ทำไมต้องวันนี้? 21 ก.พ. วันแห่ง Sticky Bun!




หอม หวาน หนึบหนับ! ถ้าพูดถึงขนมปังที่เข้ากันได้ดีกับกาแฟ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง Sticky Bun หรืออาจจะเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า "ขนมปังอบเคลือบคาราเมล"

อมยิ้ม07
...
: ถ้าเพื่อนๆ ชอบแบบรับชมรับฟัง สามารถเปิดได้ที่ Youtube: @lookatevent หรือตามลิงค์นี้ได้ครับผม
https://youtu.be/loNa1KOPbgo
...

.
จุดเริ่มต้นของ Sticky Bun นั้นย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 17 กลุ่มผู้อพยพชาวเยอรมันเดินทางมายังอเมริกา พร้อมกับสูตรขนมอบแสนอร่อยที่พวกเขาเรียกว่า Schnecken (ชเน็คเคน)

เมื่อมาถึงอเมริกา พวกเขาตั้งรกรากในรัฐเพนซิลเวเนีย และนำสูตรขนมนี้มาพัฒนาให้เข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่น ทำให้ในเวลาต่อมา กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ "Pennsylvania Dutch"

"สติ๊กกี้บัน" (Sticky Bun) นั้นถึงแม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกับ "ซินนามอน" แต่สติ๊กกี้บันยกระดับขึ้นด้วยการเคลือบคาราเมลเหนียวๆ และราดด้วยพีแคนไว้ด้านบนก่อนอบ ทำให้ได้ท็อปปิ้งที่เหนียวและหวาน กรุบกรอบอร่อยแบบยกระดับ

.
Sticky Bun มีรากเหง้าจากขนมอบยุคโบราณ ถึงแม้ว่าผู้อพยพชาวเยอรมันจะเป็นผู้เผยแพร่ในอเมริกา แต่ต้นกำเนิดของขนมประเภทนี้อาจย้อนไปได้ไกลกว่านั้นอีก

นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าชาวอียิปต์โบราณเป็นกลุ่มแรกที่คิดค้นแป้งหมักและทำขนมอบ โดยใช้ น้ำผึ้งและถั่ว เป็นส่วนผสมหลัก และมักใช้แป้งสาลีผสมกับน้ำเพื่อทำแป้งโดว์ และนำไปอบเป็นขนมปังหรือขนมอบที่เรียบง่าย และนอกจากจะใช้เป็นอาหารแล้ว ยังถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมต่างๆ 

.
ขนมปังจากอียิปต์ส่งต่อมายังกรีกและโรมัน จึงได้เริ่มเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เช่น ถั่วและผลไม้แห้ง เพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสที่อร่อยยิ่งขึ้น โดยในยุคโรมัน ขนมปังอบ ชาวโรมันเองได้มีการนำเทคนิคทำขนมปังม้วนหวานที่คล้าย Sticky Bun ซึ่งได้รับความนิยมในงานเฉลิมฉลองต่างๆ อีกทั้งขนมปังยังถือเป็นสินค้าสำคัญทางเศรษฐกิจ  และทำให้สูตรขนมปังเริ่มมีความหลากหลาย

.
เมื่อเข้าสู่ช่วงยุคกลางและยุคเรเนซองส์ การค้าขายผ่านเส้นทางสายไหมนำเครื่องเทศอย่างอบเชยเข้ามาในยุโรป ขนมอบจึงได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ช่วงเวลานี้มีการนำวัตถุดิบใหม่ๆ เข้ามา เช่น น้ำตาลที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และเนยที่กลายเป็นส่วนสำคัญของแป้งขนมอบ นอกจากนี้ เครื่องมือในการทำขนมอบก็ได้รับการพัฒนา เช่น แม่พิมพ์และที่ตัดแป้ง ซึ่งช่วยให้ขนมมีรูปร่างที่สวยงามและซับซ้อนมากขึ้น สูตรขนมปังจึงเริ่มแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

และในยุคนี้เอง เชฟขนมอบกลายเป็นบุคคลสำคัญในราชสำนัก พวกเขาถูกมอบหมายให้สร้างสรรค์ขนมอบที่สวยงามและหรูหราเพื่องานเฉลิมฉลอง ขนมอบไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารอีกต่อไป แต่เป็นสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคม

.
.
แล้วสงสัยไหมว่าทำไม Sticky Bun ถึงได้มีวันเฉลิมฉลองเป็นของตัวเอง!

