คืนสยอง...คลองแสนแสบ

เพื่อน ๆ เคยเจออะไรแปลก ๆ แถวคลองแสนแสบกันบ้างไหมครับ?
เคยได้ยินเรื่องลึกลับจากคนแถวนั้นกันบ้างหรือเปล่า?
บางคนอาจจะเคยขึ้นเรือคลองแสนแสบตอนค่ำ ๆ
แล้วรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีใครมองอยู่
หรืออาจจะเคยได้ยินเสียงแปลก ๆ ตอนนั่งเรือคนเดียวก็ได้
ถ้าใครเคยเจออะไรมา ลองมาเล่าให้กันฟังได้นะครับ

แต่เรื่องที่ผมพูดถึงในคืนนี้ เป็นเรื่องราวความน่ากลัว 
เกี่ยวกับอาชีพที่ต้องทำงานในเวลากลางคืน คนที่ต้องเดินทางผ่านสถานที่เงียบสงัด
และหนึ่งในอาชีพนั้นก็คือ... คนขับเรือคลองแสนแสบ
เรื่องราวของพวกพี่ ๆ คนขับเรือที่ผมเคยได้ยินมานั้น ตัวผมเองยอมรับเลยว่า ทำให้รู้สึกทั้งลุ้นและขนลุกไปพร้อมกัน

และประสบการณ์ที่จะนำมาเล่าในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันครับ...
ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปลุ้นกับเรื่องราวสยองขวัญจากคนขับเรือคลองแสนแสบ
อย่าลืมตั้งใจฟังให้ดี ๆ เพราะรับรองว่าหลอนติดหูแน่ครับ

คลองแสนแสบ เป็นคลองเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3
แรกเริ่มเดิมทีคลองนี้ไม่ได้เป็นแค่เส้นทางสัญจรธรรมดา ๆ นะครับ
แต่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงทหารและอาวุธในช่วงสงคราม
แต่เอาจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีทหาร ไม่มีอาวุธแล้วครับ มีแต่เรือโดยสารที่วิ่งกันจนคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นว่าเล่น

แม้จะเป็นเส้นทางที่วุ่นวายในช่วงกลางวัน แต่พอพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
คลองแสนแสบก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละที่เลยครับ
บรรยากาศเงียบสงบ
แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สะท้อนลงบนผืนน้ำ
เสียงลมพัดยอดไม้ไหวเบา ๆ บรรยากาศดีมาก
ถ้าไม่นับกลิ่นน้ำคลองนะครับ 

เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของคุณดำ ผู้ที่อยู่กับคลองนี้มาตั้งแต่เด็ก
บรรยากาศแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคุณดำครับ
คุณดำเป็นคนที่รักคลองแสนแสบสุดหัวใจ เพราะคุณดำเกิดและเติบโตที่ริมคลองแห่งนี้
จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้

หลังจากเรียนจบไม่นาน คุณดำก็จับพวงมาลัยเรือทันที
นับจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ สิบกว่าปี แล้วครับ
สิบกว่าปีที่ต้องแล่นเรือผ่านคลองทุกวัน
เห็นผู้คนขึ้นลง เห็นชีวิตในน้ำ ในเรือ
คุณดำเคยได้ยินเรื่องเล่าหลอน ๆ เกี่ยวกับคลองนี้มาเยอะครับ
เรื่องผี เรื่องเงาแปลก ๆ เรื่องเสียงลึกลับ
แต่คุณดำก็ไม่ได้กลัวมาก เพราะอยู่ที่นี่มานานจนชินไปแล้ว จนคืนหนึ่งครับ...

คุณดำเล่าว่า คืนนั้น...หลังจากเลิกงาน คุณดำแวะร้าน 7-11 ใกล้ท่าเรือ
หยิบเบียร์เย็น ๆ ขวดหนึ่ง กับของกินเล่นนิดหน่อย
ตั้งใจว่ากลับถึงบ้านจะเปิดบอลคู่ดึกดูให้สบายใจ
ตอนกำลังยื่นของให้แคชเชียร์คิดเงิน คุณดำก็หยอกเล่นไปตามประสาคนกันเอง

"อย่างอื่นอุ่นได้เลย แต่เบียร์ไม่ต้องอุ่นนะ"

พนักงานสาวหัวเราะขำ ๆ กับมุขฝืดที่เล่นประจำ
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ คุณดำก็เดินออกจากร้านมา
พอถึงเรือ คุณดำก็จุดบุหรี่สูบ พ่นควันไปในอากาศ สตาร์ทเครื่องเรือ สูบบุหรี่พลางขับเรือไปเรื่อย ๆ 



