สาหัสจริงๆรอบนี้
10 ล้อ อีสานอ่วมถูกยึด 2 หมื่นคัน งานขนส่งหด-รถล้น-แย่งกันตัดราคาเดือด
ธุรกิจรถบรรทุกอีสานโคม่า ล้มหายไปจากระบบกว่า 20% หรือ 20,000 คัน เหตุงานขนส่งสินค้าเกษตรหด จำนวนรถบรรทุกมากกว่าสินค้า แย่งงาน ตัดราคากันเดือด ไร้งาน ไร้เงินส่งค่างวด รถถูกยึด ขณะที่ต้นทุนน้ำมันพุ่ง วอนรัฐคุมราคาน้ำมัน เร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เกษตรกร
นายพีระพล บุญชิณวงศ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์รถบรรทุกสินค้าภาคอีสานในขณะนี้ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ รายได้ไม่ดี ผู้ประกอบการรถบรรทุกทั้งระบบในภาคอีสานมากกว่า 1 แสนคัน ต้องโดนยึดรถ และทิ้งงวดรถไปจำนวนมากกว่า 20% หรือมากกว่า 20,000 คันที่ล้มหายไปจากระบบ เพราะไม่มีกำลังในการผ่อนรถ
เกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น จาก 30 บาทต่อลิตร เป็น 33.50 บาทต่อลิตร ทำให้เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและไม่มีการลดราคาน้ำมันลงมาอีก ซึ่งผู้ว่าจ้างก็ไม่ได้ปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นให้กับผู้ขนส่งรถบรรทุก ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ภาคอีสานการขนส่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าอันดับแรก รองลงมาจะเป็นวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรอุตสาหกรรม เมื่อผลผลิตของสินค้าเกษตรออกสู่ท้องตลาดน้อยมาก เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ลดลงทุกปี ทำให้มีรถบรรทุกมากกว่าสินค้าที่จะขนส่ง หรือรถล้นตลาด แต่หากผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตรที่ตนเองทำธุรกิจควบคู่อยู่แล้ว ก็พอประคับประคองอยู่ได้ แต่ถ้าวิ่งรถรับจ้าง 100% และสายป่านไม่ยาว ก็ล้มหาย เลิกธุรกิจ โดนยึดรถบรรทุกไปจำนวนมาก
“ปัญหาเรื่องปริมาณและคุณภาพของสินค้าเกษตรต่อไร่ลดลงทุกปี รัฐบาลต้องเข้ามาสนับสนุนและให้ความรู้เกษตรกรให้มีผลผลิตที่ได้คุณภาพ และมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาสินค้าเกษตรลดลงมากกว่า 20% หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก ยกตัวอย่าง ข้าวที่เคยปลูกได้ 1 ตันต่อไร่ ตอนนี้เหลืออยู่ 200-300 กก.ต่อไร่ ตรงนี้ก็มีส่วนทำให้เกิดผลพวงกระทบทั้งระบบ”
นายพีระพลกล่าวต่อไปว่า ในอดีตไฟแนนซ์ไม่เข้มงวดให้สินเชื่อรถบรรทุกออกมาง่าย ๆ ดาวน์ในราคา 0 บาทหรือดาวน์น้อยมาก ทำให้จำนวนรถบรรทุกล้นตลาดถึงทุกวันนี้ เกิดการแข่งขันด้านราคา ตัดราคากันในตลาด เกิดผลกระทบมาก เมื่อไม่มีงาน สุดท้ายรถต้องโดนยึด
ADVERTISMENT
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์การประกอบธุรกิจรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั่วประเทศ โดยเฉพาะรถ 10 ล้อ และรถบรรทุกพ่วงที่รับจ้างขนส่งสินค้าทั่วไปชะลอตัวลงมาก
โดยเฉพาะผู้ประกอบการอิสระ และกลุ่มผู้ประกอบรถขนส่งทางภาคอีสานจะได้รับผลกระทบหนักกว่าภาคอื่น ๆ เพราะสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าหลักในการขนส่งมีปริมาณลดลง มีผู้ประกอบการบางรายถึงขั้นประกาศขายรถบรรทุก 10 ล้อพ่วงยกลอตประมาณกว่า 10 คัน ในราคาที่ถูก แต่ยังไม่มีผู้แสดงความสนใจซื้อ ขณะที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกที่มีคู่ค้าประจำเป็นโรงงานผลิต และบริษัทจัดจำหน่าย แม้งานจะลดลง แต่ยังสามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจไว้ได้ เพื่อรอให้ธุรกิจฟื้นตัวขึ้น
