กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เดินหน้าสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการส่งเสริม
และพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (ผู้แทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) คณะผู้บริหาร ข้าราชการจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ กว่า ๓๐๐ คน เข้าร่วมพิธี
นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวว่า “อาหาร” เป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สะท้อนแนวคิด (concept) วิถีชีวิต(lifestyle) ประวัติศาสตร์ (history) ภูมิปัญญา (remedy) ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การประกอบอาหาร การปรุงรสอาหาร วิธีการรับประทาน ข้อกำหนดและข้อห้ามเกี่ยวกับอาหารที่แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ (interaction) กับต่างประเทศ
นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวอีกว่า ปี ๒๕๖๘ นี้ เป็นปีที่ ๓ ในการขับเคลื่อนการยกระดับอาหารถิ่นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรม และนอกเหนือจากการค้นหาเมนูอาหาร “รสชาติ...ที่หายไป” แล้ว ยังมุ่งพัฒนาเมนูอาหารถิ่นสู่การจัดสำรับเครื่องดื่มพื้นบ้าน (assortment of traditional cuisine and beverages) ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เกิดการอนุรักษ์และเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอาหารของประเทศ ตลอดจนการนำเสนอเมนูอาหารที่สร้างสรรค์สู่สากล
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ ห้องศรีวราแกรนด์บอลรูม ชั้น ๒ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ กรมการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง (strengthening) ให้กับชุมชน มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (creative economy) อย่างมีส่วนร่วมทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ อันจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) ได้อย่างมีศักยภาพ
หน่วยงานผู้รับผิดชอบ : กองกิจการเครือข่ายทางวัฒนธรรม โดยกลุ่มสนับสนุนกิจการพิเศษ
สัมภาษณ์ เชฟคำนาง คุณณัฎฐภรณ์ คมจิต sustainable chef จากเฮือนคำนาง
สัมภาษณ์ เชฟไพศาล คุณไพศาล ชีวินศิริวัฒน์ จากร้านแก่น I KAEN จังหวัดขอนแก่น
สัมภาษณ์ คุณไอริน ทวีเกื้อกูลกิจ จากบริษัท ชิมไทย จำกัด
สัมภาษณ์ พี่สตังค์ คุณจรงค์ศักดิ์ รองเดช จากรายการภัตตาคารบ้านทุ่ง ทางสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส
การพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste”
นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวว่า “อาหาร” เป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สะท้อนแนวคิด (concept) วิถีชีวิต(lifestyle) ประวัติศาสตร์ (history) ภูมิปัญญา (remedy) ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การประกอบอาหาร การปรุงรสอาหาร วิธีการรับประทาน ข้อกำหนดและข้อห้ามเกี่ยวกับอาหารที่แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ (interaction) กับต่างประเทศ
นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวอีกว่า ปี ๒๕๖๘ นี้ เป็นปีที่ ๓ ในการขับเคลื่อนการยกระดับอาหารถิ่นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรม และนอกเหนือจากการค้นหาเมนูอาหาร “รสชาติ...ที่หายไป” แล้ว ยังมุ่งพัฒนาเมนูอาหารถิ่นสู่การจัดสำรับเครื่องดื่มพื้นบ้าน (assortment of traditional cuisine and beverages) ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เกิดการอนุรักษ์และเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอาหารของประเทศ ตลอดจนการนำเสนอเมนูอาหารที่สร้างสรรค์สู่สากล