หลังจากห่างหายการรีวิวไปเนิ้นนานน รอบนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยว หาประสบการณ์กับทวีปแห่งใหม่ นั่นก็คือทวีปแอฟริกา ซึ่งหลายคนคงคิดว่าทวีปนี้ดูยังไม่เจริญ ลำบาก กลัวอาหารการกินต่างๆ แต่จริงๆแล้วมันมีอะไรที่ไม่คิดเยอะมาก โดยรอบนี้ผมเดินทางไปคนเดียว จะไปเปิดหูเปิดตา สำรวจเส้นทางประเทศในฝันที่ตั้งใจอยากจะไปมานาน นั่นก็คือซิมบับเว บอสวานา แซมเบีย นามิเบีย และ แอฟริกาใต้ ช่วงที่ผมเดินทางคือ ช่วงต้นมีนาคม
ก่อนอื่น 5 ประเทศนี้คนไทยเราต้องทำวีซ่าตั้ง 4 ประเทศเลย จะมีแค่แอฟริกาใต้ที่ฟรีวีซ่าให้เรา 30 วัน มี 2 ประเทศต้องทำวีซ่าออนไลน์ล่วงหน้า และ อีก 2 ประเทศสามารถทำวีซ่า On arrival ได้ โดยก่อนเดินทางนี้จะขออธิบายเรื่องวีซ่าให้เพื่อเป็นอัพเดทล่าสุดให้กับทุกคนนะครับ
วีซ่า ประเทศ Zimbabwe
เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่สุดในทริปนี้เลย เพราะว่าต้องกรอกวีซ่าออนไลน์ผ่านเวป www.evisa.gov.zw ซึ่งเวปนี้เข้าจากประเทศไทยมักจะมีปัญหา เข้าไม่ได้เลย ทำให้จึงต้องรบกวนเพื่อนที่สิงคโปร์กรอกให้ ซึ่งทางสิงคโปร์สามารถเข้าได้ปกติ (จริงๆการกรอกไม่ได้ยากอะไร แต่ปัญหาคือเข้าเวปมันไม่ได้ แล้วเราก็ลองเช็คว่ามีเวปอื่นไหม สรุปมีเวปเดียว อาจจะเป็นเพราะ URL ของแต่ละประเทศโดนจำกัด) มีค่าใช้จ่ายวีซ่าอยุ่ที่ 45 USD สำหรับเข้าออก 2 ครั้ง เพราะทริปนี้ผมลงที่ซิมบับเวก่อนแล้วก็กลับมาเที่ยวอีกรอบ จึงเป็นเข้าออก 2ครั้ง ซึ่งใช้ระยะเวลา approve ประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากที่กรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ก็ปริ้นใบกรอก(หน้าตาเป็นแบบรูปด้านล่าง) แล้วไปจ่ายที่ตม. ซึ่งตอนผ่านตม. นั้นง่ายมาก ยื่นพาสพร้อมเงิน พร้อมใบนี้ เจ้าหน้าที่แสตมป์โลด เงินมาเข้าได้เลยย

วีซ่าประเทศ Zambia
สำหรับอันนี้ง่ายสุดเลยก็ว่าได้ ถึงตม.แล้ว จ่ายเงินจบไม่ต้องกรอกใดๆ เข้าออก 1 ครั้ง 25 USD / 2 ครั้ง 40 USD แค่ยื่นเล่มเจ้าหน้าที่ก็แสตป์ให้เลย
วีซ่า Botswana
ประเทศนี้ก็ต้องทำ evisa ล่วงหน้าเหมือนกันผ่านเวป
https://evisa.gov.bw/ ซึ่งเราสามารถกรอกข้อมูลได้ไม่ยาก และตัดบัตรได้เลยอยู่ที่ประมาณ 900 THB บาท และใช้เวลารอผลประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งเราอาจจะต้องเข้าไปเช็คเรื่อยๆ ว่าทางเวปวีซ่าเค้าต้องการให้เราแนบเอกสารเพิ่มเติมด้วยไหม พอถึงตม.ที่บอสวานาแค่ยื่นเอกสารนี้ก็ได้แสตมป์เข้าเลย หน้าตาจะเป็นประมาณนี้

