วันนี้ (15 ก.พ.68) เวลา 06.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากประดิษฐานในประเทศไทยเป็นเวลา 73 วัน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความศรัทธาและความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ
นายสุริยะ กล่าวว่า รัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมระยะเวลา 73 วัน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยมีประชาชนทั่วประเทศเดินทาง เข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ตลอด 73 วัน อย่างเนืองแน่น
ในการนี้ พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยมีคณะสงฆ์จากไทยและจีน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมในพิธี ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ภายในพิธีมีการถวายพวงมาลัย สวดเจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธีส่งมอบพระบรมสารีริกธาตุอย่างสมเกียรติ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก และในเวลา 07.00 น. ขบวนอัญเชิญได้เคลื่อนออกจากท้องสนามหลวง ผ่านถนนราชดำเนิน-ขวา ถ.พิษณุโลก ขึ้นทางด่วนยมราช-ต่างระดับพญาไท-ต่างระดับมักกะสัน-ลงด่วนดินแดง-ขึ้นยกระดับดินแดง-ลงดอนเมือง-วิภาวดี (ขาออก) ถ.ธูปะเตมีย์ จนถึงที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 08.00 น. จากนั้นได้จัดขบวนอัญเชิญผ่านกองทหารเกียรติยศเพื่อนำพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นเครื่องบินและออกเดินทางจากประเทศไทยในเวลา 09.00 น.
นายสุริยะฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จของพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) หลังจากประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยครบ 73 วัน จนถึงการอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศที่ยาวนานกว่า 50 ปี โดยระบุว่า "ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสายใยแห่งศรัทธาและมิตรภาพของทั้งสองประเทศ" พร้อมเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีนจะยังคงเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกถึงความศรัทธาร่วมกันในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน และจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคต
#พระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว
#มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
#พิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ขอบคุณที่มา : พระลาน
🔆 "สุริยะ" นำพิธีมหามงคลอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วคืนแดนมังกร เชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นแฟ้น หลังประดิษฐานครบ 73 วัน
นายสุริยะ กล่าวว่า รัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมระยะเวลา 73 วัน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยมีประชาชนทั่วประเทศเดินทาง เข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ตลอด 73 วัน อย่างเนืองแน่น
ในการนี้ พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยมีคณะสงฆ์จากไทยและจีน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมในพิธี ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ภายในพิธีมีการถวายพวงมาลัย สวดเจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธีส่งมอบพระบรมสารีริกธาตุอย่างสมเกียรติ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก และในเวลา 07.00 น. ขบวนอัญเชิญได้เคลื่อนออกจากท้องสนามหลวง ผ่านถนนราชดำเนิน-ขวา ถ.พิษณุโลก ขึ้นทางด่วนยมราช-ต่างระดับพญาไท-ต่างระดับมักกะสัน-ลงด่วนดินแดง-ขึ้นยกระดับดินแดง-ลงดอนเมือง-วิภาวดี (ขาออก) ถ.ธูปะเตมีย์ จนถึงที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 08.00 น. จากนั้นได้จัดขบวนอัญเชิญผ่านกองทหารเกียรติยศเพื่อนำพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นเครื่องบินและออกเดินทางจากประเทศไทยในเวลา 09.00 น.
นายสุริยะฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จของพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) หลังจากประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยครบ 73 วัน จนถึงการอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศที่ยาวนานกว่า 50 ปี โดยระบุว่า "ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสายใยแห่งศรัทธาและมิตรภาพของทั้งสองประเทศ" พร้อมเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีนจะยังคงเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกถึงความศรัทธาร่วมกันในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน และจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคต
#พระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว
#มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
#พิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ขอบคุณที่มา : พระลาน