
นัท แฟนพันธุ์แท้ พ้อโดนเซียนพระดัง ทำเช็คเด้ง 30 ล้าน ต้องขายทอง-รถแม่ใช้หนี้ จากนี้คงจะไม่รับเช็คจากใครแล้ว เพราะไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือ นัท แฟนพันธุ์แท้ เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ หลังจากถูกเซียนพระชื่อดังทำเช็คเด้ง มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ทำให้เจ้าตัวต้องขายรถของแม่และทรัพย์สินของตัวเองเพื่อใช้หนี้
นายธนัท กล่าวว่า ในธุรกิจวงการพระเครื่อง หรือธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปจะมีระบบจ่ายเช็คล่วงหน้า ถ้าหากเป็นคู่ค้าที่ค้าขายกันมานาน หรือมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในการที่จะนำเงินก้อนมูลค่าหลักล้าน หลักสิบล้านมาซื้อขายสินค้าแล้วขายภายในวันนั้นทันที เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก พระเครื่องเป็นของสะสมที่ไม่ได้จะขายได้ทุกวันดังนั้นวงการพระเครื่องจะมีระบบผ่อน โดยใช้เช็ค ซึ่งถ้าจะผ่อนกันได้ เราต้องมีความสนิทสนมกันหรือว่าค้าขายกันมานาน จะต้องมีความไว้ใจกัน ตนก็มีระบบแบบนี้กับเพื่อนเพื่อนในวงการพระเครื่องหลายคน ซึ่งปกติจะใช้เงินสดในการซื้อ... อ่านข่าว
นายธนัท กล่าวว่า กรณีนี้มีเซียนพระชื่อดัง ที่คนในวงการพระรู้จักกันดี ทำเช็คเด้งใส่ตน ซึ่งมี 3 คน โดย 2 คนพยายามที่จะชดใช้ แต่อีก 1 คนคือ ไม่มีความพยายามจะรับผิดชอบหนี้ของตัวเอง ติดต่อไม่ได้ ยอดที่มาสร้างภาระให้ตน ก็ 5-6 ล้าน แต่ยอดรวมๆ ก็ประมาณเกือบ 30 ล้าน ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้จะฟ้องอีกฝ่าย และไม่ได้แจ้งความ แต่ขอเพียงแค่ให้อีกฝ่ายทยอยผ่อนผู้ใหญ่ที่ตนนำเช็คไปแลก เนื่องจากถ้าหากเราได้เช็คมาแล้ว เราต้องรอเป็นระยะเวลาประมาณ 6-10 เดือน แต่หากเรารอไม่ได้ เราก็จะเอาเช็คนี้ไปแลกกับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็จะคิดดอก ก่อนที่จะให้เงินกลับมา แต่เมื่อมีเช็คเด้ง ทำให้ตนต้องเสียทั้งดอกและเสียพระของตัวเองด้วย ซึ่งต้องหาเงินเพื่อนำไปให้ผู้ใหญ่ที่ไว้ใจให้เราเอาเช็คไปแลก...
นายธนัท กล่าวว่า ตนติดต่ออีกฝ่ายไปให้อีกฝ่ายนำเงินไปคืนผู้ใหญ่ที่ตนเอาเช็คไปแลกก่อน อีกฝ่ายก็มาขอพระจากร้านของตน เพื่อจะนำไปไลฟ์สดขายแล้วจะนำไปเงินที่ได้ไปคืนผู้ใหญ่ ตนก็ยินดีให้และบอกว่า “อย่าทำร้ายกันอีกนะ” เงินของตนประมาณ 5 ล้านบาทยังไม่ต้องคืน แต่อยากจะให้นำไปคืนผู้ใหญ่ก่อน ปรากฏว่าเมื่อไลฟ์สดเสร็จก็ไม่ได้เอาเงินไปคืนตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นตนพยายามจะสอบถามตลอด แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายและติดต่อไม่ได้...
