หรี่ๆเรืองๆในแสงสีเหลืองอำพัน

ต้นตระกูลผมแต่ปางบรรพ์ หลังย่ำสายัณห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้จุดไต้จุดคบ ...

ผมชอบกลางคืน ชอบชีวิตกลางคืนในเงาไม้ของผม ทิวไม้ที่เปิดช่องให้เห็นแสงดาวเล็กๆ สุกสว่างท่ามกลางท้องฟ้าสีทึมๆ ถ้าพอมีเวลาและไม่อ่อนล้าจนเกินไปผมจะนั่งดูมัน นั่งดูดาวเก่าๆ บนเก้าอี้เก่า สัมผัสลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาท่ามกลางความมืดใต้แสงดาว เป็นช่วงเวลาที่ผมค่อนข้างเป็นสุข หรือผ่อนคลายจากเรื่องราวหนักหนาที่เรียงรายอยู่รอบๆตัว เหมือนชีวิตมีความสุขสั้นๆของ ฟรานซิส มาโคมเมอร์

ผมชอบเดินไปเดินมาอยู่หลังบ้านในตอนกลางคืน บางครั้งเที่ยงคืนตีหนึ่งยังลุกขึ้นมาเดินท่องราตรี ย่ำไปใต้ดวงดาว แต่ก็ให้ระวังงูที่เลื้อยไปใต้ดวงดาวเหมือนกัน ส่วนมากแล้วผมจะถือไฟฉายมาด้วย ทุกวันนี้ใช้ฟีนิกซ์ 21 อยู่ครับ ก็พอใช้ได้ สว่างดีและไม่ค่อยกินไฟ แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์เถื่อนจริงๆผมจะจุดตะเกียง แบบที่เรียกว่าตะเกียงโป๊ะหรือตะเกียงรั้ว

ตะเกียงอันที่ผมใช้ประจำนี่ผมใช้มาตั้งแต่เด็กๆ คือเจ้าของที่แท้จริงเป็นอากงหรือตาของผม ที่เสียชีวิตตั้งแต่ผมอายุได้ 4-5 ขวบ ตะเกียงนี่เค้าใช้มานานก่อนหน้านั้น คือมีอายุมากกว่าผมหลายปี ก็ใช้มาตลอด จนช่วงหลังๆไม่ค่อยได้ใช้ เนื่องจากสาเหตุหลักๆเลยคือน้ำมันก๊าดไม่มีขาย และไส้ผ้าที่ใช้จุดไฟมันกำลังจะหมด

ก็ไม่รู้ว่าถ้าน้ำมันก๊าดไม่มีจริงๆผมจะเอาอะไรจุด มีอันอื่นที่ผมใช้โซล่าก็พอได้แต่ก็เหม็นและให้ควันดำจนเกาะแก้วตะเกียงต้องคอยเช็ดและจุดได้ไม่นาน สำหรับตะเกียงที่ไม่ได้จุดไฟก็เหมือนชีวิตของมันได้ถึงจุดสุดท้าย ความหมายในชีวิตของมันหายไปโดยสิ้นเชิง

ผมเคยกลัวความมืด เดี๋ยวนี้ผ่านวันเวลามาจนรู้ว่ามีสิ่งที่น่ากลัวกว่าความมืดมากมายนัก ความมืดที่เคยน่ากลัวแท้จริงแล้วมีเพื่อปลอบโยนเรา จากบางสิ่งบางอย่างที่ถูกทำร้ายในโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ทุกครั้งที่ตั้งใจนั่งลงในความมืด ผมมักจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากตัวเอง เห็นชีวิตตัวเอง เห็นอย่างเลือนลางเมื่อมองถึงวันนี้แต่กลับชัดเจนเมื่อมองไปถึงวันที่ผ่านมา นี่เราอยู่กับปัจจุบันโดยไม่ให้ความสนใจหรือจดจ่อกับสิ่งที่ผ่านไปนานแสนนาน

บางครั้งคนก็อ่อนล้าหรือเหนื่อยจนไม่มีแรงจะไป แบบคิดอะไรไม่ออก ขาดแคลนแรงบรรดาลใจ เหนื่อย ทำงานก็เหนื่อย หายใจก็เหนื่อย คิดอะไรก็เหนื่อย ใช้ชีวิตด้วยความเหนื่อยล้า เหมือนพลังชีวิตในกล้ามเนื้อและตับไตมันกำลังจะหมด ที่แย่กว่านั้นคือเหนื่อยจนคิดอะไรไม่ออกหรือคิดไม่ไหว หมดไฟที่จะสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างหรือทุกสิ่งทุกอย่าง

ชีวิตแทบจะหมดความหมายลงตรงหน้า มองอะไรไม่เห็นแม้ในขณะที่ลืมตา เป็นความมืดอย่างแท้จริง

แรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่ต้องค้นหานะครับ มันไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนั้นเหมือนแรงบันดาลใจดั้งเดิม มันจะมากับสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งเก่าๆที่ผ่านเข้ามาใหม่ ขอซักวูบนึง แว่บนึงก็ได้ ปิ๊งๆนึง เติมไฟให้ใจที่กำลังมอด ให้กลับสว่างเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่า ตโม โชติปรายโน มืดมาสว่างไป หรือสว่างมาสว่างไป หรือจะสว่างมาแล้วมืดไปแล้วกลับสว่างอีกที อีท่าไหนก็ช่างเถอะขอให้มันสว่างไปก็แล้วกัน เอิ้ก เอิ้ก

ท่ามกลางความมืด แสงตะเกียงดวงน้อยก็สว่างราวพระจันทร์ปรากฏขึ้นตรงหน้า โลกใบเดิมที่เคยสว่างไสวไปด้วยแสงจากหลอดไฟฟ้า เชื่อซิครับ ถ้าเรามองมันด้วยแสงตะเกียงสิ่งที่เราเห็นมันจะไม่เหมือนเดิม อบอุ่นขึ้น สวยขึ้นถึงจะมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนวันที่ผ่านมา ความมืดก็มีรสชาติของมัน ถึงไม่เหงาเท่ากับสายลมหนาวแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราคิดถึงใครบางคนหรือบางสิ่งบางอย่าง

คิดๆดูแล้วก็อยากนั่งเงียบๆอยู่ข้างแสงตะเกียง ถ้วยชาซักถ้วย มีดซักเล่มและหนังสือที่ไม่ได้เอาไว้อ่าน แมวซักตัวเดินตะคุ่มๆอยู่ริมแสงไฟ และใครบางคนที่แอบชะเง้อเฝ้าคอยอยู่ไกลๆ นั่งเสพความเงียบ ลิ้มรสชาติของความมืด ยอมรับการคงอยู่ของจักรวาลผ่านการเคลื่อนตัวช้าๆของดวงดาว ดูว่าในความว่างของจิต จะติดไฟให้หัวใจไปต่อได้ไหม

บางทีสิ่งเราค้นหาอาจจะปรากฏในความสลัวๆนั่นก็ได้

...

แสงดาว อยากเป็นดวงดาวเหลือเกิน...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่