ตัดเนท ตัดไฟ ตัดน้ำมัน เริ่มได้ผล
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังเมืองพยาตองซู ประเทศเมียนมา เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง พบว่า
หลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทา และกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพยาตองซู ประเทศเมียนมา นั้น
ต่อมาในวันที่ 9 ก.พ.68 พ.อ.ซอเอวัร ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกระเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพยาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน
โดยวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคารและตึก ในเมืองพยาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000 - 800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปีที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ แต่ละที่จะมีคนจีนอยู่อาศัย 200 - 300 คน โดยจะมีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชั่วโมง
จากการลงพื้นที่ พบว่า อาคารเหล่านั้นปัจจุบันคนจีนที่เช่าได้มีการมาขนย้ายอุปกรณ์สื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ออกจากตัวอาคารไปเป็นที่เรียบร้อย จากการสอบถามพบว่า คนจีนเหล่านี้ได้ย้ายออกไปจากเมืองพญาตองซู ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ห่างจากเมืองพญาตองซู ไปประมาณ 10 กิโลเมตร
จากการลงสำรวจบริเวณตลาด ในเมืองพญาตองซู ซึ่งมีการระบุว่า ก่อนหน้านี้จะพบคนจีนเดินซื้อสินค้าจำนวนมากทุกวัน แต่วันนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว เช่นเดียวกับอาคาร ร้านค้าต่างๆ ที่ชาวจีนเช่าและซื้อมาเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านเกมส์ เพื่อปิดบังธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ วันนี้อยู่ในสภาพถูกปิดเงียบ และย้ายออกไปจากเมืองพยาตองซู ตามประกาศของ DKBA ซึ่งมีข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้มีร้านค้าและสถานประกอบการของชาวจีนที่มาเปิดธุรกิจบังหน้าคอลเซ็นเคอร์ในพื้นที่พยาตองซู มีมากกว่า 200 แห่ง
ดูรูปมากมายที่
https://www.naewna.com/local/860941
เปิดตัวเลข เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมียนมา ส่งกลับไทย พบมีถึง 20 สัญชาติ เตรียมพากลับประเทศต้นทาง ยังมีหยื่อที่เตรียมส่งกับอีก 7,000 คน
วันนี้ (12 ก.พ. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า จะมีการปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ถูกหลอก ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมียนมา จำนวน 260 คน และยังมีอีกประมาณ 7,000 คนที่กำลังรออยู่ โดยย้ำว่า มาตรการของไทย จะประสานประเทศปลายทาง ให้มารับตัวกลับได้โดยตรง ไม่ต้องตกค้างอยู่ที่ จ.ตาก
และได้รับรายงานเพิ่มเติม จากการประสานกับกลุ่มกองกำลังต่างๆ กรณีตามล่ากลุ่มหลอกลวงนักแสดงชาวจีน ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ให้ไปทำงานให้แก๊งคอลเซนเตอร์ สามารถจับกุม หัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมดแล้ว และจะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ทั้ง แอฟริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป เอเชีย ญี่ปุ่นอฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้ประสานพูดคุย ยืนยันพร้อมรับตัวเหยื่อกลับ ทั้งนี้ ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจากมาตรการซีลชายแดน และการประสานงานในทางปฏิบัติ ซึ่งทางการจีนได้ขอบคุณไทยที่ใช้มาตรการนี้แก้ปัญหาอย่างได้ผล และเตรียมที่จะมารับพลเมืองที่ถูกหลอกกลับไป ส่วนวันนี้ที่ได้รับตัวผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 260 คน กลับมา ก็ได้รับการประสานและดูแลทั้งหมดโดยจเรตำรวจ
"นายภูมิธรรม" ย้ำอีกว่า ผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวออกมาจากฝั่งเมียนมา จะต้องมีการคัดกรองประเทศ และไม่นำมาพักตัวไว้ที่ไทย แต่จะประสานกับประเทศปลายทางโดยตรง เพื่อให้มารับ หากประเทศใดที่มีจำนวนมาก ให้นำเครื่องบินมารับทีเดียว
และจากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ตามมาตรการของไทยที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ก็จะรีบรายงานนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จ.ตาก ได้รับแจ้งจากหน่วยประสานงานฝ่ายเมียนมา ทำการส่งตัวบุคคลต่างชาติที่เข้าข่ายถูกหลอกลวง และการค้ามนุษย์ใน จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยขอส่งตัวกลับมาประเทศไทย ผ่านช่องทางท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้บูรณาการร่วมในการปฏิบัติกับ ฝ่ายปกครอง อ.พบพระ , สภ.พบพระ , ร้อย.ตชด.346 และ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตาก (พม.ตาก) ในการรับตัว
โดย ฉก.ราชมนู ดำเนินการรับตัวบุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย (ช.221 / ญ.39) จาก 20 สัญชาติ โดยทางฝ่ายเมียนมา และ กองกำลัง DKBA ส่งมอบบริเวณท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
จากนั้น ฉก.ราชมนู นำบุคคลต่างชาติมาร่วมคัดกรองและตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อยืนยันสัญชาติ พบ 20 สัญชาติ ภายในที่ว่าการอำเภอพบพระ ร่วมกับ ตม. จ.ตาก และ พม.จ.ตาก ประกอบด้วย
1. สัญชาติ ฟิลิปปินส์ จำนวน 16 ราย
2.สัญชาติ เคนยา จำนวน 23 ราย
3.สัญชาติ แทนซาเนีย จำนวน 1 ราย
4.สัญชาติ บลาซิล จำนวน 2 ราย
5. สัญชาติ เอธิโอเปีย จำนวน 138 ราย
6. สัญชาติ ปากีสถาน จำนวน 12 ราย
7. สัญชาติ บังกลาเทศ จำนวน 2 ราย
8. สัญชาติ เนปาล จำนวน 7 ราย
9. สัญชาติ กัมพูชา จำนวน 1 ราย
10. สัญชาติ ศรีลังกา จำนวน 1 ราย
11. สัญชาติ ยูกันดา จำนวน 6 ราย
12. สัญชาติ ไต้หวัน จำนวน 7 ราย
13. สัญชาติ ลาว จำนวน 6 ราย
14. สัญชาติ อินโดเนเซีย จำนวน 8 ราย
15. สัญชาติ บุรุนดี จำนวน 2 ราย
16. สัญชาติ ไนจีเรีย จำนวน 1 ราย
17. สัญชาติ กานา จำนวน 1 ราย
18. สัญชาติ อินเดีย จำนวน 1 ราย
19. สัญชาติ มาเลเซีย จำนวน 15 ราย
20. สัญชาติ จีน จำนวน 10 ราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะประสานสถานทูตแต่ละประเทศ ให้มารับตัวแล้วส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1166434
‘จีนเทา’ย้ายฐาน! ขนอุปกรณ์ปักหลักที่ใหม่ ห่าง‘พญาตองซู’ 10 กิโลเมตร และ เปิดตัวเลข เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมียนมา
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังเมืองพยาตองซู ประเทศเมียนมา เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง พบว่า หลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทา และกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพยาตองซู ประเทศเมียนมา นั้น
ต่อมาในวันที่ 9 ก.พ.68 พ.อ.ซอเอวัร ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกระเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพยาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน
โดยวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคารและตึก ในเมืองพยาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000 - 800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปีที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ แต่ละที่จะมีคนจีนอยู่อาศัย 200 - 300 คน โดยจะมีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชั่วโมง
จากการลงพื้นที่ พบว่า อาคารเหล่านั้นปัจจุบันคนจีนที่เช่าได้มีการมาขนย้ายอุปกรณ์สื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ออกจากตัวอาคารไปเป็นที่เรียบร้อย จากการสอบถามพบว่า คนจีนเหล่านี้ได้ย้ายออกไปจากเมืองพญาตองซู ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ห่างจากเมืองพญาตองซู ไปประมาณ 10 กิโลเมตร
จากการลงสำรวจบริเวณตลาด ในเมืองพญาตองซู ซึ่งมีการระบุว่า ก่อนหน้านี้จะพบคนจีนเดินซื้อสินค้าจำนวนมากทุกวัน แต่วันนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว เช่นเดียวกับอาคาร ร้านค้าต่างๆ ที่ชาวจีนเช่าและซื้อมาเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านเกมส์ เพื่อปิดบังธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ วันนี้อยู่ในสภาพถูกปิดเงียบ และย้ายออกไปจากเมืองพยาตองซู ตามประกาศของ DKBA ซึ่งมีข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้มีร้านค้าและสถานประกอบการของชาวจีนที่มาเปิดธุรกิจบังหน้าคอลเซ็นเคอร์ในพื้นที่พยาตองซู มีมากกว่า 200 แห่ง
