รักชนก เดือด บอร์ดประกันสังคม ตีกลับสูตรเงินบำนาญ อ้าง อ่านไม่เข้าใจ ฉะ พอมีคนจะแก้กลับไม่เอา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5075038
ไอซ์ รักชนก เดือด บอร์ดประกันสังคม ฝ่ายราชการ-นายจ้าง ตีกลับสูตรเงินบำนาญ อ้าง อ่านไม่เข้าใจ ฮึ่ม ถ้าครั้งหน้าปัดตกอีก คงต้องเจอที่หน้ากระทรวง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม จากกรณี เพจ
ผู้บริโภค ได้โพสต์ข้อความเรื่องประกันสังคม ตั้งคำถามว่าไม่ให้ความรู้ผู้ประกันตนหรือตั้งใจ การส่งมาตรา 33 เกิน 180 เดือน ออกจากงานมาคิดว่าควรส่งต่อก็ส่งมาตรา 39 เรื่อยมาจากเงินบำนาญ 4-5 พัน เหลือพันกว่าบาท โดยเพจ ตั้งคำถามว่า
“มีความเห็นนึง น่าสนใจเพราะหลายคนที่ยอมส่ง 39 ต่อ เพราะแค่อยากใช้สิทรักษาประกันสังคม แล้วมายึดที่เราส่ง 33 ไปทำไม งงเหมือนกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว และระบุว่า
“
ประกันสังคมก้าวหน้า เสนอให้แก้ไขเรื่องนี้ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะอยากให้การคิดคำนวน มันเป็นธรรมกับผู้ประกันตน แต่ฝ่ายราชการ+ฝ่ายนายจ้าง คัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ‘อ่านไม่เข้าใจ’ ขอเวลาศึกษา ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นมาหลายปีแล้วไม่มีใครคิดจะแก้ พอมีคนคิดจะแก้กลับไม่เอาด้วย ผู้ประกันตนดูกันเอาเอง
ถ้าการประชุมครั้งหน้ายังปัดตกอีก คงต้องไปเจอกันที่หน้ากระทรวงแรงงานหน่อยแล้วมั้ง ไม่งั้นคงตัดสินใจอะไรไม่เกรงใจผู้ประกันตนเลย”
https://www.facebook.com/wecanchoose/posts/pfbid0gHRgMsjtrnx4mBZ1H6npids3NSaMpAPhEpcMpYu3xGdw6EpCzrPtRdPHU5LyVXmKl
https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/651877034040727?ref=embed_post
คดีบุ้งตายในคุก ต้องเลื่อนไต่สวน ทนายโวย 2 รพ.ไม่ส่งวงจรปิด ทั้งๆที่ศาลมีหมายเรียก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5075012
รพ.ไม่ส่งวงจรปิดตามหมายศาล ทำคดีบุ้งตายในคุก ต้องเลื่อนไต่สวน ทนายบี้ “อย่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 นาย
กฤษฎางค์ นุตจรัส หรือ ทนายด่าง ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ในวันนี้ (3 มี.ค. 68) หลังจากที่บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม จำเลยในคดีมาตรา 112 ตายระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาเกือบ 10 เดือน
ศาลจังหวัดธัญบุรี นัดพร้อมเพื่อกำหนดการไต่สวนหาความจริงถึงสาเหตุการตายของเธอตามกฎหมาย
แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถทำการไต่สวนได้เพราะโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติไม่จัดส่งเอกสารรายละเอียดการรักษาพยาบาลรวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในขณะเกิดเหตุมาให้ศาล ตามที่ศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีหมายเรียกให้จัดส่งให้ศาลมาประกอบการพิจารณาไต่สวน
โดยทั้งสองโรงพยาบาลไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่จัดส่งให้อย่างไร
การไต่สวนการตายของบุ้งจึงต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น
ในฐานะทนายความของบุ้ง ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมโรงพยาบาลราชทัณฑ์และธรรมศาสตร์ จึงไม่ส่งเอกสารและภาพกล้องวงจรปิดมาให้ศาลเพื่อประกอบการไต่สวนหาความจริง ทั้งที่ได้รับหมายเรียกจากศาลแล้ว
ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ผมเข้าใจเป็นประการอื่นได้ นอกจากว่ารัฐไทยต้องการปกปิดข้อมูลการตายของบุ้งในขณะที่ถูกคุมขังอยู่ตามมาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567
ผมขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบได้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดการส่งเอกสารและภาพกล้องวงจรปิดมายังศาลโดยเร็ว
เพื่อให้การดำเนินการไต่สวนพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยเร็ว
ผมไม่เชื่อว่าเราจะปกปิดความจริงในเรื่องนี้ได้ตลอดไป
ในฐานะคนเจนเบบี้บูมเมอร์อย่างผม ผมไม่เชื่อว่าเราจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ และในรุ่นผมมีเพลงที่ผมชอบของบ๊อบ ดีแลนด์ คือ “blowing in the wind” ผมหวังว่าคำตอบคงไม่อยู่ในสายลมเหมือนเพลงนี้
ผมไม่รู้ว่าคนเจนวายอย่างท่านจะเข้าใจมั้ย
https://www.facebook.com/krisadangpawadee.nutcharus/posts/pfbid02gzVGprczVXjL4GLRKGENzwJK1Qm6SvcKMEfwkjMkTxXhfQeAJWEF3GHnPeJ4ar1ol
สมาคมรับเหมา จี้รัฐออกซอฟต์โลน กู้วิกฤตสภาพคล่อง เร่งสกัดรับเหมาศูนย์เหรียญทุนจีน.