วีซ่าประเทศ Namibia
ประเทศนี้คนไทยสามารถทำวีซ่า on arrival ได้แล้วสะดวกมาก หลังจากลงเครื่องเข้าสนามบิน จะมีป้าย Visa on arrival เข้าไปเจ้าหน้าที่จะให้กรอกเอกสารเป็นกระดาษเพิ่มเติมว่าเรามาทำอะไร พักที่ไหน อยู่กี่วัน และก็จ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิตกับเจ้าหน้าที่ได้เลย ถ้าเงินสดต้องเป็นสกุลเงินนามิเบียเท่านั้นไม่รับ USD เลย หลังจากได้วีซ่า ก็เดินออกไปผ่านตม. ใกล้ๆได้เลย
หลังจากวีซ่าเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเริ่มทริปกันเลย โดยทริปนี้ทั้งทริปได้รับความดูแลจากทางบริษัท Quality Express จัดให้เต็มที่จริงๆ
รอบนี้ผมเดินทางด้วยสายการบิน Ethiopian Airline บิน 8 ชั่วโมงไปที่ Addis ababa เครื่องลำใหญ่ ที่นั่ง 3-4-3 ก่อนแล้วจากนั้นต่อเครื่องต่อไปที่เมืองVICFALL (VFA) ต่ออีก 5 ชั่วโมง ต้องบอกเลยว่าทวีปแอฟริกานั้นใหญ่มากจริงๆ โดยเครื่องบินที่ต่อจะเป็นเครื่องบินขนาดเล็กลง ที่นั่งแบบ3-3 ทั้งสองไฟท์มีอาหารบนเครื่องให้ด้วย แต่ต้องบอกว่าอาหารน่าจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไร 555 ที่สนามบินเอธิโอเปีย ไม่ค่อยใหญ่มาก ยังมีจุดให้ซื้อของแบบ Duty free เหมือนกัน สนามบินนี้ต้องคอยเช็ค gate ดีๆเพราะชอบเปลี่ยน gate บ่อย


อาหารมื้อแรกหลังขึ้นเครื่องไม่นาน เพราะเราบินไฟท์ดึกถึงเช้า

อาหารเช้ามื้อ 2

นี่ทำให้รู้เลยว่าสายการบินนี้ บินแทบจะทั่วทวีปแอฟริกาจริงๆ ไฟท์ของเราคือ ET823 ไปลุยกันต่อเลยอีก 5ชม. มีอาหารร้อนบนเครื่องเสริฟ 1 มื้อ

หลังจากลงเครื่องก็มีเจ้าหน้าที่มาขอดูวัคซีนไข้เหลือง เนื่องจากมาจากเอธิโอเปียต้องใช้ แต่เราแจ้งว่าเรามา Transit จึงไม่มีปัญหาใดๆ

ถึงตม.ก็ยื่นวีซ่าพร้อมกับเงินให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะแปะวีซ่าในเล่มให้เราสวยงาม หลังจากผ่านตม.มา (เค้าไม่ให้ถ่ายรูป) อันนี้เป็นจุดรับกระเป๋า ซึ่งมีแค่นี้เองก็เดินออกไปเริ่มทริปกันเลย หลังจากออกมาแล้วสามารถหาซื้อซิมโทรศัพท์ได้ด้านนอกได้เลย เราใช้ของ Econet ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว จ่ายไป15 USD ใช้4วันสบาย

จากสนามบินไปประมาณ 20 นาทีก็จะเป็นร้านอาหารยอดนิยมที่เป็นจุดชมวิวเห็นน้ำตก Victoria fall คือร้าน The lookout Cafe แนะนำให้มาทาน อาหารรสชาติดีเลย บวกกับวิวสวยงามมาก

