เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2704623
6 ประเภทกาแฟแต่ละสูตร แตกต่างกันอย่างไร
1. กาแฟดำ (Black Coffee)
เรียกได้ว่าเป็นกาแฟที่รสชาติเข้มข้น ชงด้วยการใส่น้ำร้อนก่อน แล้วเติมชอตเอสเปรสโซตามไปทีหลัง เสิร์ฟโดยไม่ใส่นม บางคนอาจจะเติมน้ำตาลเพิ่มลงไปเพื่อลดความเข้มได้
2. เอสเปรสโซ (Espresso)
ใครที่ชื่นชอบกาแฟรสเข้มต้องรู้จักกาแฟชนิดนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปต่อยอดเป็นเครื่องดื่มกาแฟสูตรต่างๆ นิยมเสิร์ฟเอสเปรสโซเป็นชอต ไม่ปรุงน้ำตาลหรือนม แต่อาจเพิ่ม "ครีมา" ฟองนมนุ่มๆ เข้าไป
3. อเมริกาโน (Americano)
กาแฟที่กำเนิดจากกลุ่มทหารอเมริกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จุดเด่นอยู่ที่การใส่ชอตเอสเปรสโซก่อน แล้วเติมน้ำร้อนทีหลัง เพื่อทำให้รสชาติเจือจางลง ปัจจุบันมีสูตรชงอเมริกาโนมากมายที่นิยมใส่น้ำผลไม้เพิ่มเติมลงไป เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย
4. มอคค่า (Mocha)
กาแฟมอคค่าถือเป็นอาราบิก้าชนิดหนึ่ง มีกลิ่นและสีคล้ายช็อกโกแลต เพราะเป็นการนำเอสเปรสโซและโกโก้มาใช้เป็นส่วนผสม บ้างก็นิยมเติมวิปครีมไว้ด้านบน ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น
5. คาปูชิโน (Cappuccino)
หลายคนนิยมดื่มคาปูชิโนแทนอาหารเช้าในชั่วโมงเร่งด่วน ดื่มคู่กับขนมปังหรือของว่างต่างๆ โดยคาปูชิโนเป็นเอสเปรสโซที่ใส่นมและฟองนมลงไปในอัตราที่เท่าๆ กัน โรยด้วยผงโกโก้หรือผงซินนามอน เพิ่มกลิ่นหอมให้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น
6. ลาเต้ (Latte)
เครื่องดื่มกาแฟที่มีชื่อเรียกจากภาษาอิตาลี โดยจะมีการเติมนมร้อนลงไป พร้อมกับเพิ่มฟองนมหนาๆ ที่วาดลวดลายสวยงามไว้บริเวณด้านบน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้น เพราะการใส่นมทำให้กาแฟดื่มง่ายขึ้น
ประโยชน์ของกาแฟที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. ช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญแก่ร่างกาย หลายคนนิยมดื่มกาแฟในการลดความอ้วน เนื่องจากกาแฟ 1 แก้ว ให้แคลอรีประมาณ 15 แคลอรีเท่านั้น
2. ช่วยกระตุ้นความจำ ทำให้สมองตื่นตัวทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
3. ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสดชื่นมากขึ้น อีกทั้งยังแก้อาการง่วงนอนระหว่างวันได้อีกด้วย
4. ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน โดยเฉพาะการดื่มกาแฟดำนั้นช่วยระงับอาการปวดศีรษะและเมาค้างได้
ประวัติของกาแฟ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อไร
คำว่ากาแฟ เพี้ยนมาจากภาษาอาหรับและตุรกี ก่อนจะกลายเป็น "คอฟฟี่" (Coffee) ในภาษาอังกฤษ และเป็นคำว่า "กาแฟ" ที่คนไทยใช้เรียกกันในปัจจุบัน
สันนิษฐานว่ากาแฟถูกพบครั้งแรกในประเทศเอธิโอเปีย ตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 6 โดยเชื่อว่ามีเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนียสังเกตเห็นแพะที่เขาเลี้ยงไว้กินผลไม้ผลสีแดง แล้วแพะดูกระปรี้ประเปร่ากว่าปกติ ซึ่งต้นไม้ต้นนั้นก็คือ "ต้นกาแฟ" นั่นเอง ซึ่งเวลาต่อมาเมล็ดกาแฟถูกนำไปคั่วให้สุกแล้วใช้ชงเป็นเครื่องดื่ม ขยายความนิยมไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
สูตรกาแฟโบราณ ชงดื่มเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
อ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น
รู้จัก 6 ประเภทของกาแฟแต่ละสูตร แตกต่างกันอย่างไร คุณชอบแบบไหน ?
