงไหน มีหลายแขนงมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าเป็นนักออกแบบอย่างที่เอ้กับพี่ปูนเป็น Brand Designer หรือ Graphic Designer เราเรียนอะไรก็ได้ แต่ก็คืออยากให้อยู่ในพื้นฐานการออกแบบ
ปูน: จริง ๆ ถ้าเป็นน้องมัธยม แนะนำว่าให้ไปทำ Workshop เยอะ ๆ เพราะว่ามันจะเริ่มรู้ว่าเราชอบแบบนี้หรือไม่ชอบ ไปอีเวนต์ พวก Illustrator Event ไปดูว่าเราชอบรึเปล่า หรือเราชอบอย่างอื่น มหาวิทยาลัยปี 1 ปี 2 จริง ๆ คือเรียนพื้นฐานเหมือนกันหมด พวกองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบกราฟิกหรือสถาปัตย์ หรืออะไรก็ตาม เราจะรู้ตัวหลังจบแล้วด้วยซ้ำ
เอ้และปูน: สำหรับน้อง ๆ มหาวิทยาลัย การฝึกงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ มันไม่ใช่แค่เรามีโอกาสทำงานจริง ๆ แต่ว่าเราเหมือนเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปในบริษัทแล้ว แต่ว่าเรายังมีการที่จะตัดสินใจภายหลังด้วยว่าเราชอบงานที่บริษัทนี้รึเปล่า แต่อย่างน้อยก็ทำให้บริษัทนั้นได้เห็นว่าเรามีศักยภาพนะ หรือว่าเราพร้อม อยากมาทำ สมมติเรากำลังจะจบ อย่างน้อยเราก็มีพอร์ตฯ แล้ว มันมีอีเวนต์พวกให้ Art Director คนดัง ๆ คนที่อยู่ในสังคมนั้นที่หลาย ๆ คนรู้จักจะมาดูเพื่อจะตามหาเด็กฝึกงาน ดังนั้นลองค้นหาดูว่ามันมีอีเวนต์ยังไงที่ไหนบ้าง เราไม่เสียหายอะไร เราอยากให้เขาเห็นพอร์ตฯ เห็นผลงานเรา ก็ไปเข้าร่วมเลย
ตำแหน่ง Brand Designer ต้องการเตรียมตัวสมัครงานยังไงบ้าง ควรใส่อะไรในเรซูเม่ให้น่าสนใจ
เอ้: สิ่งหนึ่งเลยที่รู้สึกว่าอยากจะให้ทริกน้อง ๆ หรือคนอื่น ๆ คือว่าถ้าการทำงานของเรามีระยะเวลานานมากจากที่เก่าและเรามีผลงานเยอะมาก ๆ เราก็เลือกที่ดีที่สุด Top 10, Top 5 ก็ได้
ปูน: คนที่สัมภาษณ์เขาจะมีเวลาน้อย ไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาจะรีบดู แล้วถ้าสมมติเราโชว์ไปเยอะ เขาก็ไม่รู้ว่าอันไหนที่ดีที่สุด เราก็เลือกไปให้เขาเลย อย่างพี่ตอนเข้า PepsiCo ก็เตรียมไปประมาณสัก 5 อัน แต่เป็น 5 อันที่เรามี Mock-up มาด้วย เป็นผลิตภัณฑ์จริงมาด้วย แล้วก็อธิบายละเอียด และถ้าสมมติจะมาสมัคร PepsiCo โดยตรง อย่างแรกที่ต้องมีคือพูดภาษาอังกฤษได้
ถ้าเป็นที่นี่เขาจะมองคำว่า Design360 ก็คือไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์หรือว่าด้านกราฟิกอย่างเดียว แต่ 360 หมายถึงการที่จะเริ่มจากหนึ่งแล้วคุณคิดไปเป็นลูป เป็นอีเวนต์ด้วย ส่งเสริมการขายด้วย งานนี้เราทำแค่บรรจุภัณฑ์ก็จริง แต่ว่าเราเพิ่มเติมโดยการที่เอาเรื่องการส่งเสริมการขายมาใส่ คือจะเห็นว่าฉันชอบคิด ออกแบบกราฟิก แต่ว่าชอบคิดที่จะต่อยอดด้วย แบบ Three-sixty Design
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และสนใจอยากทำงาน Brand Designer ห้ามพลาดเนื้อหาดี ๆ จากการพูดคุยกับพี่เอ้ พี่ปูน สามารถเข้าไปดูสัมภาษณ์เต็ม ๆ ได้ที่ >คลิก<