“ตอนนี้การรับงานบรรทุกขนส่งสินค้าได้ชะลอตัวลงมาก เช่น รถที่ขนส่งสินค้ากลุ่มเศษเหล็กที่เคยมีผู้ว่าจ้าง 15 เที่ยว/วัน ตอนนี้เหลือประมาณ 5-6 เที่ยว/วัน หรือน้อยกว่านั้น ยิ่งรถบรรทุกสินค้าเกษตรในภาคอีสานยิ่งหนัก การจ้างบรรทุกลดลง ต่างกับรถบรรทุกในภาคใต้ที่ยังพอไปได้ เพราะพืชเศรษฐกิจราคาดี ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน รวมถึงภาคอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าประมงยังมีทิศทางที่ดี” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากผู้ค้ารถมือสองในภาคใต้เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์การค้ารถมือสองไม่ดี เนื่องจากไฟแนนซ์วางมาตรการในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด เนื่องจากผู้ซื้อศักยภาพอ่อนแอไม่สามารถผ่อนชำระคืนได้ตามกำหนด หากปล่อยสินเชื่อไปเกิดความเสี่ยงสูงมากจะเป็นหนี้เสีย (NPL) จึงส่งผลกระทบต่อราคาธุรกิจรถมือสองตกลงอย่างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ จากราคารถที่เคยเคลื่อนไหวในการซื้อขาย เช่น บางรุ่นและบางยี่ห้อปี 2567 ราคาประมาณ 600,000-800,000 บาท ปี 2568 ราคาเสนอขายเหลือ 300,000-400,000 บาท และยังไม่มีผู้สนใจซื้อ
สถานการณ์รถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ เริ่มแสดงอาการมาตั้งแต่ปี 2565 แต่ไม่ถึงกับหนัก แต่พอมาในปี 2568 มีอาการหนัก เท่าที่พูดคุยกับไฟแนนซ์ก็อยากจะปล่อยสินเชื่อ แต่เมื่อปล่อยไปเกิดความเสี่ยงสูงมากจะเป็นหนี้เสีย (NPL) จึงไม่อยากไปตามยึดรถคืน
จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถมือ 2 กลุ่มรถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ จากราคารถที่เคยเคลื่อนไหวในการซื้อขาย เช่น บางรุ่นและบางยี่ห้อปี 2567 ราคาประมาณ 600,000-800,000 บาท ปี 2568 ราคาเสนอขายเหลือ 300,000-400,000 บาท แต่ไม่มีการตอบรับซื้อขาย เพราะรับมาแล้วก็ปล่อยออกไม่ได้ รถต้องตกค้าง จะมีภาระดอกเบี้ย ซึ่งแต่เดิมเคยซื้อมาขายไปเดือนละ 3-4 คัน แต่ 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2568 มีคนซื้อบรรทุกไปเพียง 1 คัน หรือแทบจะไม่มี เหตุผลเพราะซื้อไป รถก็ไม่มีงาน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1766335
10 ล้อ อีสานอ่วมถูกยึด 2 หมื่นคัน งานขนส่งหด-รถล้น-แย่งกันตัดราคาเดือด
10 ล้อ อีสานอ่วมถูกยึด 2 หมื่นคัน งานขนส่งหด-รถล้น-แย่งกันตัดราคาเดือด
ธุรกิจรถบรรทุกอีสานโคม่า ล้มหายไปจากระบบกว่า 20% หรือ 20,000 คัน เหตุงานขนส่งสินค้าเกษตรหด จำนวนรถบรรทุกมากกว่าสินค้า แย่งงาน ตัดราคากันเดือด ไร้งาน ไร้เงินส่งค่างวด รถถูกยึด ขณะที่ต้นทุนน้ำมันพุ่ง วอนรัฐคุมราคาน้ำมัน เร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เกษตรกร
นายพีระพล บุญชิณวงศ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์รถบรรทุกสินค้าภาคอีสานในขณะนี้ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ รายได้ไม่ดี ผู้ประกอบการรถบรรทุกทั้งระบบในภาคอีสานมากกว่า 1 แสนคัน ต้องโดนยึดรถ และทิ้งงวดรถไปจำนวนมากกว่า 20% หรือมากกว่า 20,000 คันที่ล้มหายไปจากระบบ เพราะไม่มีกำลังในการผ่อนรถ
เกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น จาก 30 บาทต่อลิตร เป็น 33.50 บาทต่อลิตร ทำให้เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและไม่มีการลดราคาน้ำมันลงมาอีก ซึ่งผู้ว่าจ้างก็ไม่ได้ปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นให้กับผู้ขนส่งรถบรรทุก ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ภาคอีสานการขนส่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าอันดับแรก รองลงมาจะเป็นวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรอุตสาหกรรม เมื่อผลผลิตของสินค้าเกษตรออกสู่ท้องตลาดน้อยมาก เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ลดลงทุกปี ทำให้มีรถบรรทุกมากกว่าสินค้าที่จะขนส่ง หรือรถล้นตลาด แต่หากผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตรที่ตนเองทำธุรกิจควบคู่อยู่แล้ว ก็พอประคับประคองอยู่ได้ แต่ถ้าวิ่งรถรับจ้าง 100% และสายป่านไม่ยาว ก็ล้มหาย เลิกธุรกิจ โดนยึดรถบรรทุกไปจำนวนมาก
