เรากับสามีเป็นคนเชื้อสายจีนค่ะ (เกริ่นเล่าเรื่องยาวหน่อยนะคะแบ่งเป็น2part)
[PART1] (พาร์ที่ยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก)
สถานการณ์ในบ้านสามีที่เรารับรู้ก่อนแต่งงาน(โดยคำบอกของพ่อสามี (พ่อสามีเป็นเพื่อนกับแม่เรา))
ในบ้านสามีนั้น มีพ่อสามี แม่สามี และสามีอยู่กันสามคน น้องสาวสามีแต่งงานออกไปอยู่ใกล้ๆละแวกเดียวกัน บ้างครั้งน้องสาวสามีจะเอาลูกมาฝากให้ครุสอนหนังสือมาสอนที่บ้านสามี ปิดเทอมเลิกเรียนก็มาบ้าง อาบน้ำกินข้าวที่นี่ ส่วนใหญ่พี่เลี้ยงเด็กจะมาด้วย และที่บ้านสามีก็มีแม่บ้านอยู่
อนึ่ง แฟนเราบ่นกับเราบ่อยครั้งว่าน้องสาวชอบเอาลูกมาทิ้งไว้ที่บ้าน...
ความคิดเราตอนนั้น คือ ไม่ได้คิดอะไรมาก น้องสาวแฟนยุ่ง จะมาฝากไว้บ้างก็ธรรมดา แถมมีพี่เลี้ยงมาอีก บ้านสามีก็มีแม่บ้านอยู่ มีคนกลางช่วยทำงานอยู่แล้ว เราเองทำงานอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้ออกมาเจอใครสักเท่าไหร่ บ้านแฟนน้องสาวสามีก็มีฐานะมาก บ้านแฟนเราคงไม่ได้ช่วยรับผิดชอบอะไรมากนัก พ่อแฟนเราก็ใจดี แม่แฟนเราก็ใจดี...
สถานการณ์ในบ้านสามีหลังเราแต่งเข้าไป
แม่บ้านไปเฝ้าสวน มาแค่วันเสาร์ น้องสาวกับน้องเขยสามีมากินข้าวกลางวันที่บ้านทุกวัน ลูกทั้งสองนั้นถ้าปิดเทอมเอามาทุกวัน ถ้าเปิดเรียนเอามาหลังเลิกเรียนบ้างบางครั้ง วันหยุดนักขตฤกษ์เอามา เสาร์-อาทิตย์เอามาทุกเสาร์อาทิตย์ ทุกครั้งจะเป็นแม่สามีโทรเรียกมา ไม่ก็น้องสาวสามีเอามา ตอนเด็กเลิกเรียนแม่สามีก็มีหน้าที่ไปรับที่โรงเรียน น้องสาวกับน้องเขยสามีไปต่างประเทศกันสองคน ก็จะให้แม่สามีไปเฝ้าหลานที่บ้านตัวเองไม่ก็เอามานอนบ้านนี้ น้องสาวสามีตื่นเช้าพาลูกไปงานโรงเรียนไม่ไหว ตอนกลางคืนก็จะเอามาให้นอนกับแม่สามีบ้านนี้ เพื่อแม่สามีตื่นเช้าจะได้เป็นคนพาไป ลูกนอนดิ้นก็เอามาบ้านนี้ บอกนอนไม่เต็มอิ่ม ลูกไปเรียนว่ายน้ำสองคน มีพี่เลี้ยงคนเดียวก็โทรมาให้สามีเอาเราไปเฝ้าด้วย(แต่สามีไม่ได้บอกเรา) น้องสาวกับน้องเขยสามีต้องนั่งกินข้าวกลางวันพร้อมกัน แต่แม่สามีบอกให้เรารีบกินแล้วไปป้อนข้าวลูกๆของพวกเขา แม่สามีเอาเด็กมาละบอกปวดหลังกวักมือเรียกเราไปช่วยเฝ้า ตอนแม่สามีไม่อยู่ แม่สามีก็เรียกน้องสาวกับน้องเขยสามีมากินข้าวแล้วก็โทรสั่งเราให้ลงไปล้างจานให้พวกเขาหน่อย ซึ่งเรากินอิ่มล้างจานขึ้นมาทำงานบนห้องแล้ว...
