รีวิวหนังสือ A man called Ove

กลับมาอ่าน A man called Ove อีกครั้ง เป็นวรรณกรรมที่ผมชอบมากๆอีกเล่ม ผมชอบวิธีการนำเสนอโครงสร้างที่เป็น Character's Belief Lie ของชายที่ชื่ออูเว แล้วตามด้วย Character Arc (การทำลายความเชื่อผิดๆของเขา)

ในวรรณกรรมชายที่ชื่ออูเว อูเวเคยเชื่อว่า "ชีวิตไม่มีค่าอะไรอีกแล้วถ้าไม่มีคนที่รัก โดยเฉพาะภรรยา 'โซนยา' และการพึ่งพาตัวเองเพียงอย่างเดียวคือทางเลือกที่ดีที่สุด“

แล้วในหนังสือก็พาเรามาทำความรู้จักกับ Backstory ของชายที่ชื่ออูเวว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาถึงเชื่อแบบนั้น

ก็เพราะอูเวเคยสูญเสียพ่อตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้เขาต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด และเป็นผู้ใหญ่ที่ต่างจากพ่อให้น้อยที่สุด บอกไม่ได้นะว่าอูเวรักพ่อขนาดไหน แต่มากพอที่เขาจะต่างจากพ่อให้น้อยที่สุด และการสูญเสียพ่อในวัยเด็กนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ครังแรกของชายที่ชื่ออูเว

ต่อมา เขาพบความสุขในชีวิตอีกครั้ง เมื่อได้พบกับโซนยา ภรรยาผู้เปรียบเสมือน "แสงสว่าง" ที่ทำให้โลกของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“เขาคือคนที่ชีวิตมีแค่ดำกับขาว และเธอคือสีสัน เป็นสีสันทั้งหมดของชีวิตที่เขามีอยู่”

และเมื่อโซนยาเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ความเชื่อเดิมของอูเวที่ว่า "ตัวเองไม่ใช่คนน่ารัก“ (จากวัยเด็ก) ผสมผสานกับต่อมาเขาถูกเชิญออกจากงาน งานเดียวที่เขาทำตลอดชีวิต ผลจากเหตุการณ์เหล่านั้น ที่ทำให้เขาตกอยู่ในวังวนความคิดอีกครั้งว่า "ชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป"

ผลของความ Character's Belief Lie ของอูเว

- อูเวพยายามจบชีวิตหลายครั้ง เพราะคิดว่าไม่มีใครต้องการเขาอีก  
- เขาดูถูกและปฏิเสธความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน เพราะเชื่อว่า "การพึ่งพากันคือจุดอ่อน"  
- มีนิสัยขี้บ่น หงุดหงิด เพราะลึกๆแล้ว เพียงเพื่อปิดบังความรู้สึกอ่อนแอของตัวเอง

และลำดับต่อมาคือจุดสำคัญของเรื่องคือ Character Arc เป็นการทำลายกำแพง Character's Belief Lie ของอูเว

ตลอดเรื่องราว ความเชื่อของอูเวถูกท้าทายผ่านการกระทำของคนรอบข้างเสมอ เช่น ”เพื่อนบ้าน“ ที่ดึงเขากลับสู่ความเป็นมนุษย์ด้วยการขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ (เช่น สอนขับรถ ขอให้ดูแลลูกของเธอ)  
”แมวจรจัด“ ที่อูเวปฏิเสธในตอนแรก แต่สุดท้ายกลับดูแลมันเหมือนสมาชิกในครอบครัว  
และ “เหตุการณ์ในอดีต” ที่ถูกเล่าซ้ำๆ ช่วยให้ผู้อ่านเห็นว่า อูเวไม่ใช่คนขี้โมโห แต่เป็นคนที่แค่อยากปกป้องสิ่งที่เขารัก  เขาเป็นเคารพตัวเองสูงมาก และผมไม่เชื่อว่าในวรรณกรรมเล่มนี้ได้ปลุกฝังเรื่องค่านิยมเรื่อง Good governance ทั้ง 6 ประการตลอดทั้งเรื่องเลยครับ

และผลของ Character Arc ในที่สุด อูเวก็ค่อยๆ เรียนรู้ และยอมรับ ว่า "การมีชีวิตอยู่ไม่ใช่แค่การอยู่รอด แต่คือการได้ให้และรับความรักจากคนรอบข้าง" อีกด้วย  แม้เขาจะจากไปในตอนจบ แต่การจากไปของเขาก็เต็มไปด้วยความสงบ เพราะเขาได้พบกับความหมายของชีวิต

บทเรียนจากเรื่องนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า

“อย่าตัดสินใครเพียงแค่เปลือกนอก” ตอนแรกอูเวดูเหมือนคนแก่จอมบ่นที่เข้มงวดกับกฎเกณฑ์และขวางโลก แต่เมื่อเราได้รู้จักเขามากขึ้น เราจะเข้าใจว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว และมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

”ความเจ็บปวดอาจทำให้เราสร้างกำแพงขึ้นมา แต่กำแพงนั้นก็อาจพังทลายได้ด้วยความเอื้ออาทรเพียงเล็กน้อย“ ซึ่งเป็นสิ่งที่อูเวค้นพบในบั้นปลายชีวิตของเขา

“บางครั้งการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็เปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้”  แม้อูเวจะเป็นคนขวางโลก แต่เขากลับช่วยเหลือเพื่อนบ้านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมรถ ช่วยสอนคนขับรถ หรือแม้แต่รับแมวมาเลี้ยง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความหมายให้ชีวิตของเราและคนรอบข้างได้เช่นกัน

ความรู้สึกหลังจากได้อ่านชีวิตของอูเว ทำให้ได้ย้อนกลับมาดูชีวิตของเราเอง เราจะพบว่า เราเองก็เคยยึดติดกับความคิดที่เป็นแบบ Fixed Mindset เคยมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับบางเรื่องเช่นกัน ด้วยความที่ยังอ่อนประสบการณ์ หรือความไร้เดียงสาของชีวิต แต่เมื่อเราเติบโต ได้รับบทเรียนใหม่ๆ มีประสบการณ์ที่มากขึ้น ได้พบเจอกับผู้คนหลากหลาย หรือแม้แต่ได้อ่านหนังสือที่ดีๆ หลายๆเล่ม จนเกิด Emancipatory Learning และสิ่งเหล่านี้ได้นำพาเราไปสู่ Paradigm Shift ที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตในมุมที่กว้างขึ้น ลึกขึ้นกว่าเดิม…

-ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล-

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่