.
นั่นก็เพราะมันเป็นขนมที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมอเมริกันมาอย่างยาวนาน และยังเป็นเมนูยอดนิยมที่คนทั่วประเทศหลงรัก  ถึงแม้ว่ายังไม่ทราบแน่ชัดถึงใครเป็นผู้จัดตั้งในวันนี้ขึ้นมา แต่เชื่อว่าเกิดจากร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ต่างๆ ร่วมตัวกันกำหนดให้วันที่ 21 กุมภาพันของทุกปี เป็นวัน "National Sticky Bun Day" หรือวันขนมปังม้วนราดคาราเมล เพื่อฉลองความอร่อยของขนมปังสุดคลาสสิกนี้


"เกร็ดเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้" คำว่า Schnecken (ชเน็คเคน) ของเยอะมัน แปลว่า "หอยทาก" เพราะรูปร่างของขนมม้วนนี้ดูคล้ายกับเปลือกหอยทากนั้นเอง และในอดีต Sticky Bun เคยเป็นขนมที่สงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงมาก่อน เพราะน้ำตาลและเครื่องเทศเคยเป็นของหายาก..



...
ถ้าพูดถึง "ขนมปัง" หรือ "ขนมปังอบ" ที่นุ่มฟูหอมหวาน ในวัน National Sticky Bun Day ที่สหรัฐอเมริกาตั้งขึ้นแล้วล่ะก็ แต่ละประเทศเองก็มีเมนูขนมปังสุดอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มาดูกันว่า.. ขนมปังจากหลากหลายประเทศที่น่ากินน่าอร่อยมีอะไรบ้าง 🍞

.
1. Mantou หมั่นโถว จากประเทศจีน
ขนมปังนึ่ง หรือซาลาเปาของจีนที่มีทั้งแบบมีไส้และไม่มีไส้ แม้จะทำจากวัตถุดิบพื้นฐานอย่างแป้ง ยีสต์ และน้ำ แต่กลับให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนอย่างน่าทึ่ง ในบางภูมิภาคของจีน หมั่นโถวเป็นอาหารเช้ายอดนิยม มักเสิร์ฟร้อนๆ ตามร้านอาหารหรือรถเข็นริมทาง

แม้สูตรดั้งเดิมจะเรียบง่าย แต่สามารถเพิ่มนม น้ำมัน หรือแม้แต่น้ำตาลเพื่อปรับรสชาติและความนุ่มได้ หมั่นโถวที่ทำอย่างพิถีพิถันจะมีรสหวานอ่อนๆ จากข้าวสาลีตามธรรมชาติ แม้ไม่มีการเติมน้ำตาล และมีเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน ละเอียด และนุ่มฟู จนกลายเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมทั้งในจีนและในประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชีย

.
2. Pineapple bun พายแอปเปิ้ลบัน จากฮ่องกง
ขนมปังสับปะรด ขนมอบสีทองกรอบนอกนุ่มใน รสหวาน มีต้นกำเนิดจากฮ่องกง ชื่อเรียกนี้แต่ส่วนผสมกับไม่มีสับปะรด ซึ่งชื่อนี้ตั้งตามลายกระดานหมากรุก ที่เปลือกขนมปังนั้นดูคล้ายเปลือกสับปะรด อีกทั้งขนมปังนี้ยังถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมาของฮ่องกง โดยทำมาจากส่วนผสม 4 อย่าง คือ แป้ง น้ำมันหมู น้ำตาล และไข่

.
3. Lekváros bukta (เล็กวาโรส บุคตะ) จากประเทศฮังการี
ขนมปังหวานสไตล์ฮังการีที่มาพร้อมไส้แยมผลไม้สุดเข้มข้น ขนมชนิดนี้ทำจากแป้ง ไข่แดง ครีมเปรี้ยว วานิลลา เนย เกลือ ยีสต์ และนม ซึ่งให้รสสัมผัสที่นุ่มและหอมละมุนเป็นเอกลักษณ์