แม่สามีบอกและให้เหตุผลอยู่บ่อยๆว่า...ลูกสาวแต่งไปลำบากมาก ต้องเฝ้าร้านกับสามีกับแม่สามี แปดโมงถึงบ่ายสาม พอเจอร้อนเจอความเครียดก็ไมเกรนขึ้น แถมแม่สามีลูกสาวก็รักลูกชายคนโตมากกว่า ไม่ได้รักลูกเขยที่เป็นแฟนน้องสาวเท่าไหร่ ดูแต่หลานของลูกชายคนโต ลูกสาวลำบากน่าสงสารมาก ต้องช่วยเหลือ และที่เรียกมากินข้าวกลางวันทุกวันเพราะเป็นห่วง ลูกสาวกับลูกเขยไปซื้อกิน กินข้าวนอกบ้านทุกวันเดี๋ยวป่วย ตัวแม่สามีเป็นคนทำกับข้าวน้อยไม่เป็น ทำทีทำเยอะ ก็เลยเรียกมากินด้วยกัน ที่ต้องไปรับหลานทุกวันก็เพราะลูกสาวกับลูกเขยยุ่งมาก วันอาทิตย์ต้องเอาหลานไว้ที่นี่ก็เพราะให้ลูกสาวกับลูกเขยได้ไปกินข้าวกันสองคน เอาเด็กไปก็ไม่ได้กินข้าว (ทุกวันอาทิตย์ ร้านน้องสาวแฟนจะหยุด และน้องสาวแฟนจะไปกินข้าวกับสามีสองคนทุกวันอาทิตย์) ลูกสาวไปเที่ยวต่างประเทศกับลูกเขยก็กลัวเที่ยวไม่สนุก เอาเด็กไปเดี๋ยวก็ไม่ได้เที่ยว
ข้อสงสัยที่เกิดกับเรา
1. ในเมื่อในบ้านสามีแม่บ้านไม่มา ทำไมน้องสาวกับน้องเขยสามีเรามากินข้าวแล้วไม่เคยล้างจานเองเลย ทั้งที่เขารู้ว่าก่อนหน้านั้นแม่สามีล้างจาน พอเราแต่งเข้ามา เราก็เป็นคนล้าง
2. ในเมื่อบ้านน้องสาวสามีเรามีฐานะ มีบ้านหลายหลัง ทำไมแม่สามีไม่ไปเลี้ยงที่บ้านพวกเขา (ข้อนี้สามีเราสงสัยมาก ทั้งยังบ่นอยู่บ่อยๆ เพราะบ้านคนจีนส่วนใหญ่จะสะใภ้แต่งเข้า ลูกสาวแต่งออก ทุกอย่างมีสัดส่วนมีขอบเขต จะไม่มีปัญหามีเรื่องกัน)
3. ทำไมวันอาทิตย์น้องสาวกับน้องเขยสามีเลิกงานครึ่งวันไม่เอาลูกไปกินข้าวด้วยบ้าง จะบางครั้งก็ได้ ไม่ใช่ทิ้งไว้ทุกครั้งทุกวันอาทิตย์แบบนี้แล้วอ้างว่าเด็กซน เอาไปไม่ได้กินข้าว (สามีเราก็สงสัยว่าอยากกินด้วยกันสองคนทุกวันแล้วมีลูกทำไม?)
4. ทำไมน้องสาวกับน้องเขยสามีไปเที่ยวต่างประเทศไม่เอาลูกไปเที่ยวบ้าง ลูกก็โตเข้าโรงเรียนแล้ว เข้าใจอารมณ์อยากไปสวีทสองคน แต่นี่ไม่เคยเอาไปเลยสักครั้ง แล้วอ้างว่าเอาไปก็ไม่ได้เที่ยวสนุก (สามีเรากับแม่บ้านที่บ้านก็สงสัยว่าอยากเที่ยวกันสองคนทุกคร้งแล้วมีลูกทำไม?)
5. น้องสาวสามีลำบากมากแค่ไหนกัน? ทำงานได้เงินกงสี พี่เลี้ยงก็มี แม่บ้านก็มี แม่ก็คอยช่วย น้องเขยสามีก็ทำงานมีรายได้มากมายหลายทาง ถ้าสุขภาพไม่ดีทำไมไม่หยุด (ข้อนี้พ่อสามีก็สงสัยว่าทำไมไม่หยุดทำงานคนหนึ่ง สามีน้องสาวก็ทำงานเยอะแยะมีเงินมากมาย แม่บ้านที่บ้านก็สงสัยว่ากลัวลำบากแล้วมีลูกทำไม)
ปัญหาที่เกิดกับเรา
1. เราต้องมาคอยล้างจานให้ คอยป้อนข้าวเด็กทั้งที่พ่อแม่เขาก็นั่งกินข้าวกันอยู่ ไม่คิดมาดูลูกกันเลย เรารู้สึกเหมือนเป็นเบ๊ (เรื่องนี้เราเคยคุยกับแฟน ตอนแรกแฟนเราไม่เข้าใจบอกเป็นสะใภ้ก็ต้องล้างจานนี่ ตอนหลังเข้าใจแล้วว่าน้องสาวกับน้องเขยควรมีจิตสำนึกล้างเองบ้าง มากินทุกวัน ไม่ใช่เทศกาลนานๆครั้ง และทำอย่างนี้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนแต่งเข้าไปเป็นคนใช้ ทั้งที่เราก็ทำงานเหมือนกัน ล้างให้พ่อแม่เธอได้ แต่น้องสาวน้องเขยที่แต่งออกไปแล้วเราไม่ทำให้ แม่เราจะคิดยังไงว่าแต่งลูกสาวเข้ามาเป็นคนใช้น้องสาวเธอ ไม่ใช่น้องสาวเธอมาผลัดกันช่วยกันล้าง อย่างนี้ก็ว่าไปอย่าง)
2. เมื่อเราไม่อยากทำ ไม่อยากเฝ้าเด็ก เพราะเราก็มีงานทำเหมือนกัน แม่สามีก็ชอบเหน็บแนมว่าขี้เหนียวแรง ทำให้เรารู้สึกโมโห