https://www.matichon.co.th/economy/news_5075178
สมาคมรับเหมา จี้รัฐออกซอฟต์โลน กู้วิกฤตสภาพคล่อง เร่งสกัดรับเหมาศูนย์เหรียญทุนจีน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม น.ส.
ลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจอุสาหกรรมก่อสร้างประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยกู้ ไม่ใช่แค่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2567 ที่เศรษฐกิจยังไม่ดี กำลังซื้อปรับตัวลดลง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัว การอนุมัติงบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีปัญหาหนี้เสีย ส่งผลให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ โดยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ร่วมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ถึงสภาพปัญหาในปัจจุบัน
“
ยังไม่รู้ว่าธปท.จะเจรจาธนาคารพาณิชย์ให้ออกซอฟต์โลนให้ได้หรือไม่ หากแบงก์ยังไม่ปล่อยสินเชื่อให้จะยิ่งทำให้รับเหมาก่อสร้างตายกันทั้งระบบ โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กที่ปิดกิจการไปพอสมควรแล้วทั้งที่แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจและที่ไม่แจ้งอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีเราได้คุยกับแบงก์รัฐไปบ้างแล้ว โดยทำงานร่วมกับหอการค้าไทย” น.ส.
ลิซ่ากล่าว
น.ส
.ลิซ่า กล่าวว่า สภาพปัญหาของผู้รับเหมาแยกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้รับเหมางานรัฐ ยังมีงานประมูลออกมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่งานขนาดเล็กไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่ สิ่งสำคัญคือราคากลางที่ไม่ได้ปรับมานานมาก ทำให้มูลค่างานไม่สะท้อนต้นทุนปัจจุบัน ที่ปรับขึ้นทั้งค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง ขณะที่ค่าเคก็เบิกไม่ได้มา 3 ปีแล้ว ส่วนงานเอกชนน้อยลงตามสภาพตลาด โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซื้อชะลอตัว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้รับเหมางานรัฐและเอกชนมีปัญหาเหมือนกันคือ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้และขาดสภาพคล่อง
“
คาดว่าธุรกิจรับเหมาคงต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปีถึงจะดีขึ้น ดูจากแนวโน้มปีนี้และปีหน้าสถานการณ์คงยังแย่ ทุกๆปีจะมีงานประมูลจากรัฐและเอกชนเฉลี่ย1.3-1.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนงานเอกชน 55% รัฐ 45% แต่ตอนนี้กลับกันเป็นงานรัฐมากว่าเอกชนที่ชะลอตัว” น.ส.ลิซ่ากล่าว
น.ส.
