ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP. 67 : เปิดร้าน ขายของดีจนเจ๊ง

ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP. 67 : เปิดร้าน ขายของดีจนเจ๊ง

ธุรกิจต่างๆจะต้องตีให้ออกว่าจุดประสบความสำเร็จอยู่ตรงไหน

ตัวอย่างเช่น

ธุรกิจอู่รถ ก็ต้องมีการวินิจฉัยเหมือนหมอที่มีใบประกอบโรคศิลป์ ก็คือการรักษาโรคก็ต้องมีศิลปะในการสื่อสารถึงจะรักษาได้ถ้าเราเป็นอู่เราก็ต้องฟังลูกค้าให้เข้าใจ

เช่นเรารู้ว่าคนเป็นโรคหัวใจแต่จะบอกว่าเป็นโรคเอดส์คนไข้จะ shock ไหม

จะทำยังไงให้ลูกค้ารับรู้ได้และไม่ตื่นตระหนก

อย่าคิดว่ามันง่าย

เช่นเปิดร้านทำผมซึ่งต้องเข้าใจละครและเข้าใจเทรนด์ของสังคม เพราะลูกค้าจะชวนคุณคุยถ้าไม่ถูกหูนี่ งานหยาบเลยนะ

ฉะนั้นเป็นเรื่องของการสื่อสารล้วนๆ

อย่างธุรกิจขายข้าวแกง ซึ่งบางที่ใครมาเปิดก็เจ๊ง
แต่ถ้าเราสังเกตว่าพนักงานออฟฟิศ เราก็ต้องให้ข้าวน้อยกับเยอะ  ถ้าเป็นแรงงานนี้จะให้กับน้อยแต่ข้าวเยอะแล้วก็แถมกับข้าวบางอย่างไปด้วย อาจจะทำให้ร้านบูมได้ แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนเองเจ๊ง ซึ่งปัญหาก็คือปัญหาเด็กเสิร์ฟนี่แหละอาจจะเอาของผิดกฎหมายเข้ามาซึ่งมันมีปัญหาที่มองไม่เห็นเข้ามา

บางคนขายอาหารดีมีปัญหาเรื่องค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นก็เจ๊ง ตอนเช่าราคาหนึ่งถ้าผ่านไปตลาดค่าเช่าที่ขึ้นอยู่ไม่ไหวก็เจ๊ง

ส่งอาหารเดลิเวอรี่พอถึงสิ้นเดือน อ้าว ขาดทุนเพราะว่าไม่ได้คำนวณค่าคอมมิชชั่น คำนวณไม่เสร็จ ลืมค่ารถที่ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด

ฉะนั้นเรื่องพวกนี้จะเป็นสภาวะแวดล้อมของการทำธุรกิจถ้าจะทำจริงๆก็ศึกษาให้ชัดเจนให้ออกให้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราวก่อนแล้วค่อยลงมือทำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่