สวัสดีครับ เป็นครั้งแรกที่มาเขียนอะไรแบบนี้ลงในพันทิปครับ เรื่องค่อนข้างยาวครับ อัดอั้นมานาน 2 ปี ไม่รู้จะระบายที่ไหน เล่าให้ใครก็ไม่ได้ เลยขอมาระบายที่นี่นะครับ+อยากหาวิธีแก้ปัญหาไปในตัวด้วย บางครั้งคนภายนอกมาอ่าน อาจจะทำให้เจอทางออกก็ได้ เริ่มเรื่องมาก็คือ..
ผมเป็นลูกชายคนที่ 2 เกิดในครอบครัวคนจีน(มีพี่น้อง 4 คนรวมผมด้วย) มีธุรกิจครอบครัว ในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลกระทบกับธุรกิจที่บ้าน เห็นแบบนั้นก็รู้สึกอยากเข้าไปช่วยให้มันดีขึ้น หลังเรียนจบ ก็เข้ามาช่วยเลย โดยงานที่รับผิดชอบก็คนละสายกับที่จบมา ผมเรียนภาษา+บริหาร ผมต้องมาทำในส่วนของเคมี(ตำแหน่งนี้ไม่มีใครอยากมาทำ แต่ผมอยากทำเพราะมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด) ช่วงแรกๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ฟิลทำงานแบบไม่มีประสบการณ์ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ โดนด่าบ้างว่าบ้าง คุมหน้างานไม่ได้ แต่ที่น่าตกใจคือในบริษัท ไม่มีใครที่จบตรงสายมาทำ พนักงานไม่เพียงพอ ด้วยวิกฤตโควิด ทำให้จำเป็นต้องปลดพนักงานออกค่อนข้างเยอะ ผมเลยต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง+โชคดีที่ supplier(จบเคมี)มาช่วยสอนด้วย ก็อยู่อย่างงั้นมาจะครบ 2 ปี
เลยทำให้ค่อนข้างเครียด + กดดันที่ทางบ้านค่อนข้างคาดหวัง มีอะไรที่เค้าทำไม่ได้ หรือหน้าที่อื่นที่คนในบริษัททำไม่ค่อยได้ เค้าก็จะชอบโยนมาให้ผมทำ เพราะคนในบริษัท รับหน้าที่ 2-3 ตำแหน่ง ผมโดนสั่งให้ดูทุกอย่าง ลำพังแค่ตำแหน่งวิเคราะห์เคมี และควมคุมไลน์ผลิต ผมก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าถามว่าพี่น้องคนอื่นล่ะทำอะไร ผมเรียนจบเร็วก่อน เลยทำให้ได้เข้ามาทำงานก่อนครึ่งปี คนโตพ่อเลิกคาดหวังไปแล้วครับ คน3 เพิ่งเข้ามาต้นปีนี้ครับ เค้าเข้ามาทำแทนคนที่ลาคลอด ยังเอ๋อๆ งงกับงานอยู่เลย ส่วนที่สุดท้องยังเรียนอยู่ ม.3
พอทำไปได้ซักระยะนึง เริ่มจับทางได้ + มีความรู้ด้านเคมีมากขึ้นถึงขั้นสามารถแก้ปัญหาหน้างานได้ทุกไลน์แล้ว(ที่ทำได้ขนาดนี้เพราะอยุ่กับมันทั้งวันครับ ทั้งโดนพ่อด่า ว่า %งานเสีย ยอดงานไม่ได้ โดนเคี่ยวจนเป็นแล้วครับ อ่อลืมไป พ่อผมจะเป็นชอบด่า ไม่สนใจว่าต้นทางเป็นยังไง ถ้าเห็นว่าผิดจะด่าไว้ก่อน สไตล์คนแก่ GEN B ครับ แถมไม่ได้จบเคมีโดยตรงมีแค่ประสบการณ์ลองผิดลองถูก ผม