ลิซ่า กล่าวว่า นอกจากนี้ผู้รับเหมาไทยยังเผชิญกับคู่แข่งอย่างผู้รับเหมาจีนที่เข้ามาแบบครบวงจรหรือรับเหมาศูนย์เหรียญ จะนำเข้ามาเองทั้งแรงงาน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงอาหารการกิน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทุกพื้นที่ มีทั้งเป็นในรูปแบบนอมินีและดำเนินการเอง แต่ในพื้นที่อีอีซีจะเห็นมากที่สุด เนื่องจากมีนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนจำนวนมากในนิคมอุตสาหกรรม
โดยอยากเสนอให้ภาครัฐมีการเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น เช่น กำหนดหลักเกณฑ์การเข้ามาทำธุรกิจจะต้องมีกำหนดว่าต้องร่วมทุนกับบริษัทไทยกี่เปอร์เซนต์ ใช้แรงงานและวัสดุก่อสร้างในไทยในสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้กระทบต่ออุตสหกรรมก่อสร้างของไทยและป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ
JJNY : รักชนกเดือด บอร์ดประกันสังคม│คดีบุ้งตายในคุก ต้องเลื่อนไต่สวน│สมาคมรับเหมาจี้ออกซอฟต์โลน│เตือน 6-8 มี.ค.เกิดพายุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5075038
ไอซ์ รักชนก เดือด บอร์ดประกันสังคม ฝ่ายราชการ-นายจ้าง ตีกลับสูตรเงินบำนาญ อ้าง อ่านไม่เข้าใจ ฮึ่ม ถ้าครั้งหน้าปัดตกอีก คงต้องเจอที่หน้ากระทรวง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม จากกรณี เพจผู้บริโภค ได้โพสต์ข้อความเรื่องประกันสังคม ตั้งคำถามว่าไม่ให้ความรู้ผู้ประกันตนหรือตั้งใจ การส่งมาตรา 33 เกิน 180 เดือน ออกจากงานมาคิดว่าควรส่งต่อก็ส่งมาตรา 39 เรื่อยมาจากเงินบำนาญ 4-5 พัน เหลือพันกว่าบาท โดยเพจ ตั้งคำถามว่า
“มีความเห็นนึง น่าสนใจเพราะหลายคนที่ยอมส่ง 39 ต่อ เพราะแค่อยากใช้สิทรักษาประกันสังคม แล้วมายึดที่เราส่ง 33 ไปทำไม งงเหมือนกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไอซ์ รักชนก ศรีนอก ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว และระบุว่า
“ประกันสังคมก้าวหน้า เสนอให้แก้ไขเรื่องนี้ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะอยากให้การคิดคำนวน มันเป็นธรรมกับผู้ประกันตน แต่ฝ่ายราชการ+ฝ่ายนายจ้าง คัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ‘อ่านไม่เข้าใจ’ ขอเวลาศึกษา ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นมาหลายปีแล้วไม่มีใครคิดจะแก้ พอมีคนคิดจะแก้กลับไม่เอาด้วย ผู้ประกันตนดูกันเอาเอง
ถ้าการประชุมครั้งหน้ายังปัดตกอีก คงต้องไปเจอกันที่หน้ากระทรวงแรงงานหน่อยแล้วมั้ง ไม่งั้นคงตัดสินใจอะไรไม่เกรงใจผู้ประกันตนเลย”
https://www.facebook.com/wecanchoose/posts/pfbid0gHRgMsjtrnx4mBZ1H6npids3NSaMpAPhEpcMpYu3xGdw6EpCzrPtRdPHU5LyVXmKl
https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/651877034040727?ref=embed_post
คดีบุ้งตายในคุก ต้องเลื่อนไต่สวน ทนายโวย 2 รพ.ไม่ส่งวงจรปิด ทั้งๆที่ศาลมีหมายเรียก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5075012
รพ.ไม่ส่งวงจรปิดตามหมายศาล ทำคดีบุ้งตายในคุก ต้องเลื่อนไต่สวน ทนายบี้ “อย่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือ ทนายด่าง ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ในวันนี้ (3 มี.ค. 68) หลังจากที่บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม จำเลยในคดีมาตรา 112 ตายระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาเกือบ 10 เดือน
ศาลจังหวัดธัญบุรี นัดพร้อมเพื่อกำหนดการไต่สวนหาความจริงถึงสาเหตุการตายของเธอตามกฎหมาย
แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถทำการไต่สวนได้เพราะโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติไม่จัดส่งเอกสารรายละเอียดการรักษาพยาบาลรวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในขณะเกิดเหตุมาให้ศาล ตามที่ศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีหมายเรียกให้จัดส่งให้ศาลมาประกอบการพิจารณาไต่สวน
โดยทั้งสองโรงพยาบาลไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่จัดส่งให้อย่างไร
การไต่สวนการตายของบุ้งจึงต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น
ในฐานะทนายความของบุ้ง ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมโรงพยาบาลราชทัณฑ์และธรรมศาสตร์ จึงไม่ส่งเอกสารและภาพกล้องวงจรปิดมาให้ศาลเพื่อประกอบการไต่สวนหาความจริง ทั้งที่ได้รับหมายเรียกจากศาลแล้ว
ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ผมเข้าใจเป็นประการอื่นได้ นอกจากว่ารัฐไทยต้องการปกปิดข้อมูลการตายของบุ้งในขณะที่ถูกคุมขังอยู่ตามมาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567
ผมขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบได้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดการส่งเอกสารและภาพกล้องวงจรปิดมายังศาลโดยเร็ว
เพื่อให้การดำเนินการไต่สวนพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยเร็ว
ผมไม่เชื่อว่าเราจะปกปิดความจริงในเรื่องนี้ได้ตลอดไป
ในฐานะคนเจนเบบี้บูมเมอร์อย่างผม ผมไม่เชื่อว่าเราจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ และในรุ่นผมมีเพลงที่ผมชอบของบ๊อบ ดีแลนด์ คือ “blowing in the wind” ผมหวังว่าคำตอบคงไม่อยู่ในสายลมเหมือนเพลงนี้
ผมไม่รู้ว่าคนเจนวายอย่างท่านจะเข้าใจมั้ย
https://www.facebook.com/krisadangpawadee.nutcharus/posts/pfbid02gzVGprczVXjL4GLRKGENzwJK1Qm6SvcKMEfwkjMkTxXhfQeAJWEF3GHnPeJ4ar1ol
สมาคมรับเหมา จี้รัฐออกซอฟต์โลน กู้วิกฤตสภาพคล่อง เร่งสกัดรับเหมาศูนย์เหรียญทุนจีน.
