ทฤษฎีและแนวคิดจากวิทยาศาสตร์และปรัชญา
การดับหรือการสิ้นสุดของจักรวาลเป็นหัวข้อที่ถูกศึกษาทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และปรัชญา โดยมีทฤษฎีและแนวคิดหลากหลาย ดังนี้:
---
**1. ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์**
1. **Big Freeze (การเยือกแข็งใหญ่)**
- เป็นทฤษฎีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เกิดจากการขยายตัวของจักรวาลอย่างไม่หยุดยืน ทำให้พลังงานและสสารกระจายตัวจนไม่สามารถเกิดปฏิกิริยาใดๆ ได้อีก จักรวาลจะเย็นลงและเข้าสู่ภาวะ "ความตายเชิงความร้อน" (Heat Death) ซึ่งไม่มีดาวฤกษ์ใหม่ก่อตัว และทุกสิ่งมืดมิด
- ปัจจุบัน จักรวาลกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร่งเนื่องจาก **พลังงานมืด** (Dark Energy) ที่มีสัดส่วนถึง 68% ของพลังงานทั้งหมดในจักรวาล
2. **Big Rip (การฉีกขาดใหญ่)**
- หากพลังงานมืดมีพลังมากขึ้นจนเอาชนะแรงโน้มถ่วง แรงดันจะทำให้กาแล็กซี ระบบสุริยะ และแม้แต่อะตอมถูกฉีกกระจายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ภายในเวลา 22 พันล้านปี
3. **Big Crunch (การยุบตัวใหญ่)**
- เป็นทฤษฎีที่ตรงข้ามกับ Big Freeze หากแรงโน้มถ่วงชนะพลังงานมืด จักรวาลจะยุบตัวกลับสู่จุดกำเนิดเดิม (Singularity) และอาจเกิดบิ๊กแบงใหม่ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากหลักฐานการขยายตัวเร่งของจักรวาล
---
**2. แนวคิดทางปรัชญาและศาสนา**
1. **พุทธศาสนา: วัฏจักรการเกิด-ดับ**
- ตามคัมภีร์พุทธศาสนา จักรวาลถูกทำลายด้วยธาตุ 3 อย่างตามกิเลสหลักของสัตว์โลก:
- **ไฟ** (เกิดจากความโลภ)
- **น้ำ** (เกิดจากความโกรธ)
- **ลม** (เกิดจากความหลง)
- แต่ละวัฏจักรยาวนานถึง **64 มหากัป** โดยจักรวาลถูกทำลายด้วยไฟ 56 ครั้ง น้ำ 7 ครั้ง และลม 1 ครั้ง
- ก่อนการดับ สัตว์ที่เจริญฌานจะไปเกิดในพรหมโลกชั้นสูงที่พ้นจากการทำลาย ในขณะที่สัตว์ในอบายภูมิต้องจุติไปเกิดในจักรวาลอื่น
---
#### **3. ปริศนาที่ยังไม่คลี่คลาย**
- **สสารมืดและพลังงานมืด**: องค์ประกอบ 96% ของจักรวาลยังไม่ถูกเข้าใจ วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสสารมืด (27%) และพลังงานมืด (68%) มีบทบาทอย่างไรในการกำหนดชะตาของจักรวาล
- **ภาวะเอกฐาน (Singularity)**: ก่อนบิ๊กแบงและหลังบิ๊กครันช์ ฟิสิกส์ปัจจุบันไม่สามารถอธิบายสภาวะที่ความหนาแน่นและอุณหภูมิเป็นอนันต์ได้ เนื่องจากขาดทฤษฎีแรงโน้มถ่วงควอนตัม
การดับของจักรวาล: ทฤษฎีและแนวคิดจากวิทยาศาสตร์และปรัชญา อยากฟังความคิดเห็น ของทุกๆ ท่านว่ามีแนวคิดในนี้ยังไง?
---
**1. ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์**
1. **Big Freeze (การเยือกแข็งใหญ่)**
- เป็นทฤษฎีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เกิดจากการขยายตัวของจักรวาลอย่างไม่หยุดยืน ทำให้พลังงานและสสารกระจายตัวจนไม่สามารถเกิดปฏิกิริยาใดๆ ได้อีก จักรวาลจะเย็นลงและเข้าสู่ภาวะ "ความตายเชิงความร้อน" (Heat Death) ซึ่งไม่มีดาวฤกษ์ใหม่ก่อตัว และทุกสิ่งมืดมิด
- ปัจจุบัน จักรวาลกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร่งเนื่องจาก **พลังงานมืด** (Dark Energy) ที่มีสัดส่วนถึง 68% ของพลังงานทั้งหมดในจักรวาล
2. **Big Rip (การฉีกขาดใหญ่)**
- หากพลังงานมืดมีพลังมากขึ้นจนเอาชนะแรงโน้มถ่วง แรงดันจะทำให้กาแล็กซี ระบบสุริยะ และแม้แต่อะตอมถูกฉีกกระจายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ภายในเวลา 22 พันล้านปี
3. **Big Crunch (การยุบตัวใหญ่)**
- เป็นทฤษฎีที่ตรงข้ามกับ Big Freeze หากแรงโน้มถ่วงชนะพลังงานมืด จักรวาลจะยุบตัวกลับสู่จุดกำเนิดเดิม (Singularity) และอาจเกิดบิ๊กแบงใหม่ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากหลักฐานการขยายตัวเร่งของจักรวาล
---
**2. แนวคิดทางปรัชญาและศาสนา**
1. **พุทธศาสนา: วัฏจักรการเกิด-ดับ**
- ตามคัมภีร์พุทธศาสนา จักรวาลถูกทำลายด้วยธาตุ 3 อย่างตามกิเลสหลักของสัตว์โลก:
- **ไฟ** (เกิดจากความโลภ)
- **น้ำ** (เกิดจากความโกรธ)
- **ลม** (เกิดจากความหลง)
- แต่ละวัฏจักรยาวนานถึง **64 มหากัป** โดยจักรวาลถูกทำลายด้วยไฟ 56 ครั้ง น้ำ 7 ครั้ง และลม 1 ครั้ง
- ก่อนการดับ สัตว์ที่เจริญฌานจะไปเกิดในพรหมโลกชั้นสูงที่พ้นจากการทำลาย ในขณะที่สัตว์ในอบายภูมิต้องจุติไปเกิดในจักรวาลอื่น
---
#### **3. ปริศนาที่ยังไม่คลี่คลาย**
- **สสารมืดและพลังงานมืด**: องค์ประกอบ 96% ของจักรวาลยังไม่ถูกเข้าใจ วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสสารมืด (27%) และพลังงานมืด (68%) มีบทบาทอย่างไรในการกำหนดชะตาของจักรวาล
- **ภาวะเอกฐาน (Singularity)**: ก่อนบิ๊กแบงและหลังบิ๊กครันช์ ฟิสิกส์ปัจจุบันไม่สามารถอธิบายสภาวะที่ความหนาแน่นและอุณหภูมิเป็นอนันต์ได้ เนื่องจากขาดทฤษฎีแรงโน้มถ่วงควอนตัม