หลังทานข้าวเสร็จเราจะไปคือ นั่งเฮริคอปเตอร์ชมวิวน้ำตกวิกตอเรียฟอล์จากมุมสูง ที่นี่เราจะได้เห็นภาพแบบ 360 องศา ใช้เวลาอยุ่บนเฮริคอปเตอร์บินวนชมทุกมุมของน้ำตก ประมาณ 13 นาที ที่นี่เราจะต้องรับฟังกฏระเบียบและช่างน้ำหนักก่อนด้วย


สมกับที่ได้รับเป็น World Heritage จริงๆ ใหญ่อลังมาก

เป็นน้ำตกที่มีหน้ากว้างที่สุดในโลก มองจากบนนี้สามารถเห็นน้ำตกวิกตอเรียฟอล ทั้งฝั่งแซมเบียและซิมบับเวเลยด้วย

เฮลิคอปเตอร์บินวนรอบ ให้เห็นทุกๆมุม สวยงามมากจริงๆ

เวลาผ่านไปไวมาก ถ่ายรูปยังไม่หายมันเลย จากนั้นก็ไปล่องเรือแม่น้ำแซมเบซี่ ซึ่งแม่น้ำของชายแดนแซมเบียและซิมบับเว ชมพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศแสนโรแมนติก บนเรือนั้นยังมีขนม เครื่องดื่มไม่อั้นให้กินบนเรือ ล่องเรืออยุ่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลับมายังที่ฝั่งเดิม ระหว่างล่องเรือ เรายังได้เห็นทั้งฮิปโปและจระเข้ เจ้าแห่งสายน้ำแห่งนี้อีกด้วย สำหรับการล่องเรือนั้นสามารถล่องได้ทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งแซมเบียและซิมบับเว เรือที่นี่มีหลายเจ้ามาก ลองเลือกดูตามราคาก็ได้



ล่องเรือเสร็จก็จัด dinner คนเดียวสักหน่อย อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสเต็ก ใครชอบทานเนื้อ น่าจะชอบอาหารที่นี่
จากนั้นเราก็ไปพักที่โรงแรม MBANO MANOR HOTEL


วันที่2 วันนี้เราจะเดินทางข้ามไปประเทศแซมเบียก่อนกลับมาที่ซิมบับเวอีกรอบ โดยการข้ามด่านของสองประเทศนี้นั้นง่ายมาก รถมาจอดที่ชายแดน คนรถขนกระเป๋าข้ามประตูให้ ส่วนเราก็ไปยื่นวีซ่าหน้าด่านจ่ายเงินไป 40 USD ทำแบบ Double entry เพราะเราจะอยุ่ที่นี่ 2 คืน


มีแค่ประตูนี้เท่านั้นที่กั้นระหว่างสองประเทศ ซึ่งเราก็ยังคงใช้ซิมเดิมในการเที่ยวอยู่
เริ่มต้นทริปกันด้วย ไปเดินถ่ายรูปกับสิงโตแบบตัวติด ใกล้ชิดสุดๆ ถามว่าใจสู้ไหมก่อนน แต่ที่นี่เค้าจะดูแลดีเลย จะสอนวิธีว่าจะต้องทำยังไง ถ้าสิงโตเป็นแบบนี้เราควรทำยังไง คือสิงโตอายุ1 ปี แต่ตัวใหญ่แล้ว กฏที่นี่คือห้ามจับหัว ลูบคอ จับหาง นอกนั้นกล้าจับส่วนไหนก็จับเลย 555

จริงๆแล้วที่นี่มีแบบที่เป็นเดินกับสิงโตด้วย แต่ว่าของเราขอแค่แบบนี้พอ 555 แอบใกล้กันเกินไปนิด จากนั้นก็ไปชมน้ำตก Vicfall ฝั่งแซมเบียก็คือเมือง Livingstone ซึ่งชื่อของเมืองนี้ก็มาจากนักสำรวจนายเดวิด ลิฟวิ่งสโตน ที่เป็นคนค้นพบน้ำตกแห่งนี้ น้ำตกทางฝั่งแซมเบียจะเดินสั้นกว่า ละอองน้ำที่นี่คือตัวเปียกได้ทั้งตัว ต้องใส่เสื้อกันฝนเอา

