ตอนมีโรคระบาดเรากักตัวนอนอ้วน
...แต่นิวตัน คิดค้น Calculus
ไอแซก นิวตัน: นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
มีบุคคลในประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่คนที่ส่งอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ได้มากเท่ากับเซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) เขาเกิดในปี ค.ศ. 1643 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ และเติบโตขึ้นมาในยุคที่การเมืองและวิทยาศาสตร์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ผลงานของเขาเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษยชาติเกี่ยวกับจักรวาล และเป็นรากฐานของฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์สมัยใหม่
วัยเด็กและการศึกษา (1643-1665)
นิวตันเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1643 ที่หมู่บ้านวูลส์ธอร์ป (Woolsthorpe) ประเทศอังกฤษ เขาเป็นทารกคลอดก่อนกำหนดและรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ในปี ค.ศ. 1661 เมื่ออายุ 18 ปี เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยทรินิตี (Trinity College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) โดยศึกษาด้านปรัชญาคลาสสิกและคณิตศาสตร์ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1665 เมื่อเขาอายุ 22 ปี งานวิจัยด้านคณิตศาสตร์ของเขาได้วางรากฐานให้กับแคลคูลัส
การพัฒนาแคลคูลัส (1665-1666)
ในช่วงที่เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในลอนดอนปี ค.ศ. 1665 นิวตันกลับไปยังบ้านเกิดของเขา และเมื่ออายุ 23 ปี เขาได้พัฒนาหลักการพื้นฐานของแคลคูลัสขึ้นมา วิธีของเขาที่เรียกว่า "ฟลักซ์ชัน" (Fluxions) ทำให้สามารถคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงและการสะสมได้อย่างแม่นยำ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในฟิสิกส์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ถ้าปราศจากแคลคูลัส เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น GPS กราฟิกคอมพิวเตอร์ และการถ่ายภาพทางการแพทย์ อาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
งานบุกเบิกด้านแสงและทัศนศาสตร์ (1666-1668)
ระหว่างอายุ 24-25 ปี นิวตันทำการทดลองเกี่ยวกับปริซึมและค้นพบว่าแสงสีขาวประกอบไปด้วยสีต่างๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับแสงและสีไปโดยสิ้นเชิง ในปี ค.ศ. 1668 เมื่อเขาอายุ 25 ปี เขาได้พัฒนากล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ซึ่งมีความคมชัดและแม่นยำกว่ากล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง งานวิจัยด้านแสงของเขาทำให้เกิดเทคโนโลยีสำคัญในปัจจุบัน เช่น กล้องถ่ายภาพ กล้องจุลทรรศน์ และเลเซอร์
กฎการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วงสากล (1687)
เมื่ออายุ 44 ปี นิวตันได้ตีพิมพ์หนังสือ
Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica ซึ่งเป็นหนึ่งในตำราวิทยาศาสตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้นำเสนอ "กฎการเคลื่อนที่ทั้งสามข้อ" ซึ่งเป็นพื้นฐานของกลศาสตร์คลาสสิกและปฏิวัติวงการฟิสิกส์ กฎเหล่านี้ช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในด้านวิศวกรรม การสำรวจอวกาศ และเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย
ในช่วงเวลาเดียวกัน เขาได้คิดค้นกฎแรงโน้มถ่วงสากล ซึ่งอธิบายว่ามวลทุกก้อนในจักรวาลดึงดูดกันและกันด้วยแรงที่เป็นสัดส่วนกับมวลของมันและแปรผกผันกับระยะทางยกกำลังสอง กฎนี้ช่วยอธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และกลศาสตร์ดาราศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญของกลศาสตร์วงโคจร ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านการสำรวจอวกาศและเทคโนโลยีดาวเทียม
ชีวิตช่วงหลังและมรดกที่ยิ่งใหญ่ (1700-1727)
นิวตันได้รับเลือกเป็นประธานของราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society) ในปี ค.ศ. 1703 และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินในปี ค.ศ. 1705 ผลงานของเขากลายเป็นมาตรฐานของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมา
รวมถึงอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 ก็มีรากฐานมาจากฟิสิกส์ของนิวตัน ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านเครื่องจักรและวิศวกรรม
แม้ในปัจจุบัน หลักการของนิวตันยังคงมีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสะพานและอาคาร ไปจนถึงการนำทางของยานอวกาศ ความอัจฉริยะและผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หากไม่มีนิวตัน โลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอาจไม่สามารถพัฒนาไปได้ถึงจุดนี้เลยก็เป็นได้
นิวตันถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เดือนแห่งการจากไป ของ Isaac Newtonนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