นายธนัท กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทุกคนจำเป็นจะต้องใช้เงิน จะมีลูกค้าบางรายที่นำพระมาคืน ด้วยเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งร้านของตนรับซื้อพระที่ลูกค้าซื้อจากที่ร้าน เพราะตนเชื่อว่าพระคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากใครที่ครอบครองแล้วรู้สึกไม่สบายใจ มันก็จะไม่เป็นผลดี จึงเลือกรับซื้อในราคาเดิมกับที่ซื้อจากร้านไป แม้ว่าในปัจจุบัน พระที่ลูกค้าจะเอามาคืนราคาจะตกหรือราคาจะสูงก็ตาม ทำให้ช่วงนั้นตนต้องใช้เงินประมาณ 20 ล้านบาท ตนหาเงินวุ่นวายมาก เหนื่อยมาก จนตัดสินใจทำคลิปออกมา
“ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา มีลูกค้าหลายรายที่นำพระมาคืนเป็นหลัก 100 ล้าน เป็นผลกระทบระยะยาวแล้วดันมาโดนเพื่อนในวงการพระทำเช็คเด้งใส่อีก ขายทองไปหลายกิโล นำพระเครื่องไปจำนำ รถของแม่ ก็ขออนุญาตนำไปขาย และแม่ก็ยินดีให้นำไปขาย เพราะแม่บอกว่า อย่าให้เขาว่าได้ ว่าเราเป็นหนี้แล้วเราไม่ใช้ เราอย่าไปนั่งรถหรู ใช้ของแพงและไปติดหนี้คนอื่น เราเป็นหนี้ เราก็ต้องใช้ เรามีความรับผิดชอบ“นายธนัท กล่าว
เรื่องนี้ทั้งคนที่ตนเคยให้การช่วยเหลือ ได้นำเงินมาช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ เอ็มมี่ แม็กซิม ก็ขายทองที่มีทั้งหมดกว่า 200,000 บาท เพื่อเอาเงินมาช่วย หลังจากนี้ตนคงจะไม่รับเช็คจากใครแล้ว เพราะไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก...
อ่านข่าวต้นฉบับที่ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9651464
นัท แฟนพันธุ์แท้ พ้อโดนเซียนพระดัง ทำเช็คเด้ง 30 ล้าน ต้องขายทอง-รถแม่ใช้หนี้...
นัท แฟนพันธุ์แท้ พ้อโดนเซียนพระดัง ทำเช็คเด้ง 30 ล้าน ต้องขายทอง-รถแม่ใช้หนี้ จากนี้คงจะไม่รับเช็คจากใครแล้ว เพราะไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือ นัท แฟนพันธุ์แท้ เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ หลังจากถูกเซียนพระชื่อดังทำเช็คเด้ง มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ทำให้เจ้าตัวต้องขายรถของแม่และทรัพย์สินของตัวเองเพื่อใช้หนี้
นายธนัท กล่าวว่า ในธุรกิจวงการพระเครื่อง หรือธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปจะมีระบบจ่ายเช็คล่วงหน้า ถ้าหากเป็นคู่ค้าที่ค้าขายกันมานาน หรือมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในการที่จะนำเงินก้อนมูลค่าหลักล้าน หลักสิบล้านมาซื้อขายสินค้าแล้วขายภายในวันนั้นทันที เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก พระเครื่องเป็นของสะสมที่ไม่ได้จะขายได้ทุกวันดังนั้นวงการพระเครื่องจะมีระบบผ่อน โดยใช้เช็ค ซึ่งถ้าจะผ่อนกันได้ เราต้องมีความสนิทสนมกันหรือว่าค้าขายกันมานาน จะต้องมีความไว้ใจกัน ตนก็มีระบบแบบนี้กับเพื่อนเพื่อนในวงการพระเครื่องหลายคน ซึ่งปกติจะใช้เงินสดในการซื้อ... อ่านข่าว
นายธนัท กล่าวว่า กรณีนี้มีเซียนพระชื่อดัง ที่คนในวงการพระรู้จักกันดี ทำเช็คเด้งใส่ตน ซึ่งมี 3 คน โดย 2 คนพยายามที่จะชดใช้ แต่อีก 1 คนคือ ไม่มีความพยายามจะรับผิดชอบหนี้ของตัวเอง ติดต่อไม่ได้ ยอดที่มาสร้างภาระให้ตน ก็ 5-6 ล้าน แต่ยอดรวมๆ ก็ประมาณเกือบ 30 ล้าน ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้จะฟ้องอีกฝ่าย และไม่ได้แจ้งความ แต่ขอเพียงแค่ให้อีกฝ่ายทยอยผ่อนผู้ใหญ่ที่ตนนำเช็คไปแลก เนื่องจากถ้าหากเราได้เช็คมาแล้ว เราต้องรอเป็นระยะเวลาประมาณ 6-10 เดือน แต่หากเรารอไม่ได้ เราก็จะเอาเช็คนี้ไปแลกกับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็จะคิดดอก ก่อนที่จะให้เงินกลับมา แต่เมื่อมีเช็คเด้ง ทำให้ตนต้องเสียทั้งดอกและเสียพระของตัวเองด้วย ซึ่งต้องหาเงินเพื่อนำไปให้ผู้ใหญ่ที่ไว้ใจให้เราเอาเช็คไปแลก...
