เรื่องของน้องชาย (ลี้ลับ)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เราเป็นลูกคนโต มีน้องชาย 2 คน เราจะเล่าเกี่ยวกับน้องคนกลาง ขอใช้เป็นนามสมมุตินะคะ ชื่อบี แทนตัวเราว่าเอ และน้องคนที่ 3 ชื่อ ซี  เรากับบีน้องคนกลางห่างกัน 6 ปี ตอนบีอายุได้ประมาณ 1-2 ขวบ บีก็มีอาการตัวเหลือง ป่วยบ่อย หาหมอเป็นประจำ จนกระทั่งน้องมีอาการไม่ไหวแล้ว จึงต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาลในจังหวัด แต่ก็ยังไม่หาย ตอนนั้นเรายังเด็กไม่ค่อยรู้อะไรมาก จำได้ว่าสุดท้ายแม่พาน้องมากรุงเทพฯ จึงพบว่าน้องเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จึงเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯเรื่อยมา ตอนนั้นเรายังเด็กก็ไม่ค่อยจะดีกับน้องเท่าไหร่ ชอบหาเรื่องน้องและน้อยใจบ่อยๆว่าพ่อกับแม่ทำไมตามใจน้อง น้องรักษาอาการมะเร็งมาเรื่อยๆ พ่อกับแม่รักน้องมาก น้องเรามีลักษณะผิวค่อนข้าง 2 สี ไปถึงดำอาจเพราะป่วย ผมก็จะร่วง ตัวกินเหงื่อเหมือนกลิ่นยา ของโรงพยาบาล น้องรักษาจนกระทั่งน้องเรียนอยู่ม 3 อายุ 15 ปี ซึ่งถือว่าหลายปีมาก น้องมีอาการแย่ลง  ตอนนั้นแม่ร้องไห้มาก จำได้ว่าตอนที่แม่รู้ครั้งแรกว่าน้องเป็นมะเร็งตอนเด็กแม่ก็นั่งร้องไห้ใต้ถุนบ้าน ช่วงกลางคืน น้องมีอาการแย่ลงแม่พาไปหาหมอหมอบอกว่าต้องให้คีโม หลังจากที่น้องได้รับคีโมน่าจะมีอาการแพ้ มีอาการเวียนหัวอาเจียนและถ่ายท้อง อยู่เพียงไม่กี่วัน ซึ่งตอนนั้นเราเรียนอยู่มหาลัยแล้ว เลยไม่ได้อยู่บ้านแม่ได้แต่โทรบอกอาการของน้อง จนตอนเช้าแม่โทรกลับมาอีกทีบอกว่าน้องเสียแล้ว โดยที่หลับไปเฉยๆตอนเช้าแม่เห็นน้องไม่ได้ลุกจากที่นอน จึงเดินไปดูถึงได้รู้ว่าน้องเสียแล้ว ทั้งๆที่ตอนเช้ามืดแม่ยังเห็นน้องเดินมาเข้าห้องน้ำอยู่เลย ช่วงที่แม่ทำกับข้าวรอใส่บาตร  แม่ร้องไห้โทรมาบอกเราเราจึงรีบนั่งรถทัวร์กลับจากกรุงเทพฯมาบ้าน น้องนอนอยู่ใต้ถุนบ้านที่เตียงไม้ บ้านเราเป็นบ้านไม้มีใต้ถุน พ่อแม่น้องจะนอนข้างล่างแล้วกางมุ้งนอน  ต่อไปจะเป็นเรื่องที่เราจะเล่าซึ่งเราไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับมาก่อน เราเพิ่งมาเจอตอนที่น้องเราเสียนี่แหละ คืนแรก แต่ก่อนคนคนแก่มักจะบอกว่าถ้ามีใครเสียตรงไหนเขาจะมาที่เดิมตรงที่เขาเคยนอนอยู่ ถ้าอยากให้เขาลืมที่ ให้ไปนอนทับที่หรือเอาก้อนหินวางทับไว้ไม่ให้เขาจำที่ได้ เราไม่ได้คิดอะไรมากกลางคืนเรานอนตรงที่นอนของน้อง ช่วงตกดึกเรารู้สึกเหมือนว่ามีเงาเดินมาตรงที่เรา เราจำได้เลยว่าเป็นน้องถึงแม้จะเป็นเงาสลัว เงานั้นตรงมาที่เราครึ่งค่อมแล้วพยายามจะดึงเราลุกขึ้นตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูกเลย ดิ้นอยู่ตั้งนานจนพ่อเดินมาปลุกเขย่าเรา เราจึงตื่น แต่มันก็ใกล้เช้าแล้ว หลังจากนั้นก็นอนไม่หลับอีกเลย หลังจากที่น้องเสียเอาใส่ลงไว้ที่วัดแล้ว แม่จะเอาอาหารมาวางให้น้องทุกเวลา ซึ่งแม้กระทั่งหลังเผาแม่ก็ยังทำอยู่ เราก็ไม่รู้หรอก แต่แม่บอกว่ากลัวน้องหิว ก็เลยต้องให้น้องกินตลอด ถึงเวลากินแม่จะเอาข้าวกับข้าวมาวางให้น้อง มีขนมหรืออะไรก็เอามาให้น้องกิน ทำเหมือนปกติทุกอย่างตอนน้องอยู่ ทำหลายเดือนเหมือนกัน แม่จะมีโต๊ะวางรูปกระถางธูป แล้วกระดูกของน้อง ซึ่งไม่ใช่แค่โกฏกระดูกนะ มีถุงกระดูกขาวที่ยังไม่ได้ลอยอังคารด้วย ใครที่ไม่รู้จักเวลามาหาพ่อแม่ผ่านมาบ้าน ก็มักจะบอกว่าเห็นเด็กผู้ชายอยู่ในบ้าน บางทีก็นอนที่เปลเล่นใต้ถุนบ้าน