Obesity probiotic คือ การศึกษาและการใช้ โปรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์มีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อช่วยในการ จัดการและป้องกันโรคอ้วน (Obesity) โดยโปรไบโอติกมีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ (gut microbiota) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเผาผลาญพลังงาน การเก็บสะสมไขมัน และการควบคุมความอยากอาหาร
โปรไบโอติกกับโรคอ้วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
1. ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้:
• คนที่เป็นโรคอ้วนมักมีสัดส่วนของจุลินทรีย์ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น มี Firmicutes มากกว่า Bacteroidetes ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูดซึมพลังงานส่วนเกิน
2. ลดการอักเสบในร่างกาย:
• โรคอ้วนเกี่ยวข้องกับภาวะการอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ โปรไบโอติกสามารถช่วยลดสารอักเสบและปรับปรุงการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
3. ควบคุมความอยากอาหารและน้ำหนัก:
• บางสายพันธุ์ของโปรไบโอติกสามารถผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนความอิ่ม เช่น GLP-1 และ PYY
4. ลดการสะสมไขมัน:
• งานวิจัยบางชิ้นพบว่าโปรไบโอติกบางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus gasseri อาจช่วยลดไขมันในช่องท้อง
โปรไบโอติกสายพันธุ์ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับโรคอ้วน:
• Lactobacillus gasseri: พบว่าสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องและน้ำหนักตัวได้ในบางการศึกษา
• Bifidobacterium breve: อาจช่วยลดการสะสมไขมันและมีผลต่อการเผาผลาญ
• Lactobacillus rhamnosus: มีรายงานว่าช่วยลดน้ำหนักและควบคุมการกินในบางกลุ่มประชากร
• Akkermansia muciniphila: แม้จะไม่ใช่โปรไบโอติกแบบทั่วไป แต่การเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์นี้ในลำไส้สัมพันธ์กับน้ำหนักตัวที่ลดลง
ข้อควรระวัง:
• ผลลัพธ์ของการใช้โปรไบโอติกในการลดน้ำหนักยังขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ปริมาณ และระยะเวลาในการใช้
• ไม่ควรใช้โปรไบโอติกแทนการปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย
• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคประจำตัว
#หมอกับแบ่งปันสุขภาพดี
ควบคุมน้ำหนัก ด้วย Probiotic
Obesity probiotic คือ การศึกษาและการใช้ โปรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์มีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อช่วยในการ จัดการและป้องกันโรคอ้วน (Obesity) โดยโปรไบโอติกมีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ (gut microbiota) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเผาผลาญพลังงาน การเก็บสะสมไขมัน และการควบคุมความอยากอาหาร
โปรไบโอติกกับโรคอ้วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
1. ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้:
• คนที่เป็นโรคอ้วนมักมีสัดส่วนของจุลินทรีย์ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น มี Firmicutes มากกว่า Bacteroidetes ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูดซึมพลังงานส่วนเกิน
2. ลดการอักเสบในร่างกาย:
• โรคอ้วนเกี่ยวข้องกับภาวะการอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ โปรไบโอติกสามารถช่วยลดสารอักเสบและปรับปรุงการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
3. ควบคุมความอยากอาหารและน้ำหนัก:
• บางสายพันธุ์ของโปรไบโอติกสามารถผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนความอิ่ม เช่น GLP-1 และ PYY
4. ลดการสะสมไขมัน:
• งานวิจัยบางชิ้นพบว่าโปรไบโอติกบางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus gasseri อาจช่วยลดไขมันในช่องท้อง
โปรไบโอติกสายพันธุ์ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับโรคอ้วน:
• Lactobacillus gasseri: พบว่าสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องและน้ำหนักตัวได้ในบางการศึกษา
• Bifidobacterium breve: อาจช่วยลดการสะสมไขมันและมีผลต่อการเผาผลาญ
• Lactobacillus rhamnosus: มีรายงานว่าช่วยลดน้ำหนักและควบคุมการกินในบางกลุ่มประชากร
• Akkermansia muciniphila: แม้จะไม่ใช่โปรไบโอติกแบบทั่วไป แต่การเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์นี้ในลำไส้สัมพันธ์กับน้ำหนักตัวที่ลดลง
ข้อควรระวัง:
• ผลลัพธ์ของการใช้โปรไบโอติกในการลดน้ำหนักยังขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ปริมาณ และระยะเวลาในการใช้
• ไม่ควรใช้โปรไบโอติกแทนการปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย
• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคประจำตัว
#หมอกับแบ่งปันสุขภาพดี