Gen Z ครับ) ก็เริ่มอยากเสนอไอเดียจากที่มีอยู่ให้มันดีขึ้น อยากให้บริษัทพัฒนาขึ้นไปอีก ก็เริ่มทำ Project เสนอ ศึกษา+ได้รับคำแนะนำจาก supplier คนนั้นที่มีประสบการณ์ตรงช่วยด้วย ไปเสนอเค้า ก็โดนด่ากลับมาโดยให้เหตุผลว่า เขาเคยทำมาแล้ว แบบนี้คือดีที่สุดแล้ว(ถ้ามันดีจริงๆผมคงไม่เสนอหรอกครับ ปัญหาที่ผ่านก่อนผมเข้ามาช่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นปัญหาเดิมๆ) ตอนแรกผมก็ฟังครับ ลองไปทบทวน Project ใหม่ว่ามีตรงไหนผิดพลาด ไปไล่วิเคราะห์ ทดลองหลายๆรอบ จนทำให้รู้ว่าสิ่งที่เค้าพูดมันไม่ใช่ถูกเสมอไป เช่น 2+2=4 ,1+3 ก็เท่ากับ 4 ได้เช่นกันครับ 1 ปัญหาสามารถเกิดได้หลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียว วิธีแก้ก็เช่นกันครับ มันมีหลายวิธีแก้ ต้องดูที่สาเหตุ แต่เค้าไม่ใช่ เจอปัญหานี้ ก็จะแก้วิธีนี้วิธีเดียว มันแก้ไม่ตรงจุด ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา ผมก็โดนด่าปัญหาอื่นอีก พอความคิดไม่ตรงกันผมเลยต้องแอบทำโดยประชุมพนักงานในไลน์ปรับเติมเคมีตามที่ผมได้ทดลองจากการวิเคราะห์หลายๆรอบ(มีการนัดประชุมหารือครับ แต่พ่อไม่รู้)ผลปรากฎว่ามันดีขึ้น ปัญหาน้อยลง %งานเสียน้อยลง ทำไปได้ซักพักก็เกิดปัญหาครับ ก็โดนเรียกตัว ถามไปถามมาเค้าก็รู้ว่าผมแอบเปลี่ยนก็โดนด่า พอมารู้ทีหลังคือ Human Error ครับ ไม่แจ้งไม่อะไร พอเกิดปัญหาก็ตีหน้ามึน แต่พ่อคือถ้าผมแหกสูตรเค้าหรือเปลี่ยนอะไรซักอย่างของเค้า = ผมผิด 100% อย่างอื่นเค้าไม่สน ผมก็ต้องทนทำแบบที่เค้าบอกว่าเคยทำมาแล้ว งานก็กลับมาเสียเหมือนเดิม ยอดก็ตกเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับมาแย่เหมือนเดิม ผมก็โดนด่าเหมือนเดิมว่าคุมไลน์ไม่เป็น ทำงานมาจะ 2 ปีแล้วทำไมยังทำไม่ได้อีก ผมเคยพูดกับเค้าเรื่องเคมี หรือเรื่องที่ผมพยายามทำกับเค้าตรงๆ แต่เค้าบอกว่า มันไม่เกี่ยว พออธิบายลึกหน่อย เค้าก็จะไม่รับฟังครับ บอกว่าผมคิดอะไรเยอะ มันไม่ได้มีอะไรเลย ทำไมชอบคิดให้มันเป็นเรื่องยาก คิดให้มันง่ายๆแล้วเวลาไปทำให้ยอดงานมันเยอะดีกว่ามั้ย ชีวิตมันก็วนลูปอย่างนี้ครับ ถ้าถามว่าทำไมไม่ลาออกจากตรงนั้น มาทำข้างนอกเลย ผมคิดอยากลาออกทุกวันครับ ถ้าผมออกไป ในตำแหน่งนั้นไม่มีใครทำเลย+สถานะของบริษัทก็ไม่ได้ดีมากครับ เคยโดนฟ้องมาครั้งนึงแล้ว เลยรู้สึกว่าถ้าปล่อยไป ไปไม่รอดแน่ อย่างน้อยช่วงที่ผมอยู่ก็ทำให้บริษัทโตขึ้นครับ ไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้ก็ยังแอบทำ แอบปรับครับ แต่ต้องแลกมาด้วยหน้าที่เยอะขึ้นเกินความจำเป็น ต้องเช็คทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิด Human Error อีก แต่ก็ไม่ 100% ครับ คนยังไงก็คือคนไม่ใช่เครื่องจักร ดีกว่าทำแบบที่เค้าต้องการแล้วงานเสียกว่าเดิม เรียนแทบตาย พยายามแทบตาย เอาทั้งเวลาส่วนตัวไปแลกก็แล้ว สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยครับ จะบ้า555 ผมยอมรับครับว่าประสบการณ์ยังน้อย แต่ผมค่อนข้างมั่นใจเพราะผมมีคนคอยช่วยคอยแนะนำและมีทั้งความรู้และประสบการณ์โดยตรง ผมค่อยนำความรู้และคำแนะนำจากไปปรับใช้หรือ R&B ก่อนเสมอ ก่อนมาลงมือจริง
ตัดภาพมาที่ชีวิตคู่บ้างครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 5 ปี พักหลังนี้หลังจากจบไปเริ่มเข้ามาทำงาน ก็เริ่มไม่มีเวลาให้เค้าครับ ผมก็มีบอกเค้าก่อนล่วงหน้า+เวลาเรา 2 คนไม่ตรงกันครับ ผมจะมีแค่วัน อา วันเดียว ส่วนเค้าไม่แน่นอนครับ น้อยมากที่จะมีเวลาว่างตรงกัน พอมีเวลาว่าง แรกๆก็ไปหาเค้าครับ พอนานๆเข้า พ่อเริ่มห้าม ไม่ให้ไป บอกว่าไปทำไมบ่อยๆ (1 เดือนผมเจอเค้าไม่ถึง 3 ครั้งครับ น้อยมาก) + ไม่ค่อยชอบแฟนผมด้วยแหละ มีช่วงนึงผมทะเลาะกับเค้าค่อนข้างบ่อยครับ แรกๆผมก็ฟังพ่อ หลังๆเริ่มหนักขึ้นทุกวัน ถึงขั้นเวลาผมจะไปไหน ทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในไลน์ผลิต ผมต้องรายงานเค้าทุกอย่าง แม้เวลาผมเข้าห้องน้ำ เค้ายังโทรหาว่าไปไหน ทำไมไม่คุมไลน์ งานเสียรับผิดชอบไหวมั้ย พอวันไหนผมบอกว่าผมจะไปหาแฟน เค้าก็บอกว่า ไปไหน ไปทำไม ทำไมชอบไปข้างนอกบ่อยๆ ไม่ได้(ผมไม่ได้ไปไหนเลยครับ นอกจากไปหาแฟน) มันเลยทำให้ผมกับแฟนทะเลาะกันบ่อย บางครั้งก็พูดอะไรไม่ถูก เวลาทะเลาะกันแฟนพูดว่า ถ้าขนาดนี้ไปเป็นผีเฝ้าโรงงานเลยมั้ย บางครั้งก็รู้สึกผิดกับแฟน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เคยไม่ฟังแต่ผลที่ตามมามันไม่คุ้มเท่าไหร่ครับ ทุกวันนี้กับแฟนก็เริ่มห่างเหินครับ ไม่ค่อยได้คุยกัน ถามคำตอบคำ เหมือนไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่
ตอนนี้ผมเหมือนโดนขังอยู่ในคุกเลยไปไหนไม่ได้ เคยคิดสั้นครับ แต่ก็หยุดได้เพราะแม่ครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แม่เสียน้ำตาเลยไม่อยากทำอีกมันไม่คุ้มครับ คิดได้แบบนั้นก็ทนทำไปเรื่อยๆจนถึงวันนี้ ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ
เครียดครับ หลายปัญหาเหลือเกิน ไม่อิสระ ชีวิตเหมือนโดนขังในคุก มีปัญหากับแฟน มีปัญหากับพ่อตัวเอง
ผมเป็นลูกชายคนที่ 2 เกิดในครอบครัวคนจีน(มีพี่น้อง 4 คนรวมผมด้วย) มีธุรกิจครอบครัว ในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลกระทบกับธุรกิจที่บ้าน เห็นแบบนั้นก็รู้สึกอยากเข้าไปช่วยให้มันดีขึ้น หลังเรียนจบ ก็เข้ามาช่วยเลย โดยงานที่รับผิดชอบก็คนละสายกับที่จบมา ผมเรียนภาษา+บริหาร ผมต้องมาทำในส่วนของเคมี(ตำแหน่งนี้ไม่มีใครอยากมาทำ แต่ผมอยากทำเพราะมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด) ช่วงแรกๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ฟิลทำงานแบบไม่มีประสบการณ์ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ โดนด่าบ้างว่าบ้าง คุมหน้างานไม่ได้ แต่ที่น่าตกใจคือในบริษัท ไม่มีใครที่จบตรงสายมาทำ พนักงานไม่เพียงพอ ด้วยวิกฤตโควิด ทำให้จำเป็นต้องปลดพนักงานออกค่อนข้างเยอะ ผมเลยต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง+โชคดีที่ supplier(จบเคมี)มาช่วยสอนด้วย ก็อยู่อย่างงั้นมาจะครบ 2 ปี
เลยทำให้ค่อนข้างเครียด + กดดันที่ทางบ้านค่อนข้างคาดหวัง มีอะไรที่เค้าทำไม่ได้ หรือหน้าที่อื่นที่คนในบริษัททำไม่ค่อยได้ เค้าก็จะชอบโยนมาให้ผมทำ เพราะคนในบริษัท รับหน้าที่ 2-3 ตำแหน่ง ผมโดนสั่งให้ดูทุกอย่าง ลำพังแค่ตำแหน่งวิเคราะห์เคมี และควมคุมไลน์ผลิต ผมก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าถามว่าพี่น้องคนอื่นล่ะทำอะไร ผมเรียนจบเร็วก่อน เลยทำให้ได้เข้ามาทำงานก่อนครึ่งปี คนโตพ่อเลิกคาดหวังไปแล้วครับ คน3 เพิ่งเข้ามาต้นปีนี้ครับ เค้าเข้ามาทำแทนคนที่ลาคลอด ยังเอ๋อๆ งงกับงานอยู่เลย ส่วนที่สุดท้องยังเรียนอยู่ ม.3
พอทำไปได้ซักระยะนึง เริ่มจับทางได้ + มีความรู้ด้านเคมีมากขึ้นถึงขั้นสามารถแก้ปัญหาหน้างานได้ทุกไลน์แล้ว(ที่ทำได้ขนาดนี้เพราะอยุ่กับมันทั้งวันครับ ทั้งโดนพ่อด่า ว่า %งานเสีย ยอดงานไม่ได้ โดนเคี่ยวจนเป็นแล้วครับ อ่อลืมไป พ่อผมจะเป็นชอบด่า ไม่สนใจว่าต้นทางเป็นยังไง ถ้าเห็นว่าผิดจะด่าไว้ก่อน สไตล์คนแก่ GEN B ครับ แถมไม่ได้จบเคมีโดยตรงมีแค่ประสบการณ์ลองผิดลองถูก ผม Gen Z ครับ) ก็เริ่มอยากเสนอไอเดียจากที่มีอยู่ให้มันดีขึ้น อยากให้บริษัทพัฒนาขึ้นไปอีก