แม้ว่าไส้ยอดนิยมจะเป็นแยมลูกพลัม แต่ Lekváros Bukta (เล็กวาโรส บุคตะ) ก็สามารถดัดแปลงให้มีไส้อื่นๆ ได้ เช่น ไส้วอลนัตบด เมล็ดป๊อปปี้ หรือชีสสดรสหวาน หลังจากนำไปอบจนได้สีเหลืองทอง ขนมปังจะถูกโรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่งเพื่อเพิ่มความหอมหวาน

ขนมชนิดนี้มักเสิร์ฟเป็นอาหารเช้า โดยนิยมรับประทานคู่กับชา หรือกาแฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและความอร่อยให้กับมื้อเช้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวของฮังการี Lekváros Bukta ถือเป็นขนมอบโฮมเมดสุดคลาสสิกที่หลายครอบครัวนิยมทำและรับประทานร่วมกัน

.
4. Hot cross buns (ฮอตครอสบัน) จากอังกฤษ
เป็นขนมปังเครื่องเทศที่มีรสหวานอ่อนๆ ทำจากแป้งโดว์ที่ผสมยีสต์และผลไม้แห้ง มักนิยมรับประทานในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday) และช่วงเทศกาลมหาพรต (Lent) จุดเด่นของขนมชนิดนี้คือสัญลักษณ์กากบาทบนหน้าขนม ซึ่งอาจทำจากแป้งพายชอร์ตครัสต์ (Shortcrust pastry) ส่วนผสมของแป้งกับน้ำ หรือไอซิ่งน้ำตาล

แม้ว่าจะมีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของฮอตครอสบัน แต่ที่มาที่แท้จริงยังคงเป็นปริศนา ขนมชนิดนี้บางครั้งถูกเชื่อมโยงกับชาวโรมันและชาวแซกซอน ซึ่งเคยทำขนมปังที่มีเครื่องหมายกากบาทเพื่อบูชา Eostre เทพีแห่งแสง อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วฮอตครอสบันมักถูกเชื่อมโยงกับคติชนของศาสนาคริสต์มากกว่า

.
5. Saffransbullar ซาฟฟรานส์บูลลาร์ จากสวีเดน
เป็นขนมปังสีเหลืองสไตล์สวีเดนที่มีกลิ่นหอมของหญ้าฝรั่น ทำจากแป้งโดว์ที่มีเนยเป็นส่วนผสมหลัก และมักเสริมรสชาติด้วยลูกเกดหรือไส้พาสต์อัลมอนด์

หนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ ลูสเซแคต (Lussekatt) ขนมปังรูปทรงเกลียวที่เกี่ยวข้องกับวันนักบุญลูเซีย (St. Lucia’s Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ธันวาคม ขนมชนิดนี้มีชื่อเรียกที่แปลว่า "แมวของนักบุญลูเซีย" เพราะรูปร่างที่บิดเป็นเกลียวคล้ายกับแมวที่ขดตัวนอน

ซัฟฟรานส์บุลลาร์มีหลากหลายรูปแบบและมักรับประทานในช่วงเทศกาล Advent โดยนิยมจับคู่กับกาแฟหรือ กลอค (Glögg) ไวน์มัลด์ร้อนที่มีเครื่องเทศตามสไตล์สวีเดน

.
6. Chelsea bun เชลซีบัน จากอังกฤษ
ขนมอบสุดคลาสสิกจากอังกฤษนี้ เชื่อกันว่าถูกคิดค้นขึ้นในศตวรรษที่ 18 ที่ Chelsea Bun House ในกรุงลอนดอน เชลซีบันทำจากแป้งโดว์ที่มีไข่เป็นส่วนประกอบหลัก ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู และมีกลิ่นหอมจากเปลือกมะนาว ผสมกับอบเชยหรือเครื่องเทศรวม

ก่อนนำไปอบ แป้งโดว์จะถูกทาด้วยส่วนผสมของเนย น้ำตาลทรายแดง และลูกเกดแห้ง (currants) ทำให้ได้ขนมปังที่มีชั้นเนื้อนุ่มและรสชาติหวานละมุน

เชลซีบัน เป็นของว่างยอดนิยมสำหรับช่วงเวลาน้ำชา มักรับประทานขณะอุ่น ตัดเป็นชิ้น แล้วทาเนยเพิ่มเพื่อความอร่อยยิ่งขึ้น

