ชายเถื่อนดิบหนวดเครารกเรื้อหยิกปุย แถมยังเตี้ยล่ำอีกด้วยนะ ลักพาสาวน้อยไร้เดียงสาที่กำลังดิ้นรนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นี่เป็นพล๊อตละครดังหลายเรื่องที่เราคงจะได้ดูมาก่อน ซึ่งตอนจบก็มักเป็นหนึ่งในสองอย่าง คือ ถ้าไม่มีพระเอกสุดหล่อมาช่วยให้พ้นมือมารก็ต้องลงเอยกับโจรที่เพิ่งมารู้ภายหลังว่าที่แท้คือเทพบุตรแปลงตัวมา อะไรแบบนี้แหละ
แต่นี่มันเป็นเรื่องราวของเทพปกรณัมกรีกนี่นะ มันจะเป็นแบบที่ว่าไหมหนอ อิอิ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละ ว่าแล้วก็ขอเล่าซะเลย
ประติมากรรมนี้มีชื่อว่า The rape of proserpina สาวน้อยที่เราเห็นคือ แม่หนูพรอเซอร์ไพน์ (Proserpine) มีสถานะเป็นธิดาของเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ชื่อว่าซีรีส (Ceres) กับเทพจูปีเตอร์ ส่วนชายเถื่อนคนนี้คือเทพพลูโตแห่งโลกบาดาลใต้พิภพ เทียบเคียงได้กับพระยมของฮินดู ซึ่งเป็นเทพแห่งความตาย สถิตย์อยู่ในนรกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะดูเถื่อนแต่ก็เป็นเทพ สังเกตดีๆว่ามีมงกุฎอยู่บนศีรษะ
พลูโตอยากได้นางพรอเซอร์ไพน์มาเป็นภรรยาจึงไปขอนางจากจูปีเตอร์ผู้ซึ่งเป็นพ่อและก็เป็นพี่ชายของตนอีกด้วย อันที่จริงจูปีเตอร์ก็อยากจะให้นะแต่คุณแม่ซีรีสไม่ยอม ก็เลยกระซิบบอกให้พลูโตใช้วิธีชั่วๆคือลักพาตัวเอาซะเลย (เข้าข้างน้องตัวเองจนเกินไปมั้ง)
วิธีการก็คือ พลูโตวางแผนออกมาเดินเที่ยวเล่นบนพื้นโลกพร้อมกับเพื่อนฝูง เที่ยวชมสวนเก็บดอกไม้ (กิจกรรมนี้ไม่ได้เข้ากันกับพลูโตเลยนะ คิดไรไม่ออกหรือไง) พอเจอแม่คนสวยก็ทำการยื่นดอกนาซิสซัสให้ (เรื่องดอกนาซิสซัสนี่ก็มีตำนานสุดเศร้าให้เล่าอีก แต่เอาไว้ทีหลัง) ซึ่งนางพรอเซอร์ไพน์ก็หลงกลเดินออกมาจากกลุ่มแล้วก็โดนพลูโตคว้าตัวอุ้มไปยังโลกใต้ดิน
ประติมากรรมของแเบร์นินี่เล่าเรื่องในช่วงนี้แหละ พรอเซอร์ไพน์กรีดร้องจนคุณแม่ได้ยินก็เลยออกตามหาจนรู้ว่าลูกสาวเธอไปอยู่กับพลูโตก็เลยโกรธแค้นมาก เข้าไปฟ้องจูปีเตอร์ซึ่งเป็นสามีและก็มีสถานะเป็นพี่ของพลูโตอีกด้วย
แต่เพื่อให้เกิดการดีลที่ลงตัว สุดท้ายแล้วก็ได้ข้อตกลงว่า ในแต่ละปีพรอเซอร์ไพน์จะอยู่กับพลูกโตในนรกเป็นเวลา 4 เดือนและจะไปอยู่กับคุณแม่ซีรีสเป็นเวลา 8 เดือน นี่เองที่ทำให้โลกเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ โดยในช่วง 4 เดือนที่พรอเซอร์ไพน์ไม่ได้อยู่บนโลก ซีรีสจะมีความเศร้าสร้อยโหยหาจนทำให้โลกเข้าสู่ฤดูแล้ง ดินแห้ง พืชพรรณไม่เติบโต ต่อเมื่อลูกสาวกลับมาโลกจะมีชีวิตชีวาดังเช่นเดิม ผลัดเปลี่ยนกันในแต่ละปีเช่นนี้เอง

มาดูงานฝีมือแกะหินของแบร์นินี่กันต่อเถอะ งานนี้สร้างภาพคนได้สวยยิ่งกว่าคนด้วยซ้ำ (ก็แน่ละ เค้าเป็นเทพเจ้านี่นา) กล้ามเนื้อของพลูโตแลเห็นเป็นมัดๆชัดเจน ตรงข้ามกับพรอเซอร์ไพน์ที่กำลังตะเกียกตะกายโดดหนีอย่างสิ้นหวัง และหากได้ไปดูใกล้วงหน้าจะเห็นหยาดน้ำตาแปดเปื้อนอีกด้วย นอกจากนี้จะเห็นการเกร็งตัวของมือแขนเท้าขาแสดงถึงความตกใจสุดขีด พร้อมกับพวงผมที่ปลิวออกด้วยแรงเคลื่อนไหว