ก็เริ่มทำ Project เสนอ ศึกษา+ได้รับคำแนะนำจาก supplier คนนั้นที่มีประสบการณ์ตรงช่วยด้วย ไปเสนอเค้า ก็โดนด่ากลับมาโดยให้เหตุผลว่า เขาเคยทำมาแล้ว แบบนี้คือดีที่สุดแล้ว(ถ้ามันดีจริงๆผมคงไม่เสนอหรอกครับ ปัญหาที่ผ่านก่อนผมเข้ามาช่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นปัญหาเดิมๆ) ตอนแรกผมก็ฟังครับ ลองไปทบทวน Project ใหม่ว่ามีตรงไหนผิดพลาด ไปไล่วิเคราะห์ ทดลองหลายๆรอบ จนทำให้รู้ว่าสิ่งที่เค้าพูดมันไม่ใช่ถูกเสมอไป เช่น 2+2=4 ,1+3 ก็เท่ากับ 4 ได้เช่นกันครับ 1 ปัญหาสามารถเกิดได้หลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียว วิธีแก้ก็เช่นกันครับ มันมีหลายวิธีแก้ ต้องดูที่สาเหตุ แต่เค้าไม่ใช่ เจอปัญหานี้ ก็จะแก้วิธีนี้วิธีเดียว มันแก้ไม่ตรงจุด ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา ผมก็โดนด่าปัญหาอื่นอีก พอความคิดไม่ตรงกันผมเลยต้องแอบทำโดยประชุมพนักงานในไลน์ปรับเติมเคมีตามที่ผมได้ทดลองจากการวิเคราะห์หลายๆรอบ(มีการนัดประชุมหารือครับ แต่พ่อไม่รู้)ผลปรากฎว่ามันดีขึ้น ปัญหาน้อยลง %งานเสียน้อยลง ทำไปได้ซักพักก็เกิดปัญหาครับ ก็โดนเรียกตัว ถามไปถามมาเค้าก็รู้ว่าผมแอบเปลี่ยนก็โดนด่า พอมารู้ทีหลังคือ Human Error ครับ ไม่แจ้งไม่อะไร พอเกิดปัญหาก็ตีหน้ามึน แต่พ่อคือถ้าผมแหกสูตรเค้าหรือเปลี่ยนอะไรซักอย่างของเค้า = ผมผิด 100% อย่างอื่นเค้าไม่สน ผมก็ต้องทนทำแบบที่เค้าบอกว่าเคยทำมาแล้ว งานก็กลับมาเสียเหมือนเดิม ยอดก็ตกเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับมาแย่เหมือนเดิม ผมก็โดนด่าเหมือนเดิมว่าคุมไลน์ไม่เป็น ทำงานมาจะ 2 ปีแล้วทำไมยังทำไม่ได้อีก ผมเคยพูดกับเค้าเรื่องเคมี หรือเรื่องที่ผมพยายามทำกับเค้าตรงๆ แต่เค้าบอกว่า มันไม่เกี่ยว พออธิบายลึกหน่อย เค้าก็จะไม่รับฟังครับ บอกว่าผมคิดอะไรเยอะ มันไม่ได้มีอะไรเลย ทำไมชอบคิดให้มันเป็นเรื่องยาก คิดให้มันง่ายๆแล้วเวลาไปทำให้ยอดงานมันเยอะดีกว่ามั้ย ชีวิตมันก็วนลูปอย่างนี้ครับ ถ้าถามว่าทำไมไม่ลาออกจากตรงนั้น มาทำข้างนอกเลย ผมคิดอยากลาออกทุกวันครับ ถ้าผมออกไป ในตำแหน่งนั้นไม่มีใครทำเลย+สถานะของบริษัทก็ไม่ได้ดีมากครับ เคยโดนฟ้องมาครั้งนึงแล้ว เลยรู้สึกว่าถ้าปล่อยไป ไปไม่รอดแน่ อย่างน้อยช่วงที่ผมอยู่ก็ทำให้บริษัทโตขึ้นครับ ไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้ก็ยังแอบทำ แอบปรับครับ แต่ต้องแลกมาด้วยหน้าที่เยอะขึ้นเกินความจำเป็น ต้องเช็คทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิด Human Error อีก แต่ก็ไม่ 100% ครับ คนยังไงก็คือคนไม่ใช่เครื่องจักร ดีกว่าทำแบบที่เค้าต้องการแล้วงานเสียกว่าเดิม เรียนแทบตาย พยายามแทบตาย เอาทั้งเวลาส่วนตัวไปแลกก็แล้ว สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยครับ จะบ้า555 ผมยอมรับครับว่าประสบการณ์ยังน้อย แต่ผมค่อนข้างมั่นใจเพราะผมมีคนคอยช่วยคอยแนะนำและมีทั้งความรู้และประสบการณ์โดยตรง ผมค่อยนำความรู้และคำแนะนำจากไปปรับใช้หรือ R&B ก่อนเสมอ ก่อนมาลงมือจริง
ตัดภาพมาที่ชีวิตคู่บ้างครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 5 ปี พักหลังนี้หลังจากจบไปเริ่มเข้ามาทำงาน ก็เริ่มไม่มีเวลาให้เค้าครับ ผมก็มีบอกเค้าก่อนล่วงหน้า+เวลาเรา 2 คนไม่ตรงกันครับ ผมจะมีแค่วัน อา วันเดียว ส่วนเค้าไม่แน่นอนครับ น้อยมากที่จะมีเวลาว่างตรงกัน พอมีเวลาว่าง แรกๆก็ไปหาเค้าครับ พอนานๆเข้า พ่อเริ่มห้าม ไม่ให้ไป บอกว่าไปทำไมบ่อยๆ (1 เดือนผมเจอเค้าไม่ถึง 3 ครั้งครับ น้อยมาก) + ไม่ค่อยชอบแฟนผมด้วยแหละ มีช่วงนึงผมทะเลาะกับเค้าค่อนข้างบ่อยครับ แรกๆผมก็ฟังพ่อ หลังๆเริ่มหนักขึ้นทุกวัน ถึงขั้นเวลาผมจะไปไหน ทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในไลน์ผลิต ผมต้องรายงานเค้าทุกอย่าง แม้เวลาผมเข้าห้องน้ำ เค้ายังโทรหาว่าไปไหน ทำไมไม่คุมไลน์ งานเสียรับผิดชอบไหวมั้ย พอวันไหนผมบอกว่าผมจะไปหาแฟน เค้าก็บอกว่า ไปไหน ไปทำไม ทำไมชอบไปข้างนอกบ่อยๆ ไม่ได้(ผมไม่ได้ไปไหนเลยครับ นอกจากไปหาแฟน) มันเลยทำให้ผมกับแฟนทะเลาะกันบ่อย บางครั้งก็พูดอะไรไม่ถูก เวลาทะเลาะกันแฟนพูดว่า ถ้าขนาดนี้ไปเป็นผีเฝ้าโรงงานเลยมั้ย บางครั้งก็รู้สึกผิดกับแฟน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เคยไม่ฟังแต่ผลที่ตามมามันไม่คุ้มเท่าไหร่ครับ ทุกวันนี้กับแฟนก็เริ่มห่างเหินครับ ไม่ค่อยได้คุยกัน ถามคำตอบคำ เหมือนไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่
ตอนนี้ผมเหมือนโดนขังอยู่ในคุกเลยไปไหนไม่ได้ เคยคิดสั้นครับ แต่ก็หยุดได้เพราะแม่ครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แม่เสียน้ำตาเลยไม่อยากทำอีกมันไม่คุ้มครับ คิดได้แบบนั้นก็ทนทำไปเรื่อยๆจนถึงวันนี้ ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