.
7. Jidáše จิดาเช่ จากเช็ก
Jidáše หรือที่เรียกว่า Judas Bun เป็นขนมปังอีสเตอร์แบบดั้งเดิมของชาวเช็ก ซึ่งมีรูปร่างเป็นเชือกม้วนหรือบ่วง คล้ายกับสัญลักษณ์ของการแขวนคอของยูดาส อิสคาริโอท ผู้ที่ทรยศพระเยซู ตามเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล

ขนมนี้ทำจากแป้งสาลี เนย ไข่แดง ครีม น้ำตาล น้ำผึ้ง ยีสต์ เกลือ และเปลือกมะนาวขูด บางสูตรอาจเติมลูกจันทน์เทศเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม เมื่ออบเสร็จแล้ว Jidáše จะถูกทาด้วยน้ำผึ้งผสมเนยและน้ำมะนาวเพื่อให้มีความเงางามและรสชาติหวานกลมกล่อม

ตามความเชื่อของชาวเช็ก หากรับประทาน Jidáše ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ (Maundy Thursday) จะช่วยปกป้องผู้กินจาก การถูกผึ้งต่อย งูกัด และการถูกหักหลัง ตลอดปี ถือเป็นขนมที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวทางศาสนาและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ

.
8. Devonshire split (เดวอนเชียร์ สปลิท) จากอังกฤษ
เดวอนเชียร์ สปลิท เป็นขนมปังหวานแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากมณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ ตามชื่อของมัน ขนมปังนี้ทำจากแป้งสาลี เกลือ น้ำตาล ยีสต์ เนย และนม หรือครีม เมื่อนวดแป้งจนได้ที่แล้ว จะถูกแบ่งออกเป็นก้อนกลมขนาดเล็ก และนำไปอบจนเปลือกด้านนอกมีสีเหลืองทองอ่อนๆ

โดยทั่วไป ขนมปังเดวอนเชียร์ สปลิท มักถูกทาเนยและโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ขนมปังควรมีเนื้อสัมผัสที่เบาฟูและรสชาติหวานเล็กน้อย หลังจากอบเสร็จแล้ว จะถูกผ่าครึ่งและเติมคล็อทเท็ดครีม (Clotted Cream) และแยมลงไป

นอกจากนี้ ยังมี คอร์นิช สปลิท (Cornish Split) ซึ่งมีลักษณะเหมือนเดวอนเชียร์ สปลิท แต่มีขนาดใหญ่กว่า

.
9. Tsukisamu anpan สึกิซามุ อันปัง จากญี่ปุ่น
สึกิซามุ อันปัง เป็นขนมญี่ปุ่นยอดนิยมที่จัดอยู่ในประเภท ฮัน นามากาชิ (han namagashi) หรือขนมกึ่งแห้ง ขนมนี้ประกอบด้วยขนมปังแป้งสาลีบาง ๆ ทรงกลม ที่มีไส้ถั่วแดงอะซึกิอยู่ภายใน นอกจากนี้ บางสูตรอาจมีการเติมมิสึอะเมะ (น้ำเชื่อมมอลต์) และน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน

เชื่อกันว่าสึกิซามุ อันปังถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยเมจิ เมื่อปี ค.ศ. 1906 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน




...
Sticky Bun ไม่ใช่แค่ขนมปังหวานราดคาราเมล แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินที่สืบทอดกันมา จะอบเองที่บ้านหรือแวะซื้อจากร้านที่ชอบ ก็อร่อยได้ตามแบบของทุกคน

.
ปล. ยังมีเมนูขนมปังในแบบ "นุ่มหนึบ" อีกหลายเมนูที่ไม่ได้นำมาลงไว้ และทั้ง 9 เมนูนี้จริงๆ แล้วมีเรื่องเล่า และประวัติค่อนข้างยาว และน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มีโอกาศได้เขียน (ติดเขียนนิทานครับผม ใช้เวลาแต่งต่อ 1 เรื่องน๊านนานครับผม) :ขออภัยครับผม

.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: lapatisseriedumonde
: bakingheritage
: cookingschoolguide
: tasteatlas
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่