จากกระทู้เดิม
ของหวานจาก "คางคก" ฝีมืออากู๋
หลังจากที่อากู๋ (น้าชายของอาม่าผู้เล่าเรื่อง) จัดการกับคางคก...ส่งต่อให้ศรีภรรยาไปต้มกับลูกเดือยแล้ว
อากู๋ก็หันมาทำของเล่นให้เด็กๆ ด้วยการนำ "กระป๋องนม" ที่เตรียมไว้ อาม่าไม่ได้บอกว่ากระป๋องแบบไหน แต่น่าจะหมายถึง กระป๋องนมข้นซึ่งสมัยก่อนนิยมใส่กาแฟร้อน โดยเจาะรูเอาไว้ให้หิ้ว
อ่านจากกระทู้ข้างล่าง มีคนเล่าไว้ค่ะ
ภาพเก่าเล่าเรื่อง (71)กาแฟกับนมข้นหวานในอดีต
อากู๋ เอา "หนังคางคก" มาขึงบนปากกระป๋อง ใช้เชือกมัดให้แน่น รอจนแห้ง..ก็จะยิ่งรัดแน่นตึงเปรี๊ยะเป็นหนังกลองอย่างสมบูรณ์
จากนั้น นำไม้ที่ปั้นดินเหนียวพอกตรงปลายไว้ มาใช้เป็นไม้ตี "กลองหนังคางคก" เสียงดังกังวาน เด็กๆ ชอบใจ เฮฮา สนุกสนานกันทั่วหน้า
แต่หมวยฟังแล้ว ใจนึกไปถึง
กระป๋องของซิงแซ ที่อาม่าเล่าทุกที
ก็เป็นอีกหนึ่งของเล่นทำเองในสมัยนั้น อาม่าก็เคยเอาหลอดด้ายที่ใช้หมดแล้ว เอาแกนเปล่ามาตอกหรือมัดกับไม้ แบบให้ขยับได้ ให้เด็กถือไม้ ไถหลอดให้เคลื่อนไปเหมือนล้อรถ แค่นี้ก็สนุกแล้ว
นอกจากเมนูของหวานที่หาคนทำยาก และของเล่นแล้ว
"คางคก" ที่ดูตะปุ่มตะปำแบบนั้น ยังมีประโยชน์ใช้ทำยารักษาโรคผิวหนังได้ด้วย
คางคกรักษาโรคผิวหนัง
เอาคางคกมาทำของหวานแล้ว ก็ทำของเล่น
หลังจากที่อากู๋ (น้าชายของอาม่าผู้เล่าเรื่อง) จัดการกับคางคก...ส่งต่อให้ศรีภรรยาไปต้มกับลูกเดือยแล้ว
อากู๋ก็หันมาทำของเล่นให้เด็กๆ ด้วยการนำ "กระป๋องนม" ที่เตรียมไว้ อาม่าไม่ได้บอกว่ากระป๋องแบบไหน แต่น่าจะหมายถึง กระป๋องนมข้นซึ่งสมัยก่อนนิยมใส่กาแฟร้อน โดยเจาะรูเอาไว้ให้หิ้ว
อ่านจากกระทู้ข้างล่าง มีคนเล่าไว้ค่ะ
ภาพเก่าเล่าเรื่อง (71)กาแฟกับนมข้นหวานในอดีต
อากู๋ เอา "หนังคางคก" มาขึงบนปากกระป๋อง ใช้เชือกมัดให้แน่น รอจนแห้ง..ก็จะยิ่งรัดแน่นตึงเปรี๊ยะเป็นหนังกลองอย่างสมบูรณ์
จากนั้น นำไม้ที่ปั้นดินเหนียวพอกตรงปลายไว้ มาใช้เป็นไม้ตี "กลองหนังคางคก" เสียงดังกังวาน เด็กๆ ชอบใจ เฮฮา สนุกสนานกันทั่วหน้า
แต่หมวยฟังแล้ว ใจนึกไปถึง กระป๋องของซิงแซ ที่อาม่าเล่าทุกที
ก็เป็นอีกหนึ่งของเล่นทำเองในสมัยนั้น อาม่าก็เคยเอาหลอดด้ายที่ใช้หมดแล้ว เอาแกนเปล่ามาตอกหรือมัดกับไม้ แบบให้ขยับได้ ให้เด็กถือไม้ ไถหลอดให้เคลื่อนไปเหมือนล้อรถ แค่นี้ก็สนุกแล้ว
นอกจากเมนูของหวานที่หาคนทำยาก และของเล่นแล้ว
"คางคก" ที่ดูตะปุ่มตะปำแบบนั้น ยังมีประโยชน์ใช้ทำยารักษาโรคผิวหนังได้ด้วย
คางคกรักษาโรคผิวหนัง