รูปปั้นคุณเดวิด

ลึกมากและเป็นโขดหินเยอะ ตกไปไม่ต้องคิดเลย

ที่นี่น้ำเยอะมาก เลยเกิดสายรุ้งตลอด

ช่วงที่ดีที่สุดจริงๆแล้วคือช่วงเดือน APR-OCT เรามาก่อนไปนิดนึง Davil pool เลยยังไม่เปิด เพราะน้ำเชี่ยวเกิน
หลังจากเดินน้ำตกเสร็จแล้ว ก็ไปเช็คอินโรงแรมซึ่งมีโรงแรมของคนไทยเปิดที่นี่ด้วยนั่นคือ โรงแรม Royal Livingstone Victoria Falls Zambia Hotel by Anantara

หลังจากนั้นเราไปนั่งรถไฟชมวิวที่สะพานข้ามประเทศ คือเป็นวิวน้ำตกวิคฟอลจากบนสะพาน และทานอาหารเย็นบนรถไฟ หรูหรา หมาเห่ามากก คิดว่าผู้ดีมาจากไทยแลนด์ คือทุกคนแต่งตัวดี มีชาติตระกูล(ทุกคนก็มีหมดแหละ) อาหารเสริฟเป็นคอสๆ ใครอยากมาชิวๆ เปลี่ยนบรรยากาศแนะนำเลย ที่นี่มีทั้งไวน์ แชมเปญไม่อั้น ดื่มกันให้เมาได้เลย แต่ใช้เวลานั่งประมาณ 4 ชม. ต้องบอกว่าใครที่ชอบadvanture หน่อยอาจจะรู้สึกเบื่อๆ แต่ใครที่ชอบสบายๆ นั่งเรื่อยๆก็โอเคร ไปกลับรวมทานอาหาร