3. เราปรึกษาปัญหากับแม่เรา แม่เราเลยเลยเสนอและโทรไปบอกให้พ่อสามีหาคนมาล้างจาน คนกลางที่รับภาระงานเหล่านี้ไป คนกินกันเยอะๆจะได้ไม่มีเรื่อง และถามพ่อสามีว่าทำไมลูกสาวถึงเรียกใช้คนในบ้านชั้นบนยันชั้นล่างขนาดนี้ แล้วการที่ใช้คนอื่นทำให้ลูกตัวเองทั้งที่ลูกตัวเองทำได้เนี่ยมันจะเกิดปัญหานะ พ่อสามีก็บอกว่าให้เราใจกว้างๆ มีเมตตา ลูกสาวเขาลำบาก ป่วยก็ป่วย แม่สามีลูกสาวก็ไม่ดูแล ไม่จ้างแม่ครัวทำกับข้าวให้ลูกสาวเขา (พอพ่อสามีตอบเราแบบนี้เรากับแม่เรารู้สึกผิดคาดไปมาก รู้สึกแอบหมดศรัทธาไปนิดนึงเลย แม่เราบอกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แก้ปัญหาจบได้ง่ายๆ กลับว่าคนอื่นทำให้เป็นเรื่องใหญ่)
4. เราบอกแฟนเราว่าเราไม่อยากอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้นะ สถานการณ์ที่เราไม่ช่วยก็ถูกหาว่าใจแคบ ทั้งที่คนสร้างปัญหาไม่ใช่เรานะ อยู่ดีๆมาว่าเราผิดได้ยังไง เอาเข้ามาเอง แล้วบอกคนอื่นไม่ยอมช่วย แต่ไม่บอกให้คนสร้างปัญหามีจิตสำนึกบ้าง ทำไมเรียกใช้คนอื่น แต่ไม่ยอมเรียกใช้ลูกตัวเอง และเราก็บอกว่าเราแยกออกไปอยู่กันดีไหม ถึงเรื่องนี้แก้ปัญหาได้ เราก็ไม่อยากอยู่แล้วนะ แม้จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เรารู้ว่าเราจะกลายคนผิด เป็นคนไม่ดีอยู่ดี แล้วเราก็บอกว่าเรื่องนี้แก้ไม่ได้หรอก มันเป็นนิสัยของแม่สามีด้วย นิสัยที่ดื้อรั้น ชอบเอาชนะ หาเหตุผลที่ไม่ใช่ประเด็นมาอ้างจนคนเชื่อกันหมด แล้วพ่อสามีก็เป็นคนขี้สงสาร ถูกปั่นง่าย ทำให้คนที่ตัดสินใจในบ้านแก้ปัญหาผิดจุดผิดประเด็นไปหมด
5. แฟนเราอัดอั้นเเลยขอคุยกับพ่อสามีสองคน ก่อนไปคุยก็ได้เล่าเรื่องให้เราฟัง
เรื่องที่เสามีเล่าให้เราฟัง (เราแอบเคืองว่าทำไมไม่เล่าแต่แรก จะได้กะสถานการณ์ต้นสายปลายเหตุถูก แฟนบอกจำไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยได้สนใจ-*-)
1. ก่อนเราแต่งเข้าไป น้องสาวแฟนกับน้องเขยไม่ได้เข้ามากินข้าวที่บ้านนี้ แม่สามีทำกับข้าวไปให้บ้านลูกเขย พ่อแม่ลูกเขย ทั้งบ้านลูกเขยกินเพื่อเอาใจอยากให้เขารักลูกสาวตัวเอง ทำไปได้พักหนึ่ง พ่อสามีไม่ยอม บอกให้หยุดทำ บ้านเขาก็มีฐานะกว่าบ้านเรา ทำไปเลี้ยงเขาทำไม ผลคือ แม่สามีไม่ยอม งอนพ่อสามีไม่พูดด้วยเป็นครึ่งเดือน แยกห้องนอนด้วย ผลสุดท้ายคือ พ่อสามีต้องอ่อนให้ครึ่ง เรียกลูกสาวกับลูกเขยมากินข้าวกลางวันที่บ้านแทนทุกวัน
2. ตอนน้องสาวแฟนแต่งงานมีลูกใหม่ๆ ได้ขอห้องที่บ้านไว้ห้องหนึ่งไว้เป็นห้องเด็กเลี้ยงเด็ก มาถึงตอนก่อนเราแต่งเข้าไป ตอนที่เราเป็นแฟนกับสามีเรา พ่อสามีจึงได้ออกปากจะทวงห้องคืนบอกให้แม่สามีเอาหลานไปเลี้ยงที่บ้านลูกสาวลูกเขย ขนของในห้องเด็กออกไปให้หมด บ้านนั้นก็มีห้องเล่นเด็ก ที่ร้านลูกสาวก็มีห้องเล่นเด็ก ให้แม่สามีไปเฝ้าเลี้ยงที่นั่น ผลคือ แม่สามีไม่ได้ขนไป และไม่ยอมเอาหลานไปเลี้ยงบ้านน้องสาวแฟนด้วย และด่าพ่อสามีกลับว่าไล่หลานได้ยังไง
3. พ่อสามีไลน์เข้าไลน์กลุ่มครอบครัวบอกลูกสาวให้หาพี่เลี้ยงเพิ่ม เพราะดูแล้วเลี้ยงลูกไม่ไหว และก็ต้องลำบากแม่ขนาดนี้
มาต่อที่สามีไปคุยกับพ่อสามี
1. พ่อสามีบอกก็พูดทำไปหมดแล้ว มันก็เหมือนเดิม
2. พ่อสามีคับแค้นใจ ด่าแม่สามีของลูกสาวว่าทำให้ลูกสาวเขาลำบาก บอกอีกว่าอะไรที่บ้านนั้นดูแลลูกสาวเขาไม่ได้ เขาจะดูแลเอง บอกอีกว่าถ้ารู้ว่าแต่งแล้วต้องไปทำงานเฝ้าร้านลำบากอย่างนั้น จะไม่ให้แต่งไปเด็ดขาด (อนึ่ง พ่อสามีเคยบอกกับเราที่แต่งเข้าบ้านไปใหม่ๆว่า ถ้าเขาต้องรับลูกสาวกลับมาก็ต้องรับกลับมานะ ซึ่งเราเข้าใจว่าพ่อสามีคงโกรธบ้านนั้นที่ทำให้ลูกสาวลำบากต้องให้บ้านนี้ช่วยขนาดนี้ และมาบอกเราที่เป็นสะใภ้เพราะอาจจะเกรงใจเรา)
