ควรเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับพัฒนาการของประชากรไทยแทนดีไหม?
ระบบปัจจุบันคือ
สายอาชีพ หมายถึง เด็กต้องจบ ม.3 ก่อน จึงจะไปต่อ ปวช หรือ ต่อ ม.ปลาย และ เรียนต่อ ป.ตรี
ที่เราเสนอใหม่คือ
1.ยกเลิก ม.1-3 ไปเลย โดยให้เด็กที่จบประถม 6 ทุกคนต้องเรียนต่อสายอาชีพหรือ ปวช.แทน
2.ยกเลิกระดับ ม.ปลายหรือ ปวช
3.เด็กที่จะเรียนต่อระดับ ป.ตรี ได้ จะต้องมีวุฒิการศึกษาสายอาชีพ (หรือ ม.3 เดิม) และต้องมีประสบการณ์ทำงานจริงอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ข้อดีคือ เมื่อเด็กจบสายอาชีพหรือ ปวช ตั้งแต่อายุ 15-20 ปี เด็กจะสามารถทำงาน มีรายได้ สร้างครอบครัว สร้างจำนวนประชากรที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้เลยตามธรรมชาติพัฒนาการของมนุษย์ ปทท จะได้มีประชากรเพิ่มขึ้นทันใช้ แทนการที่เด็กต้องเอาลูกไปทิ้งจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน
โดยเด็กที่จบสายอาชีพทุกคนจะถูกบังคับให้ต้องไปทำงานเพื่อหาประสบการณ์จริงในสิ่งที่เด็กชอบอย่างน้อย 3 ปีก่อน เด็กจึงจะสามารถสมัครเรียนต่อในระดับ ป.ตรีได้
โดยหลักสูตรที่เด็ก ปวช เรียนจบมานั้นจะต้องสามารถทำงานเป็นผู้ช่วยในสายอาชีพต่างๆได้ อาทิ ผู้ช่วยทันตแพทย์ พนักงานขายในห้างฯ ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยนักข่าว ผู้ช่วยธุรการ ค้าขายอิสระ ผู้ช่วยพนักงานธนาคาร ฯลฯ ได้ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานจริงว่าตัวเด็กชอบทำงานหรือมีพรสวรรค์ทางด้านไหนกันแน่ ก่อนที่เด็กจะได้เลือกเรียนคณะที่มีความถนัดในระดับ ป.ตรี ต่อไป
เพื่อตัดปัญหาเด็กเลือกคณะผิด เรียนจบมาแล้วเด็กไม่ชอบงานที่ทำ เด็กเรียนตามเพื่อน เด็กไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน เด็ก เบื่องาน ฯลฯ เด็กว่างเกินไปจึงเสพยา เล่นพนัน ขายตัว เป็นเด็กเกเร ฯลฯ
รวมทั้งยังช่วยให้เด็กสามารถมีรายได้ มีอาชีพ และสร้างครอบครัวได้เลยตั้งแต่อายุ 15-20 ปี ซึ่งเป็นวัยฮอร์โมนว้าวุ่น เพื่อตัดปัญหาการฆ่าหรือนำทารกแรกเกิดมาทิ้ง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และขาดแคลนประชากรได้อีกด้วย
ควรให้เด็กๆเรียนสายอาชีพแทนระบบมัธยมไปเลย เพื่อให้เด็กไทยมีความคิดสร้างสรรค์ มีอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ สร้างครอบครัว สร้างประชากรไทย โดยที่เด็กยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ตั้งแต่อายุ 15-20 ปี ตามฮอร์โมนมนุษย์ เพื่อคนในครอบครัวจะได้ช่วยกันเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน โดยเด็กไม่ต้องรอจนจบ ป.ตรี ป.โท กว่าจะแต่งงานก็เหนื่อย ฮอร์โมนหมด ขี้เกียจมีลูกกันแล้ว เพราะเด็กต้องมาดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าแทน!