คุณดำบอกว่าคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เสี้ยว ลอยสูงเหนือคลอง
แสงจากพระจันทร์สะท้อนลงมาที่น้ำเป็นสีเหลืองนวล ๆ ดูแล้วสวยไปอีกแบบ
ลมเย็นพัดเอากลิ่นน้ำคลองโชยมาเป็นระยะ บนฝั่งแสงไฟจากบ้านเรือนสลัว ๆ
สลับกับเสียงหมาเห่าประปราย ทุกอย่างเงียบสงบในช่วงกลางคืน อย่างที่คุณดำคุ้นเคยครับ

พอขับเรือไป จนเริ่มเห็นเงาของวัดมหานาคที่อยู่ข้างหน้า
แสงไฟเล็กๆ จากท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศสะท้อนมาบนผิวน้ำ
คุณดำก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างลอยมาตามลม
ไม่ใช่กลิ่นน้ำในคลองแสนแสบที่คุ้นเคย กลิ่นที่ลอยมาตามลม...
คุณดำว่ามันหอม ๆ ครับ
แต่ไม่ใช่กลิ่นหอมแบบที่เคยได้กลิ่นตามปกติ มันหอมแบบอึดอัด ๆ หน่อย เหมือนกลิ่นที่คนสมัยก่อนใช้กัน

ตัวผมเองเคยได้ยินแม่พูดว่า คนสมัยก่อนเขาจะใช้พวกน้ำปรุง น้ำอบไทย
หรือแป้งร่ำอะไรแบบนี้เป็นน้ำหอม
ไม่รู้ว่ากลิ่นที่คุณดำเล่าให้ฟังเป็นกลิ่นแบบนั้นหรือเปล่านะครับ

พอได้กลิ่นหอมนั้น คุณดำก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
มันทำให้เขาคิดถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ คนขับเรือเคยพูดถึงกัน
ตอนขับเรือผ่านวัดมหานาคตอนดึก ๆ เนี่ย
จะเห็นคนใส่ชุดโบราณนั่งอยู่ตรงริมน้ำที่วัด
แต่พอเรือผ่านไปใกล้ ๆ จะเห็นว่ามันไม่มีคนแล้ว 

ถึงคุณดำจะเคยได้ยินมาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเจอเองสักทีครับ
ก็เลยทำให้เขาลืม ๆ ไป มันก็แค่เรื่องเล่าของคนขับเรือที่เคยผ่านตรงนั้นมาบอกกันเท่านั้นเอง
คุณดำก็ฟังมาแบบผ่าน ๆ
คิดถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง ก็เลยมองไปที่ทางวัด แต่พอมองไปก็ไม่มีอะไรครับ
ไม่มีคน หรืออะไรแปลก ๆ เหมือนที่เคยบอกกัน

พอเห็นว่าไม่มีอะไร คุณดำก็โล่งอกขึ้นมาหน่อย
แต่กลิ่นหอมเอียน ๆ นั่นก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศเหมือนเดิม
ทำให้ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่

แล้วก็แว่วเสียงพายเรือจากไกล ๆ ทำให้คุณดำหยุดคิดแล้วหันไปมองข้างหน้า
พยายามดูว่าเรือพายนั้นอยู่ไหน พอเข้ามาใกล้ ๆ ก็มองเห็นเป็นเงาลาง ๆ ในความมืด
แต่พอเรือพายผ่านวัด แสงไฟสลัว ๆ ก็ทำให้คุณดำมองเห็นชัดเจนขึ้น

คุณดำเห็นเรือพายก็ไม่แปลกใจอะไรครับ ถึงสมัยนี้จะใช้เรือเครื่องกันเยอะ
แต่บางคนก็ยังพายเรืออยู่บ้าง คิดแค่ว่าคงเป็นคนพายเรือธรรมดา
แต่มานึกแปลกใจตรงที่พายเรือในตอนกลางคืนแบบนี้ 
พอเห็นว่าเรือพายเข้ามาใกล้ คุณดำก็ค่อยๆ เบาเครื่องยนต์ลง
เพื่อไม่ให้เรือพายโคลงเคลงจะได้ไม่เป็นอันตราย
เสียงน้ำกระทบตัวเรือเบาๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆ เงียบสงบลงไปอีก