ก็เขาบอกลักษณะก็ตรงกับน้องคุณกลางที่เสียไป จนวันหนึ่งเราไปกับแม่ที่วัดไปถวายข้าวพระ พระท่านทักว่า มีเด็กผู้ชายเดินตามอยู่กับแม่ตลอด ซึ่งบอกลักษณะถูกต้องเลย ท่านจึงถามว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า แม่บอกว่าเป็นน้องชายเรา ที่เสียไป แม่ได้คุยรายละเอียดกับพระ จนพระท่านทักว่าให้หยุดให้ข้าวน้องได้แล้ว ควรเปลี่ยนเป็นวิธีใส่บาตรทำบุญไปให้ ทำแบบนี้เหมือนเราเลี้ยงเขาไว้ เขาจะไปไหนไม่ได้ หลังจากที่เรากับแม่กลับมาบ้าน เราก็บอกแม่อีกรอบว่าให้เลิกให้ข้าวน้องได้แล้ว ทำตามที่พระท่านบอก แม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจะเลิก พอตกกลางคืนช่วงดึกเท่านั้นแหละ เรานอนอยู่บนบ้าน คนเดียว ช่วงระหว่างที่หลับเรารู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครมานอนข้างๆ เราจึงหันไปด้านขวา เห็นเต็มๆเลย น้องนอนอยู่ข้างๆ เหมือนน้องจะรู้ว่าเราเห็นแล้ว จึงค่อยๆหันหน้ามา เรารู้สึกตกใจมาก น้องลุกพุ่งเข้ามาเขย่าเรา เหมือนโกรธเรามาก เราเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่น น้องโวยวายและรีบลงจากบ้าน วิ่งลงบันไดมา ใต้ถุนบ้าน ช่วงนั้นเป็นช่วงจังหวะตี 5 ที่แม่จะตื่นมาทำกับข้าวเตรียมใส่บาตรแล้ว แม่ งงเหมือนกันว่าทำไมตื่นไว เราจึงเล่าให้แม่ฟัง แม่เลยบอกว่าอาจเป็นเพราะน้องโกรธเรา เรื่องที่คุยกันเมื่อกลางวัน ว่าให้เลิกให้ข้าวน้อง  อีกอย่างคือ เรามียายที่เป็นพี่น้องไม่ใหญ่อีกคนซึ่งเขาก็แก่มากแล้ว ตอนนี้เขาเดินไม่ไหวเหมือนคนนอนติดเตียง เขาเคยอยู่บ้านใกล้เรา ยายเขาย้ายไปอยู่กับลูกหลานตั้งแต่ช่วงที่น้องเรายังไม่เสีย หลังจากที่น้องเสียก็เลยไม่ได้มีใครบอกยาย เพราะว่ายายเจ็บอยู่กลัวเขาเสียใจ ลูกของยายบอกว่า ยายนอนที่บ้านตอนกลางคืน น้องชายเราไปเยี่ยมเขาด้วยแหละ นั่งอยู่ข้างๆ เอาจริงๆตอนนั้นน้องเราเสียไปแล้วนะ ลูกของยายจึงบอกความจริงยายว่าน้องเราเสียไปแล้ว จะไปหาได้ยังไง ยายได้ฟังจึงตกใจเพราะน้องไปหายายจริงๆ  ที่พีคไปกว่านั้น อีกคืนที่ยายนอนอยู่ น้องเราไปอีกรอบ เท่านั้นแหละ ยายเห็นแล้วจึงโวยวาย เพราะดูแล้วไงว่าน้องเราเสีย ยายนอนโวยวายเรียกตะโกนร้องให้ลูกหลานมาหาใหญ่เลย พอมาหายายก็บอกว่าน้องชายเรามาอีกแล้ว แต่หลังจากคืนนั้นไปน้องเราก็ไม่ได้ไปอีก น้องเราคงไปเพราะว่าไม่รู้ตัวมั้ง   นี่ก็เป็นเรื่องเล่าของน้องชายเราที่เราเจอกับตัว แล้วก็มีคนอื่นที่เจอน้องเราบ้างเช่น เห็นน้องเราเดินอยู่ในบ้านบ้างเวลามองเข้ามา หรือบางทีมีคนโทรศัพท์มาที่บ้าน เขาก็บอกพ่อกับแม่ว่ามีคนรับสายแล้วบอกว่าเป็นน้องเรา ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่เราไม่อยู่บ้าน น้องก็บอกว่าเดี๋ยวบอกพ่อแม่ให้ พ่อเราบอกว่าคนที่รับสายคือลูกที่เสียไปแล้ว เขาก็อึ้งเหมือนกัน อีกอย่างน้องคนเล็กของเราก็เพิ่ง 2-3 ขวบ  บางคนก็เห็นน้องนอนอยู่บนเปลเวลามองเข้ามาในบ้าน บางทีอยู่ใต้ถุนบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนเดินข้างบนบ้านซึ่งบ้านเราเป็นบ้านไม้ มันจะได้ยินชัดเจน เวลาอยู่บ้านส่วนใหญ่ก็จะได้กลิ่น ซึ่งกลิ่นของน้องจะไม่เหมือนคนอื่น ตอนน้องอยู่กลิ่นตัวกินเหงื่อจะเป็นกลิ่นยาโรงพยาบาล ซึ่งก็มีกลิ่นนี้ลอยมาเหมือนกันเรื่อยๆ 

ขอบคุณที่อ่านนะคะ เราเล่าไม่เก่ง จึงไม่ได้เจาะรายละเอียดอะไรมาก ขอบคุณที่รับฟังค่ะ เอามาเล่าเพราะเราคิดถึงน้อง มาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่