ดูรูปมากมายที่ https://www.naewna.com/local/860941
เปิดตัวเลข เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมียนมา ส่งกลับไทย พบมีถึง 20 สัญชาติ เตรียมพากลับประเทศต้นทาง ยังมีหยื่อที่เตรียมส่งกับอีก 7,000 คน
วันนี้ (12 ก.พ. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า จะมีการปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ถูกหลอก ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมียนมา จำนวน 260 คน และยังมีอีกประมาณ 7,000 คนที่กำลังรออยู่ โดยย้ำว่า มาตรการของไทย จะประสานประเทศปลายทาง ให้มารับตัวกลับได้โดยตรง ไม่ต้องตกค้างอยู่ที่ จ.ตาก
และได้รับรายงานเพิ่มเติม จากการประสานกับกลุ่มกองกำลังต่างๆ กรณีตามล่ากลุ่มหลอกลวงนักแสดงชาวจีน ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ให้ไปทำงานให้แก๊งคอลเซนเตอร์ สามารถจับกุม หัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมดแล้ว และจะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ทั้ง แอฟริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป เอเชีย ญี่ปุ่นอฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้ประสานพูดคุย ยืนยันพร้อมรับตัวเหยื่อกลับ ทั้งนี้ ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจากมาตรการซีลชายแดน และการประสานงานในทางปฏิบัติ ซึ่งทางการจีนได้ขอบคุณไทยที่ใช้มาตรการนี้แก้ปัญหาอย่างได้ผล และเตรียมที่จะมารับพลเมืองที่ถูกหลอกกลับไป ส่วนวันนี้ที่ได้รับตัวผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 260 คน กลับมา ก็ได้รับการประสานและดูแลทั้งหมดโดยจเรตำรวจ
"นายภูมิธรรม" ย้ำอีกว่า ผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวออกมาจากฝั่งเมียนมา จะต้องมีการคัดกรองประเทศ และไม่นำมาพักตัวไว้ที่ไทย แต่จะประสานกับประเทศปลายทางโดยตรง เพื่อให้มารับ หากประเทศใดที่มีจำนวนมาก ให้นำเครื่องบินมารับทีเดียว
และจากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ตามมาตรการของไทยที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ก็จะรีบรายงานนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จ.ตาก ได้รับแจ้งจากหน่วยประสานงานฝ่ายเมียนมา ทำการส่งตัวบุคคลต่างชาติที่เข้าข่ายถูกหลอกลวง และการค้ามนุษย์ใน จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยขอส่งตัวกลับมาประเทศไทย ผ่านช่องทางท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้บูรณาการร่วมในการปฏิบัติกับ ฝ่ายปกครอง อ.พบพระ , สภ.พบพระ , ร้อย.ตชด.346 และ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตาก (พม.ตาก) ในการรับตัว
โดย ฉก.ราชมนู ดำเนินการรับตัวบุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย (ช.221 / ญ.39) จาก 20 สัญชาติ โดยทางฝ่ายเมียนมา และ กองกำลัง DKBA ส่งมอบบริเวณท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
จากนั้น ฉก.ราชมนู นำบุคคลต่างชาติมาร่วมคัดกรองและตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อยืนยันสัญชาติ พบ 20 สัญชาติ ภายในที่ว่าการอำเภอพบพระ ร่วมกับ ตม. จ.ตาก และ พม.จ.ตาก ประกอบด้วย
1. สัญชาติ ฟิลิปปินส์ จำนวน 16 ราย
2.สัญชาติ เคนยา จำนวน 23 ราย
3.สัญชาติ แทนซาเนีย จำนวน 1 ราย
4.สัญชาติ บลาซิล จำนวน 2 ราย
5. สัญชาติ เอธิโอเปีย จำนวน 138 ราย
6. สัญชาติ ปากีสถาน จำนวน 12 ราย
7. สัญชาติ บังกลาเทศ จำนวน 2 ราย
8. สัญชาติ เนปาล จำนวน 7 ราย
9. สัญชาติ กัมพูชา จำนวน 1 ราย
10. สัญชาติ ศรีลังกา จำนวน 1 ราย
11. สัญชาติ ยูกันดา จำนวน 6 ราย
12. สัญชาติ ไต้หวัน จำนวน 7 ราย
13. สัญชาติ ลาว จำนวน 6 ราย
14. สัญชาติ อินโดเนเซีย จำนวน 8 ราย
15. สัญชาติ บุรุนดี จำนวน 2 ราย
16. สัญชาติ ไนจีเรีย จำนวน 1 ราย
17. สัญชาติ กานา จำนวน 1 ราย
18. สัญชาติ อินเดีย จำนวน 1 ราย
19. สัญชาติ มาเลเซีย จำนวน 15 ราย
20. สัญชาติ จีน จำนวน 10 ราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะประสานสถานทูตแต่ละประเทศ ให้มารับตัวแล้วส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1166434