...แต่นิวตัน คิดค้น Calculus
ไอแซก นิวตัน: นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
มีบุคคลในประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่คนที่ส่งอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ได้มากเท่ากับเซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) เขาเกิดในปี ค.ศ. 1643 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ และเติบโตขึ้นมาในยุคที่การเมืองและวิทยาศาสตร์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ผลงานของเขาเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษยชาติเกี่ยวกับจักรวาล และเป็นรากฐานของฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์สมัยใหม่
วัยเด็กและการศึกษา (1643-1665)
นิวตันเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1643 ที่หมู่บ้านวูลส์ธอร์ป (Woolsthorpe) ประเทศอังกฤษ เขาเป็นทารกคลอดก่อนกำหนดและรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ในปี ค.ศ. 1661 เมื่ออายุ 18 ปี เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยทรินิตี (Trinity College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) โดยศึกษาด้านปรัชญาคลาสสิกและคณิตศาสตร์ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1665 เมื่อเขาอายุ 22 ปี งานวิจัยด้านคณิตศาสตร์ของเขาได้วางรากฐานให้กับแคลคูลัส
การพัฒนาแคลคูลัส (1665-1666)
ในช่วงที่เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในลอนดอนปี ค.ศ. 1665 นิวตันกลับไปยังบ้านเกิดของเขา และเมื่ออายุ 23 ปี เขาได้พัฒนาหลักการพื้นฐานของแคลคูลัสขึ้นมา วิธีของเขาที่เรียกว่า "ฟลักซ์ชัน" (Fluxions) ทำให้สามารถคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงและการสะสมได้อย่างแม่นยำ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในฟิสิกส์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ถ้าปราศจากแคลคูลัส เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น GPS กราฟิกคอมพิวเตอร์ และการถ่ายภาพทางการแพทย์ อาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
งานบุกเบิกด้านแสงและทัศนศาสตร์ (1666-1668)
ระหว่างอายุ 24-25 ปี นิวตันทำการทดลองเกี่ยวกับปริซึมและค้นพบว่าแสงสีขาวประกอบไปด้วยสีต่างๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับแสงและสีไปโดยสิ้นเชิง ในปี ค.ศ. 1668 เมื่อเขาอายุ 25 ปี เขาได้พัฒนากล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ซึ่งมีความคมชัดและแม่นยำกว่ากล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง งานวิจัยด้านแสงของเขาทำให้เกิดเทคโนโลยีสำคัญในปัจจุบัน เช่น กล้องถ่ายภาพ กล้องจุลทรรศน์ และเลเซอร์
กฎการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วงสากล (1687)
เมื่ออายุ 44 ปี นิวตันได้ตีพิมพ์หนังสือ Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica ซึ่งเป็นหนึ่งในตำราวิทยาศาสตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้นำเสนอ "กฎการเคลื่อนที่ทั้งสามข้อ" ซึ่งเป็นพื้นฐานของกลศาสตร์คลาสสิกและปฏิวัติวงการฟิสิกส์ กฎเหล่านี้ช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในด้านวิศวกรรม การสำรวจอวกาศ และเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย
ในช่วงเวลาเดียวกัน เขาได้คิดค้นกฎแรงโน้มถ่วงสากล ซึ่งอธิบายว่ามวลทุกก้อนในจักรวาลดึงดูดกันและกันด้วยแรงที่เป็นสัดส่วนกับมวลของมันและแปรผกผันกับระยะทางยกกำลังสอง กฎนี้ช่วยอธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และกลศาสตร์ดาราศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญของกลศาสตร์วงโคจร ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านการสำรวจอวกาศและเทคโนโลยีดาวเทียม
ชีวิตช่วงหลังและมรดกที่ยิ่งใหญ่ (1700-1727)
นิวตันได้รับเลือกเป็นประธานของราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society) ในปี ค.ศ. 1703 และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินในปี ค.ศ. 1705 ผลงานของเขากลายเป็นมาตรฐานของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมา
รวมถึงอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 ก็มีรากฐานมาจากฟิสิกส์ของนิวตัน ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านเครื่องจักรและวิศวกรรม
แม้ในปัจจุบัน หลักการของนิวตันยังคงมีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสะพานและอาคาร ไปจนถึงการนำทางของยานอวกาศ ความอัจฉริยะและผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หากไม่มีนิวตัน โลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอาจไม่สามารถพัฒนาไปได้ถึงจุดนี้เลยก็เป็นได้
นิวตันถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