เธอไม่ต้องกินยาคุมยาคุม เธอไม่ต้องคุมกำนงกำเนิด ! กำลังไวรัลเลยค่ะ เพลงยาคุมในติ๊กต๊อก วันนี้ค่ะจะมาแชร์ ปัญหาจากสันดานของผู้ชายที่โยนภาระให้ผู้หญิงแบบเราๆ
ยาคุมกำเนิดเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้หญิงที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่การใช้เป็นประจำก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพในระยะยาวได้ มาดูกันว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นจากการกินยาคุมต่อเนื่อง
1. ฮอร์โมนแปรปรวน อารมณ์แปรปรวน
ยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้บางคนรู้สึกหงุดหงิด เครียด ซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนได้
2. น้ำหนักขึ้นหรือบวมน้ำ
ฮอร์โมนในยาคุมอาจทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่ม หรือรู้สึกตัวบวมโดยเฉพาะบริเวณหน้า ท้อง และขา
3. ปวดศีรษะหรือไมเกรน
ผู้หญิงบางคนที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจมีอาการปวดศีรษะหรือไมเกรนบ่อยขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ร่างกายปรับตัวเข้ากับยาคุม
4. มีเลือดออกกะปริบกะปรอย
บางคนอาจพบว่ามีเลือดออกระหว่างรอบเดือนหรือมีประจำเดือนมากะปริบกะปรอย ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายต้องปรับตัวเข้ากับฮอร์โมนในยา
5. ความต้องการทางเพศลดลง
ฮอร์โมนในยาคุมอาจส่งผลต่อระดับเทสโทสเตอโรนในร่างกาย ทำให้บางคนมีความต้องการทางเพศลดลง หรือรู้สึกไม่ตื่นตัวทางเพศเหมือนเดิม
6. ผิวพรรณเปลี่ยนแปลง
บางคนอาจมีผิวพรรณดีขึ้น ลดสิว แต่บางคนกลับพบว่ามีสิวขึ้นมากขึ้น ผิวมันขึ้น หรือมีฝ้า กระง่ายขึ้นจากผลกระทบของฮอร์โมน
7. ระบบเผาผลาญเปลี่ยนไป
ยาคุมอาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้บางคนรู้สึกหิวบ่อยขึ้น น้ำหนักขึ้นง่าย หรือเผาผลาญพลังงานลดลง
8. เสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
การใช้ยาคุมกำเนิดระยะยาว โดยเฉพาะยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอันตราย เช่น หลอดเลือดดำอุดตัน หรือเส้นเลือดสมองตีบ
9. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
แม้ว่ายาคุมจะช่วยควบคุมรอบเดือนให้สม่ำเสมอ แต่บางคนอาจพบว่าประจำเดือนมาน้อยลง ขาดหาย หรือมาไม่ปกติหลังจากใช้ไปนานๆ
10. เสี่ยงต่อภาวะพร่องวิตามินบางชนิด
ยาคุมกำเนิดอาจลดการดูดซึมของวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 และโฟเลต ซึ่งจำเป็นต่อระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือด
แม้ว่ายาคุมกำเนิดจะมีข้อดีในการช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และช่วยควบคุมรอบเดือน แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ผู้หญิงควรระวัง หากใช้เป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสม และติดตามสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ
หากมีอาการผิดปกติหรือรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมาก ควรหยุดใช้และพบแพทย์ทันที!
เธอไม่ต้องกินยาคุมยาคุม เธอไม่ต้องคุมกำนงกำเนิด ! เปิด 10 ข้อ ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเปิดประจำ จะเจอกับปัญหาอะไรบ้าง !?
ยาคุมกำเนิดเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้หญิงที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่การใช้เป็นประจำก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพในระยะยาวได้ มาดูกันว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นจากการกินยาคุมต่อเนื่อง
1. ฮอร์โมนแปรปรวน อารมณ์แปรปรวน
ยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้บางคนรู้สึกหงุดหงิด เครียด ซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนได้
2. น้ำหนักขึ้นหรือบวมน้ำ
ฮอร์โมนในยาคุมอาจทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่ม หรือรู้สึกตัวบวมโดยเฉพาะบริเวณหน้า ท้อง และขา
3. ปวดศีรษะหรือไมเกรน
ผู้หญิงบางคนที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจมีอาการปวดศีรษะหรือไมเกรนบ่อยขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ร่างกายปรับตัวเข้ากับยาคุม
4. มีเลือดออกกะปริบกะปรอย
บางคนอาจพบว่ามีเลือดออกระหว่างรอบเดือนหรือมีประจำเดือนมากะปริบกะปรอย ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายต้องปรับตัวเข้ากับฮอร์โมนในยา
5. ความต้องการทางเพศลดลง
ฮอร์โมนในยาคุมอาจส่งผลต่อระดับเทสโทสเตอโรนในร่างกาย ทำให้บางคนมีความต้องการทางเพศลดลง หรือรู้สึกไม่ตื่นตัวทางเพศเหมือนเดิม
6. ผิวพรรณเปลี่ยนแปลง
บางคนอาจมีผิวพรรณดีขึ้น ลดสิว แต่บางคนกลับพบว่ามีสิวขึ้นมากขึ้น ผิวมันขึ้น หรือมีฝ้า กระง่ายขึ้นจากผลกระทบของฮอร์โมน
7. ระบบเผาผลาญเปลี่ยนไป
ยาคุมอาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้บางคนรู้สึกหิวบ่อยขึ้น น้ำหนักขึ้นง่าย หรือเผาผลาญพลังงานลดลง
8. เสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
การใช้ยาคุมกำเนิดระยะยาว โดยเฉพาะยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอันตราย เช่น หลอดเลือดดำอุดตัน หรือเส้นเลือดสมองตีบ
9. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
แม้ว่ายาคุมจะช่วยควบคุมรอบเดือนให้สม่ำเสมอ แต่บางคนอาจพบว่าประจำเดือนมาน้อยลง ขาดหาย หรือมาไม่ปกติหลังจากใช้ไปนานๆ
10. เสี่ยงต่อภาวะพร่องวิตามินบางชนิด
ยาคุมกำเนิดอาจลดการดูดซึมของวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 และโฟเลต ซึ่งจำเป็นต่อระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือด
แม้ว่ายาคุมกำเนิดจะมีข้อดีในการช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และช่วยควบคุมรอบเดือน แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ผู้หญิงควรระวัง หากใช้เป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสม และติดตามสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ
หากมีอาการผิดปกติหรือรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมาก ควรหยุดใช้และพบแพทย์ทันที!