รถไฟแบบผู้ดีเก่า

ซึ่งภายในส่วนใหญ่ก็คนฝรั่งซะมากกว่าเอเชีย


อาหารที่นี่เริ่มด้วยซุป

Main มีให้เลือกเนื้อหรือปลา

ปิดด้วยของหวาน



ปิดวันที่2 ด้วยบรรยากาศที่ดีมาก พรุ่งนี้เตรียมไปต่อประเทศที่ 3นั่นคือประเทศ Botswana จุดหมายปลายทางก็คือ Chobe National Park
[CR] ลุยเดี่ยว 5ประเทศ Zimbabwe Zambia Botswana Namibia South Africa ที่โคตรจะมหัศจรรย์
ก่อนอื่น 5 ประเทศนี้คนไทยเราต้องทำวีซ่าตั้ง 4 ประเทศเลย จะมีแค่แอฟริกาใต้ที่ฟรีวีซ่าให้เรา 30 วัน มี 2 ประเทศต้องทำวีซ่าออนไลน์ล่วงหน้า และ อีก 2 ประเทศสามารถทำวีซ่า On arrival ได้ โดยก่อนเดินทางนี้จะขออธิบายเรื่องวีซ่าให้เพื่อเป็นอัพเดทล่าสุดให้กับทุกคนนะครับ
วีซ่า ประเทศ Zimbabwe
เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่สุดในทริปนี้เลย เพราะว่าต้องกรอกวีซ่าออนไลน์ผ่านเวป www.evisa.gov.zw ซึ่งเวปนี้เข้าจากประเทศไทยมักจะมีปัญหา เข้าไม่ได้เลย ทำให้จึงต้องรบกวนเพื่อนที่สิงคโปร์กรอกให้ ซึ่งทางสิงคโปร์สามารถเข้าได้ปกติ (จริงๆการกรอกไม่ได้ยากอะไร แต่ปัญหาคือเข้าเวปมันไม่ได้ แล้วเราก็ลองเช็คว่ามีเวปอื่นไหม สรุปมีเวปเดียว อาจจะเป็นเพราะ URL ของแต่ละประเทศโดนจำกัด) มีค่าใช้จ่ายวีซ่าอยุ่ที่ 45 USD สำหรับเข้าออก 2 ครั้ง เพราะทริปนี้ผมลงที่ซิมบับเวก่อนแล้วก็กลับมาเที่ยวอีกรอบ จึงเป็นเข้าออก 2ครั้ง ซึ่งใช้ระยะเวลา approve ประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากที่กรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ก็ปริ้นใบกรอก(หน้าตาเป็นแบบรูปด้านล่าง) แล้วไปจ่ายที่ตม. ซึ่งตอนผ่านตม. นั้นง่ายมาก ยื่นพาสพร้อมเงิน พร้อมใบนี้ เจ้าหน้าที่แสตมป์โลด เงินมาเข้าได้เลยย
วีซ่าประเทศ Zambia
สำหรับอันนี้ง่ายสุดเลยก็ว่าได้ ถึงตม.แล้ว จ่ายเงินจบไม่ต้องกรอกใดๆ เข้าออก 1 ครั้ง 25 USD / 2 ครั้ง 40 USD แค่ยื่นเล่มเจ้าหน้าที่ก็แสตป์ให้เลย
วีซ่า Botswana
ประเทศนี้ก็ต้องทำ evisa ล่วงหน้าเหมือนกันผ่านเวป https://evisa.gov.bw/ ซึ่งเราสามารถกรอกข้อมูลได้ไม่ยาก และตัดบัตรได้เลยอยู่ที่ประมาณ 900 THB บาท และใช้เวลารอผลประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งเราอาจจะต้องเข้าไปเช็คเรื่อยๆ ว่าทางเวปวีซ่าเค้าต้องการให้เราแนบเอกสารเพิ่มเติมด้วยไหม พอถึงตม.ที่บอสวานาแค่ยื่นเอกสารนี้ก็ได้แสตมป์เข้าเลย หน้าตาจะเป็นประมาณนี้
วีซ่าประเทศ Namibia
ประเทศนี้คนไทยสามารถทำวีซ่า on arrival ได้แล้วสะดวกมาก หลังจากลงเครื่องเข้าสนามบิน จะมีป้าย Visa on arrival เข้าไปเจ้าหน้าที่จะให้กรอกเอกสารเป็นกระดาษเพิ่มเติมว่าเรามาทำอะไร พักที่ไหน อยู่กี่วัน และก็จ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิตกับเจ้าหน้าที่ได้เลย ถ้าเงินสดต้องเป็นสกุลเงินนามิเบียเท่านั้นไม่รับ USD เลย หลังจากได้วีซ่า ก็เดินออกไปผ่านตม. ใกล้ๆได้เลย