2. สามีเราด่าน้องสาวกับน้องเขยให้พ่อสามีฟังว่ามากินข้าวบ้านคนอื่นทุกวันแล้วให้คนอื่นล้างจานทั้งที่รู้ว่าไม่มีแม่บ้าน เอาลูกมาปล่อยทิ้งไว้ทั้งที่รู้ว่าเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ไม่มีจิตสำนึกเลยเหรอ บอกจะไปคุยกับน้องสาวน้องเขย แต่พ่อสามีบอกไม่ต้อง เดี๋ยวพี่น้องทะเลาะกัน ให้ผู้ใหญ่ไปคุย
3. พ่อสามีเราบอกว่าถ้าเราไม่อยากอยู่ แก้ปัญหาได้ก็ไม่อยู่ ก็ให้สามีเลิกกับเรา และบอกให้สามีเลือก ถ้าเป็นพ่อสามี พ่อสามีเลือกครอบครัว หมายถึงให้สามีเราเลือกพ่อแม่และน้องสาว *o*
4. พ่อสามีเราเสนอให้สามีเราเลือกด้วยว่า จะเอาเงินออกไปตั้งตัว หรือจะเอาไปตั้งตัวแล้วไม่ได้ค่อยกลับมา หรือจะไปๆมาๆก็ได้ (พ่อสามีเป็นคนใจดีใจอ่อน อ่อนไหว อารมณ์สวิง กลับไปกลับมา)
5. พ่อสามีบอกว่าเขาไม่ได้สร้างปัญหา บอกให้แม่สามีไปแก้เอง ให้แม่สามีมาคุยกับเรา พ่อสามีคอยย้ำสามีเราตลอดว่าถ้าคุยแล้วเราไม่อยู่ ให้เลิกๆ
ความรู้สึกของเราหลังสามีมาบอก
1. เราตกใจและเสียใจมากที่จู่ๆพ่อสามีบอกให้สามีเลิกกับเรา ทั้งยังบอกให้เลือก สามีเองก็น้ำตาคลอ เราเลยบอกว่าสามีไม่ต้องเลือก ทำไมต้องเลือก ทุกฝ่ายสำคัญ ไม่มีใครมาบีบบังคับให้ใครเลือกใครได้นะ และเราก็บอกสามีว่าพ่อเธอตัดสินใจอย่างนี้ค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะ ไม่ให้คนสร้างปัญหารับรู้ กลัวพี่น้องทะเลาะกัน แต่มาบอกให้เราเลิกกัน
แม่สามีมาคุยกับเราโดยที่มีสามีเราอยู่ด้วย
1. แม่สามีมาคุยกับเรา บอกว่าเราก็ล้างเยอะอยู่(คือน่าจะบอกว่าเธอก็ไม่ได้ล้างเยอะมากมายนะ) และโทรเรียกก็แค่ครั้งเดียวเอง โถ่ ที่ไม่ได้ใช้ลูกสาวลูกเขยล้างเพราะเห็นเขาลำบากมาก แล้วก็บอกว่าในเมื่อพ่อสามีบอกว่าผิด เราก็บอกว่าผิด งั้นเขาก็ผิดเอง
2. แล้วพวกเราไม่หวังพึ่งบ้านลูกสาวบ้านเหรอ บลาๆ...
ความรู้สึกเราหลังแม่สามีมาคุย
1. เรารู้สึกว่าแม่สามีอ้างเหตุผลได้ไม่ตรงประเด็นสุดๆ เหตุผลเราคือความรู้สึกที่เราเหมือนเป็นเบ๊รับใช้ลูกสาวเขากับลูกเขยเขา ไม่ใช่ประเด็นล้างมากล้างน้อย โทรเรียกไปล้างกี่ครั้ง ไม่ใช่ประเด็นเล้ย
ผลหลังคุยประเด็นนี้
1. พ่อสามีกับแม่สามีได้บอกเหตุผลในไลน์กลุ่มกับน้องสาวสามีว่าช่วงนี้ป่วย ให้มากินข้าวแค่วันเสาร์(วันที่มีแม่บ้านมา) บ้านนี้จะทำอาหารง่ายๆกินกันเอง น้องสาวแฟนก็บอกว่าตัวเองกับสามียังไงก็ได้
2. แม่สามีไม่เรียกใช้เราอีกเลย ทำเหมือนเรียกใช้เราไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหา เรียกใช้แต่สามีเรา
ความรู้สึกเราหลังเกิดประเด็นนี้
1. เราเคืองมากกับคำพูดน้องสาวสามี บอกตัวเองกับสามียังไงก็ได้ ไม่เรื่องมาก พูดงี้ก็รับบทนางฟ้าไปสินะ ทั้งที่สร้างปัญหาแล้วยังไม่รู้ตัว เอ๊ะ หรือรู้ก็ไม่รู้
2. เรารู้สึกงงๆ...เพราะแก้ปัญหาด้วยการไม่ให้น้องสามีกับน้องเขยมากินอย่างนี้ ก็ล้วนไม่พ้นว่าเราไม่ให้มา ไม่อยากให้มาแน่นอน ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก ทำหลังเราแต่งเข้าไป ชีวิตเปลี่ยนทันที-*-
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...ไปต่อ Part 2 กันค่ะ
เราผิดหรือครอบครัวสามีผิดหรือใครผิด? เราควรพูดก่อนย้ายออกไหม?