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2704623
6 ประเภทกาแฟแต่ละสูตร แตกต่างกันอย่างไร
1. กาแฟดำ (Black Coffee)
เรียกได้ว่าเป็นกาแฟที่รสชาติเข้มข้น ชงด้วยการใส่น้ำร้อนก่อน แล้วเติมชอตเอสเปรสโซตามไปทีหลัง เสิร์ฟโดยไม่ใส่นม บางคนอาจจะเติมน้ำตาลเพิ่มลงไปเพื่อลดความเข้มได้
2. เอสเปรสโซ (Espresso)
ใครที่ชื่นชอบกาแฟรสเข้มต้องรู้จักกาแฟชนิดนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปต่อยอดเป็นเครื่องดื่มกาแฟสูตรต่างๆ นิยมเสิร์ฟเอสเปรสโซเป็นชอต ไม่ปรุงน้ำตาลหรือนม แต่อาจเพิ่ม "ครีมา" ฟองนมนุ่มๆ เข้าไป
3. อเมริกาโน (Americano)
กาแฟที่กำเนิดจากกลุ่มทหารอเมริกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จุดเด่นอยู่ที่การใส่ชอตเอสเปรสโซก่อน แล้วเติมน้ำร้อนทีหลัง เพื่อทำให้รสชาติเจือจางลง ปัจจุบันมีสูตรชงอเมริกาโนมากมายที่นิยมใส่น้ำผลไม้เพิ่มเติมลงไป เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย
4. มอคค่า (Mocha)
กาแฟมอคค่าถือเป็นอาราบิก้าชนิดหนึ่ง มีกลิ่นและสีคล้ายช็อกโกแลต เพราะเป็นการนำเอสเปรสโซและโกโก้มาใช้เป็นส่วนผสม บ้างก็นิยมเติมวิปครีมไว้ด้านบน ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น
5. คาปูชิโน (Cappuccino)
หลายคนนิยมดื่มคาปูชิโนแทนอาหารเช้าในชั่วโมงเร่งด่วน ดื่มคู่กับขนมปังหรือของว่างต่างๆ โดยคาปูชิโนเป็นเอสเปรสโซที่ใส่นมและฟองนมลงไปในอัตราที่เท่าๆ กัน โรยด้วยผงโกโก้หรือผงซินนามอน เพิ่มกลิ่นหอมให้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น
6. ลาเต้ (Latte)
เครื่องดื่มกาแฟที่มีชื่อเรียกจากภาษาอิตาลี โดยจะมีการเติมนมร้อนลงไป พร้อมกับเพิ่มฟองนมหนาๆ ที่วาดลวดลายสวยงามไว้บริเวณด้านบน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้น เพราะการใส่นมทำให้กาแฟดื่มง่ายขึ้น
ประโยชน์ของกาแฟที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. ช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญแก่ร่างกาย หลายคนนิยมดื่มกาแฟในการลดความอ้วน เนื่องจากกาแฟ 1 แก้ว ให้แคลอรีประมาณ 15 แคลอรีเท่านั้น
2. ช่วยกระตุ้นความจำ ทำให้สมองตื่นตัวทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
3. ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสดชื่นมากขึ้น อีกทั้งยังแก้อาการง่วงนอนระหว่างวันได้อีกด้วย
4. ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน โดยเฉพาะการดื่มกาแฟดำนั้นช่วยระงับอาการปวดศีรษะและเมาค้างได้
ประวัติของกาแฟ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อไร
คำว่ากาแฟ เพี้ยนมาจากภาษาอาหรับและตุรกี ก่อนจะกลายเป็น "คอฟฟี่" (Coffee) ในภาษาอังกฤษ และเป็นคำว่า "กาแฟ" ที่คนไทยใช้เรียกกันในปัจจุบัน
สันนิษฐานว่ากาแฟถูกพบครั้งแรกในประเทศเอธิโอเปีย ตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 6 โดยเชื่อว่ามีเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนียสังเกตเห็นแพะที่เขาเลี้ยงไว้กินผลไม้ผลสีแดง แล้วแพะดูกระปรี้ประเปร่ากว่าปกติ ซึ่งต้นไม้ต้นนั้นก็คือ "ต้นกาแฟ" นั่นเอง ซึ่งเวลาต่อมาเมล็ดกาแฟถูกนำไปคั่วให้สุกแล้วใช้ชงเป็นเครื่องดื่ม ขยายความนิยมไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
สูตรกาแฟโบราณ ชงดื่มเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
อ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น