แล้วเมื่อเด็กมีอาชีพมีรายได้แล้ว จึงนำประสบการณ์ทำงานจริงมาเรียนต่อ ป.ตรี ป.โท ภายหลังต่อไปในสาขาอาชีพที่เด็กชอบและใช้ต่อยอดความถนัดและพรสวรรค์ของเด็กแต่ละคนต่อไป
ควรเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับพัฒนาการของประชากร เพื่อแก้ปัญหาเด็กวัยรุ่นฆ่าหรือทิ้งทารก ประชากรลดน้อย
ระบบปัจจุบันคือ
สายอาชีพ หมายถึง เด็กต้องจบ ม.3 ก่อน จึงจะไปต่อ ปวช หรือ ต่อ ม.ปลาย และ เรียนต่อ ป.ตรี
ที่เราเสนอใหม่คือ
1.ยกเลิก ม.1-3 ไปเลย โดยให้เด็กที่จบประถม 6 ทุกคนต้องเรียนต่อสายอาชีพหรือ ปวช.แทน
2.ยกเลิกระดับ ม.ปลายหรือ ปวช
3.เด็กที่จะเรียนต่อระดับ ป.ตรี ได้ จะต้องมีวุฒิการศึกษาสายอาชีพ (หรือ ม.3 เดิม) และต้องมีประสบการณ์ทำงานจริงอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ข้อดีคือ เมื่อเด็กจบสายอาชีพหรือ ปวช ตั้งแต่อายุ 15-20 ปี เด็กจะสามารถทำงาน มีรายได้ สร้างครอบครัว สร้างจำนวนประชากรที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้เลยตามธรรมชาติพัฒนาการของมนุษย์ ปทท จะได้มีประชากรเพิ่มขึ้นทันใช้ แทนการที่เด็กต้องเอาลูกไปทิ้งจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน
โดยเด็กที่จบสายอาชีพทุกคนจะถูกบังคับให้ต้องไปทำงานเพื่อหาประสบการณ์จริงในสิ่งที่เด็กชอบอย่างน้อย 3 ปีก่อน เด็กจึงจะสามารถสมัครเรียนต่อในระดับ ป.ตรีได้
โดยหลักสูตรที่เด็ก ปวช เรียนจบมานั้นจะต้องสามารถทำงานเป็นผู้ช่วยในสายอาชีพต่างๆได้ อาทิ ผู้ช่วยทันตแพทย์ พนักงานขายในห้างฯ ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยนักข่าว ผู้ช่วยธุรการ ค้าขายอิสระ ผู้ช่วยพนักงานธนาคาร ฯลฯ ได้ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานจริงว่าตัวเด็กชอบทำงานหรือมีพรสวรรค์ทางด้านไหนกันแน่ ก่อนที่เด็กจะได้เลือกเรียนคณะที่มีความถนัดในระดับ ป.ตรี ต่อไป
เพื่อตัดปัญหาเด็กเลือกคณะผิด เรียนจบมาแล้วเด็กไม่ชอบงานที่ทำ เด็กเรียนตามเพื่อน เด็กไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน เด็ก เบื่องาน ฯลฯ เด็กว่างเกินไปจึงเสพยา เล่นพนัน ขายตัว เป็นเด็กเกเร ฯลฯ
รวมทั้งยังช่วยให้เด็กสามารถมีรายได้ มีอาชีพ และสร้างครอบครัวได้เลยตั้งแต่อายุ 15-20 ปี ซึ่งเป็นวัยฮอร์โมนว้าวุ่น เพื่อตัดปัญหาการฆ่าหรือนำทารกแรกเกิดมาทิ้ง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และขาดแคลนประชากรได้อีกด้วย
ควรให้เด็กๆเรียนสายอาชีพแทนระบบมัธยมไปเลย เพื่อให้เด็กไทยมีความคิดสร้างสรรค์ มีอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ สร้างครอบครัว สร้างประชากรไทย โดยที่เด็กยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ตั้งแต่อายุ 15-20 ปี ตามฮอร์โมนมนุษย์ เพื่อคนในครอบครัวจะได้ช่วยกันเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน โดยเด็กไม่ต้องรอจนจบ ป.ตรี ป.โท กว่าจะแต่งงานก็เหนื่อย ฮอร์โมนหมด ขี้เกียจมีลูกกันแล้ว เพราะเด็กต้องมาดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าแทน!
แล้วเมื่อเด็กมีอาชีพมีรายได้แล้ว จึงนำประสบการณ์ทำงานจริงมาเรียนต่อ ป.ตรี ป.โท ภายหลังต่อไปในสาขาอาชีพที่เด็กชอบและใช้ต่อยอดความถนัดและพรสวรรค์ของเด็กแต่ละคนต่อไป