ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP. 63 : ทำไมบางคนทำพิธีงมงายถึงรวยได้ แต่กลับอีกคนทำพิธีงมงายยิ่งจน
คนที่รวยมากๆเป็นเศรษฐีก็ทำพิธีมูบ่อยๆ
เราสงสัยกันไหมทำไมคนกลุ่มนี้ยิ่งทำพิธีกลับยิ่งรวยขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทำไมชาวบ้านธรรมดาหรือคนทั่วไปหลายๆคนยิ่งทำพิธีเยอะยิ่งจน
สิ่งที่แตกต่างกันคือความหลงผิด
พิธีกรรมที่เราทำปัจจุบันเป็นพิธีกรรมของชนชาติอื่นที่อยู่มานาน
ในทางพุทธ พฤติกรรมต่างๆที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัว เช่น โชคชะตา มันจะขวางให้คนคนนั้นมองไม่เห็นว่า
แท้จริงแล้วความทุกข์จากความจนที่ตัวเขามี
เกิดจากการกระทำของตัวเค้าเอง
วิชาศาสตร์พิธีงมงายที่ขวางทำให้คนเห็นผิดจนแถไปทั่วสิ่งอื่น นอกเหนือจากการโทษตัวเองว่าเดรัจฉานวิชาซึ่งคำว่าเดรัจฉานแปลว่าขวาง
อีกความงมงายของคนเรามันมีไม่เท่ากันซึ่งถ้าเราคิดว่าความจนของเรามันต้องแก้จากปัจจัยภายนอก 100%
เราก็มัวแต่โทษแต่ไม่ปรับตัวเองอะไรซักอย่างเลยสุดท้ายก็จมปลักกับความจนไปทั้งชีวิต
แต่คนที่รวยจะมีหลงผิดตรงนี้น้อยกว่า เขาจะมองเห็นข้อเท็จจริงที่ว่าปัญหาจากความจนมันจะแก้จากการปรับตัวเองเป็นหลัก
มันง่ายมากใครแก้ไขตัวเองมากกว่าคนนั้นก็จะมีโอกาสรวยมากกว่าแต่การแก้ไขตัวเองมีน้อย คนรวยก็เลยมีน้อย
อย่างเพื่อนของลุง
เรียนวิศวกรรมศาสตร์ด้วยกัน
บ้านเขาคือฐานะไม่ค่อยดีหรอกดูจากสภาพบ้านก็คือเป็นห้องอิฐบล็อกสร้างมาอยู่ริมถนนที่มีฝุ่นความเยอะแยะ
แต่เขาก็ตั้งใจเรียนหนังสือก็คือไปอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุดตลอดจนเรียนจบวิศวะแล้วก็ไปต่อโทวิศวะที่เดียวกับกับลุงอีกแต่คนละสาขา
จบมาก็มาทำงานอยู่โรงงานจีน แต่ตอนนี้มีครอบครัวมีลูกมีบ้านสวยๆมีรถยนต์ขับ อันนี้ลุงก็ยินดีกับเขาด้วย
เค้าไม่เคยโทษโชคชะตาที่มีบ้านจน เขาตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งไจเรียนเพื่อได้เกรดที่ดีและทุนการศึกษาตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วย
ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP. 63 : ทำไมบางคนทำพิธีงมงายถึงรวยได้ แต่กลับอีกคนทำพิธีงมงายยิ่งจน
คนที่รวยมากๆเป็นเศรษฐีก็ทำพิธีมูบ่อยๆ
เราสงสัยกันไหมทำไมคนกลุ่มนี้ยิ่งทำพิธีกลับยิ่งรวยขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทำไมชาวบ้านธรรมดาหรือคนทั่วไปหลายๆคนยิ่งทำพิธีเยอะยิ่งจน
สิ่งที่แตกต่างกันคือความหลงผิด
พิธีกรรมที่เราทำปัจจุบันเป็นพิธีกรรมของชนชาติอื่นที่อยู่มานาน
ในทางพุทธ พฤติกรรมต่างๆที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัว เช่น โชคชะตา มันจะขวางให้คนคนนั้นมองไม่เห็นว่า
แท้จริงแล้วความทุกข์จากความจนที่ตัวเขามี
เกิดจากการกระทำของตัวเค้าเอง
วิชาศาสตร์พิธีงมงายที่ขวางทำให้คนเห็นผิดจนแถไปทั่วสิ่งอื่น นอกเหนือจากการโทษตัวเองว่าเดรัจฉานวิชาซึ่งคำว่าเดรัจฉานแปลว่าขวาง
อีกความงมงายของคนเรามันมีไม่เท่ากันซึ่งถ้าเราคิดว่าความจนของเรามันต้องแก้จากปัจจัยภายนอก 100%
เราก็มัวแต่โทษแต่ไม่ปรับตัวเองอะไรซักอย่างเลยสุดท้ายก็จมปลักกับความจนไปทั้งชีวิต
แต่คนที่รวยจะมีหลงผิดตรงนี้น้อยกว่า เขาจะมองเห็นข้อเท็จจริงที่ว่าปัญหาจากความจนมันจะแก้จากการปรับตัวเองเป็นหลัก
มันง่ายมากใครแก้ไขตัวเองมากกว่าคนนั้นก็จะมีโอกาสรวยมากกว่าแต่การแก้ไขตัวเองมีน้อย คนรวยก็เลยมีน้อย
อย่างเพื่อนของลุง
เรียนวิศวกรรมศาสตร์ด้วยกัน
บ้านเขาคือฐานะไม่ค่อยดีหรอกดูจากสภาพบ้านก็คือเป็นห้องอิฐบล็อกสร้างมาอยู่ริมถนนที่มีฝุ่นความเยอะแยะ
แต่เขาก็ตั้งใจเรียนหนังสือก็คือไปอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุดตลอดจนเรียนจบวิศวะแล้วก็ไปต่อโทวิศวะที่เดียวกับกับลุงอีกแต่คนละสาขา
จบมาก็มาทำงานอยู่โรงงานจีน แต่ตอนนี้มีครอบครัวมีลูกมีบ้านสวยๆมีรถยนต์ขับ อันนี้ลุงก็ยินดีกับเขาด้วย
เค้าไม่เคยโทษโชคชะตาที่มีบ้านจน เขาตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งไจเรียนเพื่อได้เกรดที่ดีและทุนการศึกษาตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วย