หลังจากวีซ่าเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเริ่มทริปกันเลย โดยทริปนี้ทั้งทริปได้รับความดูแลจากทางบริษัท Quality Express จัดให้เต็มที่จริงๆ
รอบนี้ผมเดินทางด้วยสายการบิน Ethiopian Airline บิน 8 ชั่วโมงไปที่ Addis ababa เครื่องลำใหญ่ ที่นั่ง 3-4-3 ก่อนแล้วจากนั้นต่อเครื่องต่อไปที่เมืองVICFALL (VFA) ต่ออีก 5 ชั่วโมง ต้องบอกเลยว่าทวีปแอฟริกานั้นใหญ่มากจริงๆ โดยเครื่องบินที่ต่อจะเป็นเครื่องบินขนาดเล็กลง ที่นั่งแบบ3-3 ทั้งสองไฟท์มีอาหารบนเครื่องให้ด้วย แต่ต้องบอกว่าอาหารน่าจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไร 555 ที่สนามบินเอธิโอเปีย ไม่ค่อยใหญ่มาก ยังมีจุดให้ซื้อของแบบ Duty free เหมือนกัน สนามบินนี้ต้องคอยเช็ค gate ดีๆเพราะชอบเปลี่ยน gate บ่อย
อาหารมื้อแรกหลังขึ้นเครื่องไม่นาน เพราะเราบินไฟท์ดึกถึงเช้า
อาหารเช้ามื้อ 2
นี่ทำให้รู้เลยว่าสายการบินนี้ บินแทบจะทั่วทวีปแอฟริกาจริงๆ ไฟท์ของเราคือ ET823 ไปลุยกันต่อเลยอีก 5ชม. มีอาหารร้อนบนเครื่องเสริฟ 1 มื้อ
หลังจากลงเครื่องก็มีเจ้าหน้าที่มาขอดูวัคซีนไข้เหลือง เนื่องจากมาจากเอธิโอเปียต้องใช้ แต่เราแจ้งว่าเรามา Transit จึงไม่มีปัญหาใดๆ
ถึงตม.ก็ยื่นวีซ่าพร้อมกับเงินให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะแปะวีซ่าในเล่มให้เราสวยงาม หลังจากผ่านตม.มา (เค้าไม่ให้ถ่ายรูป) อันนี้เป็นจุดรับกระเป๋า ซึ่งมีแค่นี้เองก็เดินออกไปเริ่มทริปกันเลย หลังจากออกมาแล้วสามารถหาซื้อซิมโทรศัพท์ได้ด้านนอกได้เลย เราใช้ของ Econet ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว จ่ายไป15 USD ใช้4วันสบาย
จากสนามบินไปประมาณ 20 นาทีก็จะเป็นร้านอาหารยอดนิยมที่เป็นจุดชมวิวเห็นน้ำตก Victoria fall คือร้าน The lookout Cafe แนะนำให้มาทาน อาหารรสชาติดีเลย บวกกับวิวสวยงามมาก
หลังทานข้าวเสร็จเราจะไปคือ นั่งเฮริคอปเตอร์ชมวิวน้ำตกวิกตอเรียฟอล์จากมุมสูง ที่นี่เราจะได้เห็นภาพแบบ 360 องศา ใช้เวลาอยุ่บนเฮริคอปเตอร์บินวนชมทุกมุมของน้ำตก ประมาณ 13 นาที ที่นี่เราจะต้องรับฟังกฏระเบียบและช่างน้ำหนักก่อนด้วย
สมกับที่ได้รับเป็น World Heritage จริงๆ ใหญ่อลังมาก
เป็นน้ำตกที่มีหน้ากว้างที่สุดในโลก มองจากบนนี้สามารถเห็นน้ำตกวิกตอเรียฟอล ทั้งฝั่งแซมเบียและซิมบับเวเลยด้วย
เฮลิคอปเตอร์บินวนรอบ ให้เห็นทุกๆมุม สวยงามมากจริงๆ
เวลาผ่านไปไวมาก ถ่ายรูปยังไม่หายมันเลย จากนั้นก็ไปล่องเรือแม่น้ำแซมเบซี่ ซึ่งแม่น้ำของชายแดนแซมเบียและซิมบับเว ชมพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศแสนโรแมนติก บนเรือนั้นยังมีขนม เครื่องดื่มไม่อั้นให้กินบนเรือ ล่องเรืออยุ่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลับมายังที่ฝั่งเดิม ระหว่างล่องเรือ เรายังได้เห็นทั้งฮิปโปและจระเข้ เจ้าแห่งสายน้ำแห่งนี้อีกด้วย สำหรับการล่องเรือนั้นสามารถล่องได้ทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งแซมเบียและซิมบับเว เรือที่นี่มีหลายเจ้ามาก ลองเลือกดูตามราคาก็ได้