[PART1] (พาร์ที่ยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก)
สถานการณ์ในบ้านสามีที่เรารับรู้ก่อนแต่งงาน(โดยคำบอกของพ่อสามี (พ่อสามีเป็นเพื่อนกับแม่เรา))
ในบ้านสามีนั้น มีพ่อสามี แม่สามี และสามีอยู่กันสามคน น้องสาวสามีแต่งงานออกไปอยู่ใกล้ๆละแวกเดียวกัน บ้างครั้งน้องสาวสามีจะเอาลูกมาฝากให้ครุสอนหนังสือมาสอนที่บ้านสามี ปิดเทอมเลิกเรียนก็มาบ้าง อาบน้ำกินข้าวที่นี่ ส่วนใหญ่พี่เลี้ยงเด็กจะมาด้วย และที่บ้านสามีก็มีแม่บ้านอยู่
อนึ่ง แฟนเราบ่นกับเราบ่อยครั้งว่าน้องสาวชอบเอาลูกมาทิ้งไว้ที่บ้าน...
ความคิดเราตอนนั้น คือ ไม่ได้คิดอะไรมาก น้องสาวแฟนยุ่ง จะมาฝากไว้บ้างก็ธรรมดา แถมมีพี่เลี้ยงมาอีก บ้านสามีก็มีแม่บ้านอยู่ มีคนกลางช่วยทำงานอยู่แล้ว เราเองทำงานอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้ออกมาเจอใครสักเท่าไหร่ บ้านแฟนน้องสาวสามีก็มีฐานะมาก บ้านแฟนเราคงไม่ได้ช่วยรับผิดชอบอะไรมากนัก พ่อแฟนเราก็ใจดี แม่แฟนเราก็ใจดี...
สถานการณ์ในบ้านสามีหลังเราแต่งเข้าไป
แม่บ้านไปเฝ้าสวน มาแค่วันเสาร์ น้องสาวกับน้องเขยสามีมากินข้าวกลางวันที่บ้านทุกวัน ลูกทั้งสองนั้นถ้าปิดเทอมเอามาทุกวัน ถ้าเปิดเรียนเอามาหลังเลิกเรียนบ้างบางครั้ง วันหยุดนักขตฤกษ์เอามา เสาร์-อาทิตย์เอามาทุกเสาร์อาทิตย์ ทุกครั้งจะเป็นแม่สามีโทรเรียกมา ไม่ก็น้องสาวสามีเอามา ตอนเด็กเลิกเรียนแม่สามีก็มีหน้าที่ไปรับที่โรงเรียน น้องสาวกับน้องเขยสามีไปต่างประเทศกันสองคน ก็จะให้แม่สามีไปเฝ้าหลานที่บ้านตัวเองไม่ก็เอามานอนบ้านนี้ น้องสาวสามีตื่นเช้าพาลูกไปงานโรงเรียนไม่ไหว ตอนกลางคืนก็จะเอามาให้นอนกับแม่สามีบ้านนี้ เพื่อแม่สามีตื่นเช้าจะได้เป็นคนพาไป ลูกนอนดิ้นก็เอามาบ้านนี้ บอกนอนไม่เต็มอิ่ม ลูกไปเรียนว่ายน้ำสองคน มีพี่เลี้ยงคนเดียวก็โทรมาให้สามีเอาเราไปเฝ้าด้วย(แต่สามีไม่ได้บอกเรา) น้องสาวกับน้องเขยสามีต้องนั่งกินข้าวกลางวันพร้อมกัน แต่แม่สามีบอกให้เรารีบกินแล้วไปป้อนข้าวลูกๆของพวกเขา แม่สามีเอาเด็กมาละบอกปวดหลังกวักมือเรียกเราไปช่วยเฝ้า ตอนแม่สามีไม่อยู่ แม่สามีก็เรียกน้องสาวกับน้องเขยสามีมากินข้าวแล้วก็โทรสั่งเราให้ลงไปล้างจานให้พวกเขาหน่อย ซึ่งเรากินอิ่มล้างจานขึ้นมาทำงานบนห้องแล้ว...