ใบหน้าที่แสนสิ้นหวัง มีหยาดน้ำตาด้วย

แม้แต่นิ้วเท้า ยังเห็นอาการเกร็งเลย
แต่ยังไม่ใช่แค่นั้น ความนุ่มนวลอ่อนเยาว์ของแม่นางยังถูกแสดงบนพื้นผิวเนื้อที่แลดูอ่อนนิ่มตรงส่วนที่โดนพลูโตบีบจับชัดเจน นี่ทำให้รูปสลักนี้มีความสมจริงมากจนถือได้ว่าแบรีนี่ปลุกหินให้มีชีวิตได้อย่างแท้ทรู ราวใช้เวทย์มนต์

บั้นเอวที่โดยบีบจับ อ่อนนุ่มเหมือนจริง
ขอเล่าต่ออีกหน่อยนึงว่า ถ้าเราใช้เวลามองมากขึ้น จะพบว่าตรงด้านหลังของประติมากรรมมีสุนัขสามหัวแสยะปากอยู่ นี่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าพลูโตมีสถานะเป็นเทพแห่งนรก สุนัขสามหัวนี้มีชื่อว่าเซอร์เบอรัส (Cerberus) คอยเฝ้าประตูนรก เป็นสัตว์เลี้ยงผู้แสนซื่อสัตย์ (แต่ไม่น่ารัก) ของพลูโต

รู้จักไว้ก็ดีนะเผื่อจะได้เจอกัน แต่อย่าเจอเลยจะดีกว่า
และท้ายบทความ ขอฝากงานศิลปะแม่ทรามวัยกับชายเถื่อน ที่สร้างโดยศิลปินอื่นๆมาให้ดู มีทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม จริงๆเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างงานอีกเยอะมาก ลองไปดูเวบละกันนะครับถ้าสนใจ

พอมาเป็นภาพเขียนก็งดงามมาก

ชิ้นนี้อยู่ในลุฟท์ เนปจูนใส่มงกุฏเหมือนงานของแบร์นินี่เลย

งานแม่พิมพ์โลหะ (Engraving)