ล่องเรือเสร็จก็จัด dinner คนเดียวสักหน่อย อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสเต็ก ใครชอบทานเนื้อ น่าจะชอบอาหารที่นี่
จากนั้นเราก็ไปพักที่โรงแรม MBANO MANOR HOTEL
วันที่2 วันนี้เราจะเดินทางข้ามไปประเทศแซมเบียก่อนกลับมาที่ซิมบับเวอีกรอบ โดยการข้ามด่านของสองประเทศนี้นั้นง่ายมาก รถมาจอดที่ชายแดน คนรถขนกระเป๋าข้ามประตูให้ ส่วนเราก็ไปยื่นวีซ่าหน้าด่านจ่ายเงินไป 40 USD ทำแบบ Double entry เพราะเราจะอยุ่ที่นี่ 2 คืน
มีแค่ประตูนี้เท่านั้นที่กั้นระหว่างสองประเทศ ซึ่งเราก็ยังคงใช้ซิมเดิมในการเที่ยวอยู่
เริ่มต้นทริปกันด้วย ไปเดินถ่ายรูปกับสิงโตแบบตัวติด ใกล้ชิดสุดๆ ถามว่าใจสู้ไหมก่อนน แต่ที่นี่เค้าจะดูแลดีเลย จะสอนวิธีว่าจะต้องทำยังไง ถ้าสิงโตเป็นแบบนี้เราควรทำยังไง คือสิงโตอายุ1 ปี แต่ตัวใหญ่แล้ว กฏที่นี่คือห้ามจับหัว ลูบคอ จับหาง นอกนั้นกล้าจับส่วนไหนก็จับเลย 555
จริงๆแล้วที่นี่มีแบบที่เป็นเดินกับสิงโตด้วย แต่ว่าของเราขอแค่แบบนี้พอ 555 แอบใกล้กันเกินไปนิด จากนั้นก็ไปชมน้ำตก Vicfall ฝั่งแซมเบียก็คือเมือง Livingstone ซึ่งชื่อของเมืองนี้ก็มาจากนักสำรวจนายเดวิด ลิฟวิ่งสโตน ที่เป็นคนค้นพบน้ำตกแห่งนี้ น้ำตกทางฝั่งแซมเบียจะเดินสั้นกว่า ละอองน้ำที่นี่คือตัวเปียกได้ทั้งตัว ต้องใส่เสื้อกันฝนเอา
รูปปั้นคุณเดวิด
ลึกมากและเป็นโขดหินเยอะ ตกไปไม่ต้องคิดเลย
ที่นี่น้ำเยอะมาก เลยเกิดสายรุ้งตลอด
ช่วงที่ดีที่สุดจริงๆแล้วคือช่วงเดือน APR-OCT เรามาก่อนไปนิดนึง Davil pool เลยยังไม่เปิด เพราะน้ำเชี่ยวเกิน
หลังจากเดินน้ำตกเสร็จแล้ว ก็ไปเช็คอินโรงแรมซึ่งมีโรงแรมของคนไทยเปิดที่นี่ด้วยนั่นคือ โรงแรม Royal Livingstone Victoria Falls Zambia Hotel by Anantara
หลังจากนั้นเราไปนั่งรถไฟชมวิวที่สะพานข้ามประเทศ คือเป็นวิวน้ำตกวิคฟอลจากบนสะพาน และทานอาหารเย็นบนรถไฟ หรูหรา หมาเห่ามากก คิดว่าผู้ดีมาจากไทยแลนด์ คือทุกคนแต่งตัวดี มีชาติตระกูล(ทุกคนก็มีหมดแหละ) อาหารเสริฟเป็นคอสๆ ใครอยากมาชิวๆ เปลี่ยนบรรยากาศแนะนำเลย ที่นี่มีทั้งไวน์ แชมเปญไม่อั้น ดื่มกันให้เมาได้เลย แต่ใช้เวลานั่งประมาณ 4 ชม. ต้องบอกว่าใครที่ชอบadvanture หน่อยอาจจะรู้สึกเบื่อๆ แต่ใครที่ชอบสบายๆ นั่งเรื่อยๆก็โอเคร ไปกลับรวมทานอาหาร
รถไฟแบบผู้ดีเก่า
ซึ่งภายในส่วนใหญ่ก็คนฝรั่งซะมากกว่าเอเชีย
อาหารที่นี่เริ่มด้วยซุป
Main มีให้เลือกเนื้อหรือปลา
ปิดด้วยของหวาน
ปิดวันที่2 ด้วยบรรยากาศที่ดีมาก พรุ่งนี้เตรียมไปต่อประเทศที่ 3นั่นคือประเทศ Botswana จุดหมายปลายทางก็คือ Chobe National Park
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้