แม่สามีบอกและให้เหตุผลอยู่บ่อยๆว่า...ลูกสาวแต่งไปลำบากมาก ต้องเฝ้าร้านกับสามีกับแม่สามี แปดโมงถึงบ่ายสาม พอเจอร้อนเจอความเครียดก็ไมเกรนขึ้น แถมแม่สามีลูกสาวก็รักลูกชายคนโตมากกว่า ไม่ได้รักลูกเขยที่เป็นแฟนน้องสาวเท่าไหร่ ดูแต่หลานของลูกชายคนโต ลูกสาวลำบากน่าสงสารมาก ต้องช่วยเหลือ และที่เรียกมากินข้าวกลางวันทุกวันเพราะเป็นห่วง ลูกสาวกับลูกเขยไปซื้อกิน กินข้าวนอกบ้านทุกวันเดี๋ยวป่วย ตัวแม่สามีเป็นคนทำกับข้าวน้อยไม่เป็น ทำทีทำเยอะ ก็เลยเรียกมากินด้วยกัน ที่ต้องไปรับหลานทุกวันก็เพราะลูกสาวกับลูกเขยยุ่งมาก วันอาทิตย์ต้องเอาหลานไว้ที่นี่ก็เพราะให้ลูกสาวกับลูกเขยได้ไปกินข้าวกันสองคน เอาเด็กไปก็ไม่ได้กินข้าว (ทุกวันอาทิตย์ ร้านน้องสาวแฟนจะหยุด และน้องสาวแฟนจะไปกินข้าวกับสามีสองคนทุกวันอาทิตย์) ลูกสาวไปเที่ยวต่างประเทศกับลูกเขยก็กลัวเที่ยวไม่สนุก เอาเด็กไปเดี๋ยวก็ไม่ได้เที่ยว
ข้อสงสัยที่เกิดกับเรา
1. ในเมื่อในบ้านสามีแม่บ้านไม่มา ทำไมน้องสาวกับน้องเขยสามีเรามากินข้าวแล้วไม่เคยล้างจานเองเลย ทั้งที่เขารู้ว่าก่อนหน้านั้นแม่สามีล้างจาน พอเราแต่งเข้ามา เราก็เป็นคนล้าง
2. ในเมื่อบ้านน้องสาวสามีเรามีฐานะ มีบ้านหลายหลัง ทำไมแม่สามีไม่ไปเลี้ยงที่บ้านพวกเขา (ข้อนี้สามีเราสงสัยมาก ทั้งยังบ่นอยู่บ่อยๆ เพราะบ้านคนจีนส่วนใหญ่จะสะใภ้แต่งเข้า ลูกสาวแต่งออก ทุกอย่างมีสัดส่วนมีขอบเขต จะไม่มีปัญหามีเรื่องกัน)
3. ทำไมวันอาทิตย์น้องสาวกับน้องเขยสามีเลิกงานครึ่งวันไม่เอาลูกไปกินข้าวด้วยบ้าง จะบางครั้งก็ได้ ไม่ใช่ทิ้งไว้ทุกครั้งทุกวันอาทิตย์แบบนี้แล้วอ้างว่าเด็กซน เอาไปไม่ได้กินข้าว (สามีเราก็สงสัยว่าอยากกินด้วยกันสองคนทุกวันแล้วมีลูกทำไม?)
4. ทำไมน้องสาวกับน้องเขยสามีไปเที่ยวต่างประเทศไม่เอาลูกไปเที่ยวบ้าง ลูกก็โตเข้าโรงเรียนแล้ว เข้าใจอารมณ์อยากไปสวีทสองคน แต่นี่ไม่เคยเอาไปเลยสักครั้ง แล้วอ้างว่าเอาไปก็ไม่ได้เที่ยวสนุก (สามีเรากับแม่บ้านที่บ้านก็สงสัยว่าอยากเที่ยวกันสองคนทุกคร้งแล้วมีลูกทำไม?)
5. น้องสาวสามีลำบากมากแค่ไหนกัน? ทำงานได้เงินกงสี พี่เลี้ยงก็มี แม่บ้านก็มี แม่ก็คอยช่วย น้องเขยสามีก็ทำงานมีรายได้มากมายหลายทาง ถ้าสุขภาพไม่ดีทำไมไม่หยุด (ข้อนี้พ่อสามีก็สงสัยว่าทำไมไม่หยุดทำงานคนหนึ่ง สามีน้องสาวก็ทำงานเยอะแยะมีเงินมากมาย แม่บ้านที่บ้านก็สงสัยว่ากลัวลำบากแล้วมีลูกทำไม)
ปัญหาที่เกิดกับเรา
1. เราต้องมาคอยล้างจานให้ คอยป้อนข้าวเด็กทั้งที่พ่อแม่เขาก็นั่งกินข้าวกันอยู่ ไม่คิดมาดูลูกกันเลย เรารู้สึกเหมือนเป็นเบ๊ (เรื่องนี้เราเคยคุยกับแฟน ตอนแรกแฟนเราไม่เข้าใจบอกเป็นสะใภ้ก็ต้องล้างจานนี่ ตอนหลังเข้าใจแล้วว่าน้องสาวกับน้องเขยควรมีจิตสำนึกล้างเองบ้าง มากินทุกวัน ไม่ใช่เทศกาลนานๆครั้ง และทำอย่างนี้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนแต่งเข้าไปเป็นคนใช้ ทั้งที่เราก็ทำงานเหมือนกัน ล้างให้พ่อแม่เธอได้ แต่น้องสาวน้องเขยที่แต่งออกไปแล้วเราไม่ทำให้ แม่เราจะคิดยังไงว่าแต่งลูกสาวเข้ามาเป็นคนใช้น้องสาวเธอ ไม่ใช่น้องสาวเธอมาผลัดกันช่วยกันล้าง อย่างนี้ก็ว่าไปอย่าง)
2. เมื่อเราไม่อยากทำ ไม่อยากเฝ้าเด็ก เพราะเราก็มีงานทำเหมือนกัน แม่สามีก็ชอบเหน็บแนมว่าขี้เหนียวแรง ทำให้เรารู้สึกโมโห