https://www.matichon.co.th/economy/news_5075178
สมาคมรับเหมา จี้รัฐออกซอฟต์โลน กู้วิกฤตสภาพคล่อง เร่งสกัดรับเหมาศูนย์เหรียญทุนจีน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม น.ส.ลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจอุสาหกรรมก่อสร้างประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยกู้ ไม่ใช่แค่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2567 ที่เศรษฐกิจยังไม่ดี กำลังซื้อปรับตัวลดลง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัว การอนุมัติงบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีปัญหาหนี้เสีย ส่งผลให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ โดยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ร่วมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ถึงสภาพปัญหาในปัจจุบัน
“ยังไม่รู้ว่าธปท.จะเจรจาธนาคารพาณิชย์ให้ออกซอฟต์โลนให้ได้หรือไม่ หากแบงก์ยังไม่ปล่อยสินเชื่อให้จะยิ่งทำให้รับเหมาก่อสร้างตายกันทั้งระบบ โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กที่ปิดกิจการไปพอสมควรแล้วทั้งที่แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจและที่ไม่แจ้งอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีเราได้คุยกับแบงก์รัฐไปบ้างแล้ว โดยทำงานร่วมกับหอการค้าไทย” น.ส.ลิซ่ากล่าว
น.ส.ลิซ่า กล่าวว่า สภาพปัญหาของผู้รับเหมาแยกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้รับเหมางานรัฐ ยังมีงานประมูลออกมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่งานขนาดเล็กไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่ สิ่งสำคัญคือราคากลางที่ไม่ได้ปรับมานานมาก ทำให้มูลค่างานไม่สะท้อนต้นทุนปัจจุบัน ที่ปรับขึ้นทั้งค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง ขณะที่ค่าเคก็เบิกไม่ได้มา 3 ปีแล้ว ส่วนงานเอกชนน้อยลงตามสภาพตลาด โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซื้อชะลอตัว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้รับเหมางานรัฐและเอกชนมีปัญหาเหมือนกันคือ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้และขาดสภาพคล่อง
“คาดว่าธุรกิจรับเหมาคงต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปีถึงจะดีขึ้น ดูจากแนวโน้มปีนี้และปีหน้าสถานการณ์คงยังแย่ ทุกๆปีจะมีงานประมูลจากรัฐและเอกชนเฉลี่ย1.3-1.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนงานเอกชน 55% รัฐ 45% แต่ตอนนี้กลับกันเป็นงานรัฐมากว่าเอกชนที่ชะลอตัว” น.ส.ลิซ่ากล่าว
น.ส.ลิซ่า กล่าวว่า นอกจากนี้ผู้รับเหมาไทยยังเผชิญกับคู่แข่งอย่างผู้รับเหมาจีนที่เข้ามาแบบครบวงจรหรือรับเหมาศูนย์เหรียญ จะนำเข้ามาเองทั้งแรงงาน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงอาหารการกิน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทุกพื้นที่ มีทั้งเป็นในรูปแบบนอมินีและดำเนินการเอง แต่ในพื้นที่อีอีซีจะเห็นมากที่สุด เนื่องจากมีนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนจำนวนมากในนิคมอุตสาหกรรม
โดยอยากเสนอให้ภาครัฐมีการเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น เช่น กำหนดหลักเกณฑ์การเข้ามาทำธุรกิจจะต้องมีกำหนดว่าต้องร่วมทุนกับบริษัทไทยกี่เปอร์เซนต์ ใช้แรงงานและวัสดุก่อสร้างในไทยในสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้กระทบต่ออุตสหกรรมก่อสร้างของไทยและป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