นายธนัท กล่าวว่า ตนติดต่ออีกฝ่ายไปให้อีกฝ่ายนำเงินไปคืนผู้ใหญ่ที่ตนเอาเช็คไปแลกก่อน อีกฝ่ายก็มาขอพระจากร้านของตน เพื่อจะนำไปไลฟ์สดขายแล้วจะนำไปเงินที่ได้ไปคืนผู้ใหญ่ ตนก็ยินดีให้และบอกว่า “อย่าทำร้ายกันอีกนะ” เงินของตนประมาณ 5 ล้านบาทยังไม่ต้องคืน แต่อยากจะให้นำไปคืนผู้ใหญ่ก่อน ปรากฏว่าเมื่อไลฟ์สดเสร็จก็ไม่ได้เอาเงินไปคืนตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นตนพยายามจะสอบถามตลอด แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายและติดต่อไม่ได้...
นายธนัท กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทุกคนจำเป็นจะต้องใช้เงิน จะมีลูกค้าบางรายที่นำพระมาคืน ด้วยเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งร้านของตนรับซื้อพระที่ลูกค้าซื้อจากที่ร้าน เพราะตนเชื่อว่าพระคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากใครที่ครอบครองแล้วรู้สึกไม่สบายใจ มันก็จะไม่เป็นผลดี จึงเลือกรับซื้อในราคาเดิมกับที่ซื้อจากร้านไป แม้ว่าในปัจจุบัน พระที่ลูกค้าจะเอามาคืนราคาจะตกหรือราคาจะสูงก็ตาม ทำให้ช่วงนั้นตนต้องใช้เงินประมาณ 20 ล้านบาท ตนหาเงินวุ่นวายมาก เหนื่อยมาก จนตัดสินใจทำคลิปออกมา
“ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา มีลูกค้าหลายรายที่นำพระมาคืนเป็นหลัก 100 ล้าน เป็นผลกระทบระยะยาวแล้วดันมาโดนเพื่อนในวงการพระทำเช็คเด้งใส่อีก ขายทองไปหลายกิโล นำพระเครื่องไปจำนำ รถของแม่ ก็ขออนุญาตนำไปขาย และแม่ก็ยินดีให้นำไปขาย เพราะแม่บอกว่า อย่าให้เขาว่าได้ ว่าเราเป็นหนี้แล้วเราไม่ใช้ เราอย่าไปนั่งรถหรู ใช้ของแพงและไปติดหนี้คนอื่น เราเป็นหนี้ เราก็ต้องใช้ เรามีความรับผิดชอบ“นายธนัท กล่าว
เรื่องนี้ทั้งคนที่ตนเคยให้การช่วยเหลือ ได้นำเงินมาช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ เอ็มมี่ แม็กซิม ก็ขายทองที่มีทั้งหมดกว่า 200,000 บาท เพื่อเอาเงินมาช่วย หลังจากนี้ตนคงจะไม่รับเช็คจากใครแล้ว เพราะไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก...
อ่านข่าวต้นฉบับที่ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9651464