3. เราปรึกษาปัญหากับแม่เรา แม่เราเลยเลยเสนอและโทรไปบอกให้พ่อสามีหาคนมาล้างจาน คนกลางที่รับภาระงานเหล่านี้ไป คนกินกันเยอะๆจะได้ไม่มีเรื่อง และถามพ่อสามีว่าทำไมลูกสาวถึงเรียกใช้คนในบ้านชั้นบนยันชั้นล่างขนาดนี้ แล้วการที่ใช้คนอื่นทำให้ลูกตัวเองทั้งที่ลูกตัวเองทำได้เนี่ยมันจะเกิดปัญหานะ พ่อสามีก็บอกว่าให้เราใจกว้างๆ มีเมตตา ลูกสาวเขาลำบาก ป่วยก็ป่วย แม่สามีลูกสาวก็ไม่ดูแล ไม่จ้างแม่ครัวทำกับข้าวให้ลูกสาวเขา (พอพ่อสามีตอบเราแบบนี้เรากับแม่เรารู้สึกผิดคาดไปมาก รู้สึกแอบหมดศรัทธาไปนิดนึงเลย แม่เราบอกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แก้ปัญหาจบได้ง่ายๆ กลับว่าคนอื่นทำให้เป็นเรื่องใหญ่)
4. เราบอกแฟนเราว่าเราไม่อยากอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้นะ สถานการณ์ที่เราไม่ช่วยก็ถูกหาว่าใจแคบ ทั้งที่คนสร้างปัญหาไม่ใช่เรานะ อยู่ดีๆมาว่าเราผิดได้ยังไง เอาเข้ามาเอง แล้วบอกคนอื่นไม่ยอมช่วย แต่ไม่บอกให้คนสร้างปัญหามีจิตสำนึกบ้าง ทำไมเรียกใช้คนอื่น แต่ไม่ยอมเรียกใช้ลูกตัวเอง และเราก็บอกว่าเราแยกออกไปอยู่กันดีไหม ถึงเรื่องนี้แก้ปัญหาได้ เราก็ไม่อยากอยู่แล้วนะ แม้จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เรารู้ว่าเราจะกลายคนผิด เป็นคนไม่ดีอยู่ดี แล้วเราก็บอกว่าเรื่องนี้แก้ไม่ได้หรอก มันเป็นนิสัยของแม่สามีด้วย นิสัยที่ดื้อรั้น ชอบเอาชนะ หาเหตุผลที่ไม่ใช่ประเด็นมาอ้างจนคนเชื่อกันหมด แล้วพ่อสามีก็เป็นคนขี้สงสาร ถูกปั่นง่าย ทำให้คนที่ตัดสินใจในบ้านแก้ปัญหาผิดจุดผิดประเด็นไปหมด
5. แฟนเราอัดอั้นเเลยขอคุยกับพ่อสามีสองคน ก่อนไปคุยก็ได้เล่าเรื่องให้เราฟัง
เรื่องที่เสามีเล่าให้เราฟัง (เราแอบเคืองว่าทำไมไม่เล่าแต่แรก จะได้กะสถานการณ์ต้นสายปลายเหตุถูก แฟนบอกจำไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยได้สนใจ-*-)
1. ก่อนเราแต่งเข้าไป น้องสาวแฟนกับน้องเขยไม่ได้เข้ามากินข้าวที่บ้านนี้ แม่สามีทำกับข้าวไปให้บ้านลูกเขย พ่อแม่ลูกเขย ทั้งบ้านลูกเขยกินเพื่อเอาใจอยากให้เขารักลูกสาวตัวเอง ทำไปได้พักหนึ่ง พ่อสามีไม่ยอม บอกให้หยุดทำ บ้านเขาก็มีฐานะกว่าบ้านเรา ทำไปเลี้ยงเขาทำไม ผลคือ แม่สามีไม่ยอม งอนพ่อสามีไม่พูดด้วยเป็นครึ่งเดือน แยกห้องนอนด้วย ผลสุดท้ายคือ พ่อสามีต้องอ่อนให้ครึ่ง เรียกลูกสาวกับลูกเขยมากินข้าวกลางวันที่บ้านแทนทุกวัน
2. ตอนน้องสาวแฟนแต่งงานมีลูกใหม่ๆ ได้ขอห้องที่บ้านไว้ห้องหนึ่งไว้เป็นห้องเด็กเลี้ยงเด็ก มาถึงตอนก่อนเราแต่งเข้าไป ตอนที่เราเป็นแฟนกับสามีเรา พ่อสามีจึงได้ออกปากจะทวงห้องคืนบอกให้แม่สามีเอาหลานไปเลี้ยงที่บ้านลูกสาวลูกเขย ขนของในห้องเด็กออกไปให้หมด บ้านนั้นก็มีห้องเล่นเด็ก ที่ร้านลูกสาวก็มีห้องเล่นเด็ก ให้แม่สามีไปเฝ้าเลี้ยงที่นั่น ผลคือ แม่สามีไม่ได้ขนไป และไม่ยอมเอาหลานไปเลี้ยงบ้านน้องสาวแฟนด้วย และด่าพ่อสามีกลับว่าไล่หลานได้ยังไง
3. พ่อสามีไลน์เข้าไลน์กลุ่มครอบครัวบอกลูกสาวให้หาพี่เลี้ยงเพิ่ม เพราะดูแล้วเลี้ยงลูกไม่ไหว และก็ต้องลำบากแม่ขนาดนี้
มาต่อที่สามีไปคุยกับพ่อสามี
1. พ่อสามีบอกก็พูดทำไปหมดแล้ว มันก็เหมือนเดิม
2. พ่อสามีคับแค้นใจ ด่าแม่สามีของลูกสาวว่าทำให้ลูกสาวเขาลำบาก บอกอีกว่าอะไรที่บ้านนั้นดูแลลูกสาวเขาไม่ได้ เขาจะดูแลเอง บอกอีกว่าถ้ารู้ว่าแต่งแล้วต้องไปทำงานเฝ้าร้านลำบากอย่างนั้น จะไม่ให้แต่งไปเด็ดขาด (อนึ่ง พ่อสามีเคยบอกกับเราที่แต่งเข้าบ้านไปใหม่ๆว่า ถ้าเขาต้องรับลูกสาวกลับมาก็ต้องรับกลับมานะ ซึ่งเราเข้าใจว่าพ่อสามีคงโกรธบ้านนั้นที่ทำให้ลูกสาวลำบากต้องให้บ้านนี้ช่วยขนาดนี้ และมาบอกเราที่เป็นสะใภ้เพราะอาจจะเกรงใจเรา)