พอเข้าใกล้กัน ก็เห็นเป็นเรือพายเก่าๆ ลำหนึ่ง
ที่ท้ายเรือพาย มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในชุดไทยโบราณ
สวมเสื้อผ้าผ้าแพรสีหม่นๆ ที่ดูเก่าๆ เส้นขอบพับๆ ที่ดูแล้วทำให้รู้สึกถึงความดั้งเดิม
ท่าทางของเธอพายเรือไปช้าๆ มือพายเรือค่อยๆ ดึงไปทีละนิด 

แล้วสิ่งที่คุณดำเห็นก็คือ...ผู้หญิงที่นั่งพายอยู่... ไม่มีหัว!
เหลือแค่ลำตัวในชุดไทยโบราณ
ทั้งภาพของผู้หญิงพายเรือมาอย่างช้าๆ สงบๆ ที่เห็นตรงหน้า
และเงาสะท้อนร่างที่ไม่มีหัวของเธอในน้ำ
มันทำให้คุณดำรู้สึกกลัวขึ้นอีกหลายเท่า

คุณดำบอกว่า ตอนนั้นขนลุกไปหมด
แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวหรือทำอะไร แค่ยืนนิ่งๆ
ตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง
พอเรือพายสวนกับเรือคุณดำไปได้ครึ่งนึง
เสียงพายกระทบน้ำเป็นเสียงเดียวที่คุณดำได้ยินตอนนั้น
แล้วก็มีเสียงร้องเบา ๆ ลอยมา เสียงนั้นหวิวโหยเหมือนเสียงของคนที่เหนื่อยล้า 

"ลูกแม่... ลูกแม่..."

ผู้หญิงคนนั้นพายเรือไปพร้อมกับเสียงนั้น แล้วก็หันลำตัวไปทางซ้ายที ขวาที เหมือนหาคน
จนเรือพายลับไปจากสายตา ที่ปลายท้ายเรือของคุณดำ

ตอนนั้นคุณดำบอกว่าเหมือนภาพตัดจำอะไรไม่ได้
สะดุ้งตื่นจากภวังค์ เพราะกลิ่นบุหรี่ที่คาบไว้ไหม้จนใกล้ถึงปาก สะบัดบุหรี่ทิ้งลงน้ำ
มือไม้สั่นๆ ของคุณดำรีบคว้าเชือกสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วดึงสุดแรง
เสียงเครื่องยนต์ดัง "ตึง!" ขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของแม่น้ำ
ตัวเรือสั่นเบาๆ แต่ว่ายังไม่ทันที่เรือจะพุ่งไปได้ไกลเท่าไหร่... ก็มีอะไรตกลงมาที่หน้าเรือ

"ตึง!"

คุณดำสะดุ้งโหยง หันไปมองด้วยความตกใจ แล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม...
มันคือหัวของผู้หญิงคนนั้นครับ! หัวผีที่ไม่มีลำตัว แค่หัวกลมๆ ผมเกล้ามวยต่ำ
ตกลงมาจากไหนไม่รู้ กระเด็นลงมาอยู่ตรงพื้นหน้าเรือของคุณดำแบบนั้นเลย!

หัวนั้นมันไม่ได้นิ่งเฉย มันกลิ้งไปกลิ้งมาเบาๆ ตามแรงโคลงของเรือ
ตากลมโตสองข้างจ้องมาที่คุณดำไม่วาง
มันเหมือนกำลังยิ้มให้ด้วยซ้ำ! ปากขยับช้าๆ ไม่รู้พูดว่าอะไร
เสียงแหบๆ ลอยออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยคราบดำๆ
คุณดำบอกว่าตอนนั้นขาสั่นไปหมดเลยครับ 

ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด คุณดำไม่คิดอะไรแล้วครับ รีบเหยียบคันเร่งเรือจนสุด
เสียงเครื่องยนต์ดังลั่น "วู้ม!" น้ำกระจายซัดไปทั้งสองข้างทาง เรือพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร็ว
หัวผีนั้นก็กลิ้งไปตามแรงเหวี่ยงของเรือ กลิ้งไปชนขอบเรือดัง

"ตึง! ตึง!"

สองสามที ก่อนที่มันจะกระเด็นตกลงไปในน้ำข้างเรือแบบนั้น
คุณดำเห็นแวบหนึ่งครับ ว่าน้ำกระจายตอนหัวนั้นตกลงไป
แล้วเงาดำๆ ของมันก็จมหายไปใต้ผิวน้ำมืดๆ

พอหัวนั้นตกลงน้ำไป คุณดำคิดว่าจบแล้ว รอดแล้ว
แต่จู่ ๆ เสียง

“ลูกแม่... ลูกแม่...”