มีคนก๊อปปี้ตัดมาเฉพาะชิ้นส่วนอีกด้วย มีขายออนไลน์นะ
https://eduardlocota.com/shop/proserpina/
ทรามวัยกับชายเถื่อน : The rape of proserpina
นี่เป็นพล๊อตละครดังหลายเรื่องที่เราคงจะได้ดูมาก่อน ซึ่งตอนจบก็มักเป็นหนึ่งในสองอย่าง คือ ถ้าไม่มีพระเอกสุดหล่อมาช่วยให้พ้นมือมารก็ต้องลงเอยกับโจรที่เพิ่งมารู้ภายหลังว่าที่แท้คือเทพบุตรแปลงตัวมา อะไรแบบนี้แหละ
แต่นี่มันเป็นเรื่องราวของเทพปกรณัมกรีกนี่นะ มันจะเป็นแบบที่ว่าไหมหนอ อิอิ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละ ว่าแล้วก็ขอเล่าซะเลย
ประติมากรรมนี้มีชื่อว่า The rape of proserpina สาวน้อยที่เราเห็นคือ แม่หนูพรอเซอร์ไพน์ (Proserpine) มีสถานะเป็นธิดาของเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ชื่อว่าซีรีส (Ceres) กับเทพจูปีเตอร์ ส่วนชายเถื่อนคนนี้คือเทพพลูโตแห่งโลกบาดาลใต้พิภพ เทียบเคียงได้กับพระยมของฮินดู ซึ่งเป็นเทพแห่งความตาย สถิตย์อยู่ในนรกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะดูเถื่อนแต่ก็เป็นเทพ สังเกตดีๆว่ามีมงกุฎอยู่บนศีรษะ
พลูโตอยากได้นางพรอเซอร์ไพน์มาเป็นภรรยาจึงไปขอนางจากจูปีเตอร์ผู้ซึ่งเป็นพ่อและก็เป็นพี่ชายของตนอีกด้วย อันที่จริงจูปีเตอร์ก็อยากจะให้นะแต่คุณแม่ซีรีสไม่ยอม ก็เลยกระซิบบอกให้พลูโตใช้วิธีชั่วๆคือลักพาตัวเอาซะเลย (เข้าข้างน้องตัวเองจนเกินไปมั้ง)
วิธีการก็คือ พลูโตวางแผนออกมาเดินเที่ยวเล่นบนพื้นโลกพร้อมกับเพื่อนฝูง เที่ยวชมสวนเก็บดอกไม้ (กิจกรรมนี้ไม่ได้เข้ากันกับพลูโตเลยนะ คิดไรไม่ออกหรือไง) พอเจอแม่คนสวยก็ทำการยื่นดอกนาซิสซัสให้ (เรื่องดอกนาซิสซัสนี่ก็มีตำนานสุดเศร้าให้เล่าอีก แต่เอาไว้ทีหลัง) ซึ่งนางพรอเซอร์ไพน์ก็หลงกลเดินออกมาจากกลุ่มแล้วก็โดนพลูโตคว้าตัวอุ้มไปยังโลกใต้ดิน
ประติมากรรมของแเบร์นินี่เล่าเรื่องในช่วงนี้แหละ พรอเซอร์ไพน์กรีดร้องจนคุณแม่ได้ยินก็เลยออกตามหาจนรู้ว่าลูกสาวเธอไปอยู่กับพลูโตก็เลยโกรธแค้นมาก เข้าไปฟ้องจูปีเตอร์ซึ่งเป็นสามีและก็มีสถานะเป็นพี่ของพลูโตอีกด้วย
แต่เพื่อให้เกิดการดีลที่ลงตัว สุดท้ายแล้วก็ได้ข้อตกลงว่า ในแต่ละปีพรอเซอร์ไพน์จะอยู่กับพลูกโตในนรกเป็นเวลา 4 เดือนและจะไปอยู่กับคุณแม่ซีรีสเป็นเวลา 8 เดือน นี่เองที่ทำให้โลกเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ โดยในช่วง 4 เดือนที่พรอเซอร์ไพน์ไม่ได้อยู่บนโลก ซีรีสจะมีความเศร้าสร้อยโหยหาจนทำให้โลกเข้าสู่ฤดูแล้ง ดินแห้ง พืชพรรณไม่เติบโต ต่อเมื่อลูกสาวกลับมาโลกจะมีชีวิตชีวาดังเช่นเดิม ผลัดเปลี่ยนกันในแต่ละปีเช่นนี้เอง
มาดูงานฝีมือแกะหินของแบร์นินี่กันต่อเถอะ งานนี้สร้างภาพคนได้สวยยิ่งกว่าคนด้วยซ้ำ (ก็แน่ละ เค้าเป็นเทพเจ้านี่นา) กล้ามเนื้อของพลูโตแลเห็นเป็นมัดๆชัดเจน ตรงข้ามกับพรอเซอร์ไพน์ที่กำลังตะเกียกตะกายโดดหนีอย่างสิ้นหวัง และหากได้ไปดูใกล้วงหน้าจะเห็นหยาดน้ำตาแปดเปื้อนอีกด้วย นอกจากนี้จะเห็นการเกร็งตัวของมือแขนเท้าขาแสดงถึงความตกใจสุดขีด พร้อมกับพวงผมที่ปลิวออกด้วยแรงเคลื่อนไหว
ใบหน้าที่แสนสิ้นหวัง มีหยาดน้ำตาด้วย
แม้แต่นิ้วเท้า ยังเห็นอาการเกร็งเลย
แต่ยังไม่ใช่แค่นั้น ความนุ่มนวลอ่อนเยาว์ของแม่นางยังถูกแสดงบนพื้นผิวเนื้อที่แลดูอ่อนนิ่มตรงส่วนที่โดนพลูโตบีบจับชัดเจน นี่ทำให้รูปสลักนี้มีความสมจริงมากจนถือได้ว่าแบรีนี่ปลุกหินให้มีชีวิตได้อย่างแท้ทรู ราวใช้เวทย์มนต์
บั้นเอวที่โดยบีบจับ อ่อนนุ่มเหมือนจริง
ขอเล่าต่ออีกหน่อยนึงว่า ถ้าเราใช้เวลามองมากขึ้น จะพบว่าตรงด้านหลังของประติมากรรมมีสุนัขสามหัวแสยะปากอยู่ นี่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าพลูโตมีสถานะเป็นเทพแห่งนรก สุนัขสามหัวนี้มีชื่อว่าเซอร์เบอรัส (Cerberus) คอยเฝ้าประตูนรก เป็นสัตว์เลี้ยงผู้แสนซื่อสัตย์ (แต่ไม่น่ารัก) ของพลูโต
รู้จักไว้ก็ดีนะเผื่อจะได้เจอกัน แต่อย่าเจอเลยจะดีกว่า
และท้ายบทความ ขอฝากงานศิลปะแม่ทรามวัยกับชายเถื่อน ที่สร้างโดยศิลปินอื่นๆมาให้ดู มีทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม จริงๆเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างงานอีกเยอะมาก ลองไปดูเวบละกันนะครับถ้าสนใจ
พอมาเป็นภาพเขียนก็งดงามมาก
ชิ้นนี้อยู่ในลุฟท์ เนปจูนใส่มงกุฏเหมือนงานของแบร์นินี่เลย
งานแม่พิมพ์โลหะ (Engraving)
มีคนก๊อปปี้ตัดมาเฉพาะชิ้นส่วนอีกด้วย มีขายออนไลน์นะ https://eduardlocota.com/shop/proserpina/