“ปัญหาเรื่องปริมาณและคุณภาพของสินค้าเกษตรต่อไร่ลดลงทุกปี รัฐบาลต้องเข้ามาสนับสนุนและให้ความรู้เกษตรกรให้มีผลผลิตที่ได้คุณภาพ และมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาสินค้าเกษตรลดลงมากกว่า 20% หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก ยกตัวอย่าง ข้าวที่เคยปลูกได้ 1 ตันต่อไร่ ตอนนี้เหลืออยู่ 200-300 กก.ต่อไร่ ตรงนี้ก็มีส่วนทำให้เกิดผลพวงกระทบทั้งระบบ”
นายพีระพลกล่าวต่อไปว่า ในอดีตไฟแนนซ์ไม่เข้มงวดให้สินเชื่อรถบรรทุกออกมาง่าย ๆ ดาวน์ในราคา 0 บาทหรือดาวน์น้อยมาก ทำให้จำนวนรถบรรทุกล้นตลาดถึงทุกวันนี้ เกิดการแข่งขันด้านราคา ตัดราคากันในตลาด เกิดผลกระทบมาก เมื่อไม่มีงาน สุดท้ายรถต้องโดนยึด
ADVERTISMENT
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์การประกอบธุรกิจรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั่วประเทศ โดยเฉพาะรถ 10 ล้อ และรถบรรทุกพ่วงที่รับจ้างขนส่งสินค้าทั่วไปชะลอตัวลงมาก
โดยเฉพาะผู้ประกอบการอิสระ และกลุ่มผู้ประกอบรถขนส่งทางภาคอีสานจะได้รับผลกระทบหนักกว่าภาคอื่น ๆ เพราะสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าหลักในการขนส่งมีปริมาณลดลง มีผู้ประกอบการบางรายถึงขั้นประกาศขายรถบรรทุก 10 ล้อพ่วงยกลอตประมาณกว่า 10 คัน ในราคาที่ถูก แต่ยังไม่มีผู้แสดงความสนใจซื้อ ขณะที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกที่มีคู่ค้าประจำเป็นโรงงานผลิต และบริษัทจัดจำหน่าย แม้งานจะลดลง แต่ยังสามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจไว้ได้ เพื่อรอให้ธุรกิจฟื้นตัวขึ้น
“ตอนนี้การรับงานบรรทุกขนส่งสินค้าได้ชะลอตัวลงมาก เช่น รถที่ขนส่งสินค้ากลุ่มเศษเหล็กที่เคยมีผู้ว่าจ้าง 15 เที่ยว/วัน ตอนนี้เหลือประมาณ 5-6 เที่ยว/วัน หรือน้อยกว่านั้น ยิ่งรถบรรทุกสินค้าเกษตรในภาคอีสานยิ่งหนัก การจ้างบรรทุกลดลง ต่างกับรถบรรทุกในภาคใต้ที่ยังพอไปได้ เพราะพืชเศรษฐกิจราคาดี ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน รวมถึงภาคอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าประมงยังมีทิศทางที่ดี” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากผู้ค้ารถมือสองในภาคใต้เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์การค้ารถมือสองไม่ดี เนื่องจากไฟแนนซ์วางมาตรการในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด เนื่องจากผู้ซื้อศักยภาพอ่อนแอไม่สามารถผ่อนชำระคืนได้ตามกำหนด หากปล่อยสินเชื่อไปเกิดความเสี่ยงสูงมากจะเป็นหนี้เสีย (NPL) จึงส่งผลกระทบต่อราคาธุรกิจรถมือสองตกลงอย่างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ จากราคารถที่เคยเคลื่อนไหวในการซื้อขาย เช่น บางรุ่นและบางยี่ห้อปี 2567 ราคาประมาณ 600,000-800,000 บาท ปี 2568 ราคาเสนอขายเหลือ 300,000-400,000 บาท และยังไม่มีผู้สนใจซื้อ
สถานการณ์รถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ เริ่มแสดงอาการมาตั้งแต่ปี 2565 แต่ไม่ถึงกับหนัก แต่พอมาในปี 2568 มีอาการหนัก เท่าที่พูดคุยกับไฟแนนซ์ก็อยากจะปล่อยสินเชื่อ แต่เมื่อปล่อยไปเกิดความเสี่ยงสูงมากจะเป็นหนี้เสีย (NPL) จึงไม่อยากไปตามยึดรถคืน
จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถมือ 2 กลุ่มรถบรรทุกขนส่ง 10 ล้อ จากราคารถที่เคยเคลื่อนไหวในการซื้อขาย เช่น บางรุ่นและบางยี่ห้อปี 2567 ราคาประมาณ 600,000-800,000 บาท ปี 2568 ราคาเสนอขายเหลือ 300,000-400,000 บาท แต่ไม่มีการตอบรับซื้อขาย เพราะรับมาแล้วก็ปล่อยออกไม่ได้ รถต้องตกค้าง จะมีภาระดอกเบี้ย ซึ่งแต่เดิมเคยซื้อมาขายไปเดือนละ 3-4 คัน แต่ 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2568 มีคนซื้อบรรทุกไปเพียง 1 คัน หรือแทบจะไม่มี เหตุผลเพราะซื้อไป รถก็ไม่มีงาน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1766335