ก็แว่วตามมาจากข้างหลังอีกครั้ง! เสียงมันลอยมาตามลม หวิวๆ โหยๆ
เหมือนใกล้เข้ามาทุกที คุณดำไม่กล้าหันไปมองครับ
ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเร่งเครื่องยนต์ต่อไป 

พอคุณดำกลับถึงบ้าน ขาแทบก้าวไม่ออก รีบล็อกประตูแน่น
กลัวอะไรตามมา โยนตัวลงนอนแล้วหลับไปทั้งที่ยังรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องอยู่



ตอนเช้า คุณดำตื่นขึ้นมาใจไม่ดี ภาพหัวผีเกล้ามวยต่ำกับเสียง

“ลูกแม่...”

ยังวนในหัว  เลยโทรลางาน แล้วมุ่งหน้าไปวัดมหานาคทำบุญ หวังคลายความกลัว แถมอยากรู้ว่าเมื่อคืนคืออะไร

ที่วัด คุณดำถวายดอกไม้ธูปเทียน สวดมนต์ขอพร
แล้วไปคุยกับลุงชัย มัคทายกวัดที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน
คุณดำเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง ลุงชัยถอนหายใจก่อนบอกว่า

“อีกรายแล้วเหรอ”

คุณดำถึงกับสะดุ้งเลยครับ ถามกลับไปทันทีว่า

“หมายความว่ายังไงครับลุง”

ลุงชัยเลยเล่าให้ฟังว่า วัดมหานาคเนี่ย ไม่ใช่แค่วัดธรรมดาๆ สมัยก่อนนานมาแล้ว
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ แถวนี้เคยเป็นที่ประหารนักโทษมาก่อน!

ลุงชัยบอกว่า ในสมัยนั้นยังมีโทษประหารชีวิตแบบโบราณอยู่ โดยเฉพาะการตัดคอ
พวกนักโทษที่ทำผิดร้ายแรงจะถูกพามาที่แถวนี้
แล้วก็ตัดคอทิ้งลงแม่น้ำเลยครับ หัวกับตัวแยกกันขาดสะบั้น
บางทีก็ทิ้งร่างไว้ให้เน่าไปกับสายน้ำ
บางทีก็ฝังแบบลวกๆ แถวๆ วัดนี่แหละ
ลุงชัยคิดว่า สิ่งที่คุณดำเห็นเมื่อคืน
ก็น่าจะเป็นนักโทษหญิงที่ถูกประหารด้วยวิธีนั้นแหละ

คุณดำฟังแล้วขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ ไม่ใช่คุณดำคนแรกที่เจอแบบนี้
ชาวบ้านที่เคยลงเรือตอนกลางคืนแถวนี้ บางคนก็เห็นเรือพายลอยมาแบบไม่มีคนพาย
บางคนก็ได้ยินเสียงร้องแบบที่คุณดำเล่าเหมือนกัน
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ คุณดำรู้สึกทั้งกลัวทั้งสงสารไปพร้อมกัน
ลุงชัยแนะนำให้เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้วิญญาณพวกนี้ด้วย
เผื่อจะได้ช่วยให้วิญญาณสงบลงบ้าง
คุณดำเลยรีบไปซื้อของทำบุญเพิ่ม ใส่บาตรให้พระอีกชุดใหญ่
แล้วนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาอยู่ที่วัดจนบ่ายแก่ๆ
ก่อนจะกลับบ้าน

เป็นยังไงบ้างครับเพื่อนๆ เรื่องของคุณดำที่ผมหยิบมาเล่าต่อให้ฟังเนี่ย ขนลุกกันบ้างไหม?
ผมเองตอนเล่าก็นึกภาพตามแล้วรู้สึกเสียวสันหลังเลยครับ
จากเรือพายลึกลับยันคำเฉลยจากลุงชัย
ว่าแถวนั้นเคยเป็นที่ประหารนักโทษสมัยรัชกาลที่ 5 เนี่ย
มันชวนให้คิดเลยว่ายังมีเรื่องลี้ลับอีกเยอะที่เราไม่รู้จริงๆ
ถ้าเพื่อนๆ เคยเจออะไรหลอนๆ แบบนี้ หรือมีเรื่องเล่าจากคนรู้จัก
ลองคอมเมนต์มาเล่าให้ผมฟังหน่อยนะครับ
ผมจะได้เอามาเล่าต่อให้เพื่อนๆ คนอื่นได้ขนลุกตามกันอีก!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่