2. สามีเราด่าน้องสาวกับน้องเขยให้พ่อสามีฟังว่ามากินข้าวบ้านคนอื่นทุกวันแล้วให้คนอื่นล้างจานทั้งที่รู้ว่าไม่มีแม่บ้าน เอาลูกมาปล่อยทิ้งไว้ทั้งที่รู้ว่าเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ไม่มีจิตสำนึกเลยเหรอ บอกจะไปคุยกับน้องสาวน้องเขย แต่พ่อสามีบอกไม่ต้อง เดี๋ยวพี่น้องทะเลาะกัน ให้ผู้ใหญ่ไปคุย
3. พ่อสามีเราบอกว่าถ้าเราไม่อยากอยู่ แก้ปัญหาได้ก็ไม่อยู่ ก็ให้สามีเลิกกับเรา และบอกให้สามีเลือก ถ้าเป็นพ่อสามี พ่อสามีเลือกครอบครัว หมายถึงให้สามีเราเลือกพ่อแม่และน้องสาว *o*
4. พ่อสามีเราเสนอให้สามีเราเลือกด้วยว่า จะเอาเงินออกไปตั้งตัว หรือจะเอาไปตั้งตัวแล้วไม่ได้ค่อยกลับมา หรือจะไปๆมาๆก็ได้ (พ่อสามีเป็นคนใจดีใจอ่อน อ่อนไหว อารมณ์สวิง กลับไปกลับมา)
5. พ่อสามีบอกว่าเขาไม่ได้สร้างปัญหา บอกให้แม่สามีไปแก้เอง ให้แม่สามีมาคุยกับเรา พ่อสามีคอยย้ำสามีเราตลอดว่าถ้าคุยแล้วเราไม่อยู่ ให้เลิกๆ
ความรู้สึกของเราหลังสามีมาบอก
1. เราตกใจและเสียใจมากที่จู่ๆพ่อสามีบอกให้สามีเลิกกับเรา ทั้งยังบอกให้เลือก สามีเองก็น้ำตาคลอ เราเลยบอกว่าสามีไม่ต้องเลือก ทำไมต้องเลือก ทุกฝ่ายสำคัญ ไม่มีใครมาบีบบังคับให้ใครเลือกใครได้นะ และเราก็บอกสามีว่าพ่อเธอตัดสินใจอย่างนี้ค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะ ไม่ให้คนสร้างปัญหารับรู้ กลัวพี่น้องทะเลาะกัน แต่มาบอกให้เราเลิกกัน
แม่สามีมาคุยกับเราโดยที่มีสามีเราอยู่ด้วย
1. แม่สามีมาคุยกับเรา บอกว่าเราก็ล้างเยอะอยู่(คือน่าจะบอกว่าเธอก็ไม่ได้ล้างเยอะมากมายนะ) และโทรเรียกก็แค่ครั้งเดียวเอง โถ่ ที่ไม่ได้ใช้ลูกสาวลูกเขยล้างเพราะเห็นเขาลำบากมาก แล้วก็บอกว่าในเมื่อพ่อสามีบอกว่าผิด เราก็บอกว่าผิด งั้นเขาก็ผิดเอง
2. แล้วพวกเราไม่หวังพึ่งบ้านลูกสาวบ้านเหรอ บลาๆ...
ความรู้สึกเราหลังแม่สามีมาคุย
1. เรารู้สึกว่าแม่สามีอ้างเหตุผลได้ไม่ตรงประเด็นสุดๆ เหตุผลเราคือความรู้สึกที่เราเหมือนเป็นเบ๊รับใช้ลูกสาวเขากับลูกเขยเขา ไม่ใช่ประเด็นล้างมากล้างน้อย โทรเรียกไปล้างกี่ครั้ง ไม่ใช่ประเด็นเล้ย
ผลหลังคุยประเด็นนี้
1. พ่อสามีกับแม่สามีได้บอกเหตุผลในไลน์กลุ่มกับน้องสาวสามีว่าช่วงนี้ป่วย ให้มากินข้าวแค่วันเสาร์(วันที่มีแม่บ้านมา) บ้านนี้จะทำอาหารง่ายๆกินกันเอง น้องสาวแฟนก็บอกว่าตัวเองกับสามียังไงก็ได้
2. แม่สามีไม่เรียกใช้เราอีกเลย ทำเหมือนเรียกใช้เราไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหา เรียกใช้แต่สามีเรา
ความรู้สึกเราหลังเกิดประเด็นนี้
1. เราเคืองมากกับคำพูดน้องสาวสามี บอกตัวเองกับสามียังไงก็ได้ ไม่เรื่องมาก พูดงี้ก็รับบทนางฟ้าไปสินะ ทั้งที่สร้างปัญหาแล้วยังไม่รู้ตัว เอ๊ะ หรือรู้ก็ไม่รู้
2. เรารู้สึกงงๆ...เพราะแก้ปัญหาด้วยการไม่ให้น้องสามีกับน้องเขยมากินอย่างนี้ ก็ล้วนไม่พ้นว่าเราไม่ให้มา ไม่อยากให้มาแน่นอน ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก ทำหลังเราแต่งเข้าไป ชีวิตเปลี่ยนทันที-*-
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...ไปต่อ Part 2 กันค่ะ